บทที่ 2017 สนใจในสิ่งที่แตกต่าง + ตอนที่ 2018 ความสงสัยของเหมยซูหาน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2017 สนใจในสิ่งที่แตกต่าง

เหมยเหมยนึกเสียใจที่ยอมให้เหยียนหมิงซุ่นบอกเฮ่อเหลียนชิงเรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดมาแต่กำเนิด ถ้าเกิดเขาคนนั้นไปบอกหนิงเฉินเซวียนขึ้นมา เสี่ยวเป่าคงตกอยู่ในอันตรายแน่

“วางใจเถอะ พ่อบุญธรรมของพี่มีแต่จะอยากทำให้หนิงเฉินเซวียนโชคร้าย แล้วจะพูดขึ้นมาตอนนี้ได้อย่างไร เขาต้องปิดปาดเงียบแน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นมีความมั่นใจมาก คุณสมบัติของเสี่ยวเป่าเป็นอย่างไรตอนนี้เขาไม่รู้ แต่เขาแน่ใจอย่างหนึ่งว่าคนที่มองไม่เห็นจะไม่สามารถเป็นทายาทผู้สืบทอดได้

หนิงเฉินเซวียนที่ไม่รู้เรื่องนี้จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเลี้ยงดูเสี่ยวเป่า หากไม่มีใครพูดถึงจุดบกพร่องข้อนี้ออกมา เรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดแต่กำเนิดคาดว่าคงถูกสังเกตเจอในวัยสองถึงสามขวบ หากคิดจะลงมือทำอะไร บางทีอาจจะปิดบังได้นานกว่านี้หน่อย

โอกาสดีขนาดนี้เฮ่อเหลียนชิงจะยอมพลาดได้อย่างไร?

เขาจะต้องคิดหาวิธียื้อเวลาไม่ให้หนิงเฉินเซวียนสังเกตเห็นว่าเสี่ยวเป่าตาบอด แบบนี้แล้วหากตอนรู้ว่าทายาทที่ตนเองอบรมเลี้ยงดูมาด้วยใจตาบอดแต่กำเนิด หนิงเฉินเซวียนถึงจะได้รับความสะเทือนใจรุนแรงกว่าเดิม และนั่นยิ่งทำให้เฮ่อเหลียนชิงได้ใจขึ้นไปอีก

“งั้นก็ปิดได้ไม่นาน พอเสี่ยวเป่าเดินได้หนิงเฉินเซวียนก็จะสังเกตเห็นเรื่องนี้แน่ พี่คะ พี่ว่าหนิงเฉินเซวียนจอมวิปริตนั่นจะลงมือทำร้ายเสี่ยวเป่าไหม?” เหมยเหมยเป็นกังวลมาก

“ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ต่อให้หนิงเฉินเซวียนอยากลงมือ เฮ่อเหลียนเช่อจะต้องห้ามไว้แน่ เจ้าบ้านั่นชอบเสี่ยวเป่าขนาดนั้น ไม่มีทางนิ่งดูดายปล่อยให้เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าหรอก”

เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจในตัวเฮ่อเหลียนเช่อมาก จริง ๆแล้วเขารู้สึกว่าตัวเขากับเฮ่อเหลียนเป็นคนประเภทเดียวกัน

พวกเขาต่างเป็นชายแล้งน้ำใจแต่กลับเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย

พวกเขาไม่ได้เกิดความรู้สึกกับใครง่าย ๆแต่หากได้เกิดความรู้สึกกับใครแล้วก็มักจะทุ่มให้สุดใจจนอดไม่ได้ที่จะยอมยกสิ่งดี ๆทั้งหมดให้คนที่ตนรัก เช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่อเหมยเหมย และเหมือนที่เฮ่อเหลียนเช่อปฏิบัติต่อเหมยซูหาน

ในส่วนของความรู้สึกพวกเขาเหมือนกัน แม้แต่อารมณ์ความรักก็คล้ายคลึงกัน

แต่กลับถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกัน หากไม่ตายก็จะไม่มีวันเลิกรา

ดูจากตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกรักและเอ็นดูเสี่ยวเป่าเข้าแล้ว คนอย่างเขาถ้าได้รู้สึกขึ้นมาคงไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าแน่ เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์

แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ได้รู้จักเฮ่อเหลียนเช่อดีแต่เธอเชื่อใจเหยียนหมิงซุ่น ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นเชื่อใจเฮ่อเหลียนเช่อมากขนาดนี้ เช่นนั้นเธอเองก็เชื่อใจเขาด้วย

เสี่ยวเป่าหน้าตางดงามจนไม่มีใครเทียมได้ เหมยเหมยลอบถอนหายใจ “ถ้าลูกของเราในอนาคตงดงามได้เหมือนกับเสี่ยวเป่าก็คงดีสิ”

เด็กน้อยน่ารักอย่างเสี่ยวเป่าช่างหาได้ยากเหลือเกินจึงไม่แปลกเลยที่อู่เยวี่ยจะได้ใจขนาดนั้น พระเจ้าช่างไม่มีตาเอาเสียเลย ส่งเด็กที่งดงามขนาดนี้ให้มาเกิดใหม่ในท้องของยัยชั่วอู่เยวี่ย

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นตึกตัก ตอนนี้พอเขาได้ยินเรื่องเด็กก็ปวดหัวขึ้นมา ซ้ำยังรู้สึกหวั่นใจกลัวว่าเหมยเหมยจะพูดเรื่องนี้กับเขามากไปกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าจะปิดบังต่อไปเช่นไรแล้ว

“ลูกของเราในอนาคตจะต้องหน้าตาดีกว่าเสี่ยวเป่าแน่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีจริงจัง เขาหน้าตาหล่อเหลากว่าหนิงเฉินเซวียนร้อยเท่า เหมยเหมยก็สวยกว่าอู่เยวี่ยเป็นหมื่นเท่า ฐานสูงเสียยิ่งกว่าเทือกเขาเอเวอเรสต์ ฉะนั้นเด็กที่จะคลอดออกมามีหรือที่จะสู้เสี่ยวเป่าไม่ได้?

ลูกเขาต้องน่าตาดีกว่าเสี่ยวเป่าแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขายังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรไปเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อได้ล่ะ?

เหมยเหมยกลอกตามองเขาทีหนึ่ง ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?

แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเด็กจะได้มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่มีคำนามคำหนึ่งไม่เคยได้ยินหรือไง?

การกลายพันธุ์ของยีนน่ะ!

“เสี่ยวเป่าเอายีนเด่นมาจากพ่อแม่ แต่ถ้าเกิดว่าลูกเราดึงเอายีนด้อยของเราสองคนมารวมกันล่ะจะเป็นอย่างไร?”

ในสมองของเหมยเหมยได้วาดภาพเด็กทารกที่ดึงเอาข้อบกพร่องของเธอและเหยียนหมิงซุ่นมารวมกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา โธ่สวรรค์ อย่าแกล้งกันแบบนี้เลย!

เหยียนหมิงซุ่นตบศีรษะเหมยเหมยเบา ๆด้วยความโมโห ตำหนิว่า “หน้าตาของพวกเราไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด สมบูรณ์ไร้ที่ติ!”

เหมยเหมย ‘…ไปเอาความมั่นใจมากจากไหนนะ?’

………………………………………………………

ตอนที่ 2018 ความสงสัยของเหมยซูหาน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ใกล้เข้าฤดูร้อนแล้ว อีกแค่หนึ่งเดือนมหาวิทยาลัยก็จะปิดเทอมภาคฤดูร้อน

เจ้าหญิงอัปลักษณ์ซีซั่นแรกถ่ายทำเสร็จไปแล้วซึ่งจะฉายออกอากาศในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้นจะต้องได้รับใบอนุญาตออกอากาศจากสำนักงาน GD เสียก่อน

“เหมยเหมย ครั้งนี้คงไม่เกิดเรื่องอีกนะ?” จ้าวเสวียเอ๋อร์เป็นกังวลมาก

“วางใจเถอะ ฉันจะพยายามหาวิธีเอาใบอนุญาตมาให้ได้” ปากเหมยเหมยพูดปลอบโยนแต่ในใจกลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย

สำนักงาน GD ไม่ใช่ที่ของเธอ หากว่าอู่เยวี่ยเริ่มอาละวาดขึ้นมาอีกแล้วสั่งให้โอหยางเซี่ยงหมิงหยุดละครเรื่องนี้ไว้ โดยที่ก็ไม่ได้แจ้งว่าไม่ให้ฉาย ยื้อเวลาออกไปอีกเป็นปีครึ่งละก็ละครคงได้จบเห่กันพอดี

เรื่องแบบนี้เธอมักจะพบเห็นได้บ่อยในชาติก่อนบนอินเทอร์เน็ต ว่ากันว่าหลังจากถ่ายทำรายการทีวีและภาพยนตร์หลาย ๆเรื่องเสร็จสิ้น บางทีอาจจะถูกตีตายเข้าไปอยู่ในวังเย็นไม่มีโอกาสได้ออกอากาศตลอดชีวิต

เธอเองก็ไม่อยากให้เจ้าหญิงอัปลักษณ์ถูกตีตายเข้าไปอยู่ในวังเย็นสักหน่อย

“เรื่องนี้เธอจัดการเองแล้วกัน ไม่งั้นพี่ให้ทางกองถ่ายเริ่มถ่ายทำซีซั่นสามเลยไหม?”

จ้าวเสวียเอ๋อร์พลันโล่งใจ เข้าใจว่าน้องสาวของตนนั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

การถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์นั้น เหมยเหมยไม่ได้ให้ทางผู้กำกับทำตามขั้นตอนที่เคยวางไว้ โดยการถ่ายทำละครเสร็จแล้วจึงค่อยตัดออกอากาศ แต่กลับใช้วิธีการถ่ายไปด้วยออกอากาศไปด้วยแบบซีรีส์อเมริกันที่ได้รับความนิยมมาใช้แทน เพราะหากเกิดจุดไหนที่ไม่ดีก็สามารถตัดทิ้งได้เลย

ผู้กำกับฟางชิงผิงใจเต้นกับคำแนะนำของเหมยเหมย เขาเองก็คิดว่านี่เป็นวิธีการที่ดีมากเช่นกัน และตัวเขาเองก็ไม่เคยถ่ายทำละครประเภทนี้มาก่อน สำหรับตัวเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นการเรียนรู้และเป็นโอกาสที่จะได้ก้าวออกมาจากคอขวด[1]

เนื่องจากคนงานในกองถ่ายและนักแสดงต่างก็ทุ่มเทและตั้งใจกับงานมาก ดังนั้นการถ่ายทำจึงราบรื่นดี ซีซั่นแรกและซีซั่นสองถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับฟางชิงผิงตั้งใจที่จะทำออกมาทั้งหมดสี่ซีซั่น ซีซั่นละยี่สิบสี่ตอน เป็นโครงการใหญ่ทีเดียวล่ะ!

ตอนแรกตั้งใจว่าหลังจากที่ซีซั่นแรกออกอากาศจะรอดูผลตอบรับและการให้คำแนะนำของผู้ชม เพื่อดูว่ามีจุดไหนที่ต้องแก้ไขแล้วค่อยเริ่มถ่ายทำอีกสองซีซั่นที่เหลือ

เหมยเหมยปฏิเสธคำแนะนำของจ้าวเสวียเอ๋อร์ “ไม่ต้องรีบ ให้กองถ่ายพัก ให้ทุกคนได้พักผ่อนดี ๆก่อน รอหลังจากซีซั่นแรกออกอากาศจบ ค่อยเริ่มถ่ายทำซีซั่นสาม”

ใจร้อนไปก็ไม่อาจทำให้สิ่งต่าง ๆลุล่วงได้ เธอจะไม่ยอมให้ความเร่งรีบมาทำให้ผลผลิตละครทีวีออกมาดูแย่จนทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอ

จ้าวเสวียเอ๋อร์รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เขาคือนักธุรกิจที่มุ่งเน้นในเรื่องเงิน กำไรเท่านั้นที่จะเป็นรากฐานของเขา ดังนั้นการคิดถึงปัญหาของเขาจึงแตกต่างจากเหมยเหมยไปโดยสิ้นเชิง

สำหรับเขาแล้วเจ้าหญิงอัปลักษณ์มีฐานการขายที่ดี เรตติ้งการรับชมคงไม่ต่ำแน่นอน และต้องทำเงินได้อยู่แล้ว

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ถ่ายทำทั้งสามซีซั่นให้จบทีเดียวเลย จากนั้นค่อยถ่ายทำละครเรื่องอื่น สิ่งสำคัญที่สุดของการหาเงินก็คือความเร็วมิใช่หรือ?

แต่เหมยเหมยกับคิดถึงเรื่องคุณภาพของชิ้นงาน เงินทองเป็นรองเพราเธอไม่ขาดแคลนเงิน เธอสนใจเรื่องของการรับประกันคุณภาพงานมากกว่า

เหมยเหมยรู้ความคิดของจ้าวเสวียเอ๋อร์แต่แรกแล้ว เพราะงั้นเธอถึงเซ็นสัญญากับจ้าวเสวียเอ๋อร์ เพื่อให้บัญชีพี่น้องคุยกันรู้เรื่องหน่อย

“พี่สาม สัญญากำหนดไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำละครทีวีจะเป็นไปตามคำสั่งของฉัน พี่อย่าลืมสิ” เหมยเหมยพูดติดตลกแฝงการตักเตือนเขา

จ้าวเสวียเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นจึงนึกถึงสัญญาที่เขาโยนทิ้งไปแล้ว

แย่แล้ว น้องสาวของเขาไม่ธรรมดาเลย ขุดหลุมลึกให้เขามาตั้งแต่แรกและตัวเขาก็ยินยอมที่จะกระโดดลงไปเอง ถึงขนาดไม่แม้แต่จะอ่านดูเลยด้วยซ้ำ

“ได้ ๆ เอาตามเธอว่าเลยแล้วกัน พี่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้ว เธอแจ้งให้ถ่ายทำเมื่อไรก็จะถ่ายทำเมื่อนั้น พี่จะกลับไปจัดการกับหนังของพี่แล้วนะ”

จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดออกมาอย่างปวดใจ เตรียมจะปล่อยเจ้าหญิงอัปลักษณ์ไว้ก่อน แล้วไปทุ่มกับการถ่ายภาพยนตร์ดีกว่าเพราะทางนั้นได้เงินเร็ว!

น้องสาวไม่สนใจเงิน แต่เขาสน!

ไม่มีเงินจะแต่งงานหาภรรยาได้อย่างไร?

…………………………………………………………………..

[1] ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคออกมาได้ แล้วพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น