ตูม!

เจดีย์สมบัติสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ทะยานชั้นฟ้า ปกคลุมฟ้าดิน ตอนที่ร่วงลงมาเข่นฆ่าจากฟากฟ้า สาดพรมเสียงธรรมอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตออกมา

ท่ามกลางความเลือนราง ดุจดั่งมีอักขระลึกลับปรากฏขึ้นบนเจดีย์สมบัติ

แต่ละอักษรล้วนมีความอัศจรรย์ที่สยบภูผาธารา จับมัดเทพผี

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ประทับฝังโลหิตก็ถูกกดข่มจนส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด แสงโลหิตชั่วร้ายบนนั้นล้วนสลายไป หลอมละลายราวกับหิมะน้ำแข็ง

ปึง!

ที่ทำให้ผู้คนเสียวสยองยิ่งกว่าคือ สมบัติอริยะนองเลือดที่ถูกนำมาเป็นศาสตราอริยะบริสุทธิ์และฟูมฟักภายในกายของเฟิงอวิ๋นเชวียมาโดยตลอดชิ้นนี้ ปรากฏร่องรอยแตกสายแล้วสายเล่า!

เสียงดังพรูดคราหนึ่ง เฟิงอวิ๋นเชวียราวกับเจอการสะท้อนกลับ กระอักเลือดพรวด ร่างกายซวนเซ

“ไม่!”

เขาเดือดดาลตกใจ แผดเสียงคำรามออกมา หมายจะเก็บสมบัติคืน เพราะเมื่อศาสตราอริยะบริสุทธิ์ถูกทำลาย ก็จะเสียหายไปถึงมรรควิถีของเขาด้วยเช่นกัน

ฉัวะ!

แต่ภายใต้การกำราบของเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ประทับฝังโลหิตแตกอออกตรงๆ จากนั้นก็ระเบิดกลางอากาศ ระลอกคลื่นสีเลือดอันน่าสะพรึงนั่นทำเอาห้วงอากาศแถบนั้นกลายเป็นสีเลือดเข้มข้น เดือดพล่านไม่หยุด

เฟิงอวิ๋นเชวียส่งเสียงร้องคราหนึ่ง ริมฝีปากกระอักเลือดสด สีหน้าขาวซีดหาใดเปรียบในทันที หว่างคิ้วเปี่ยมด้วยแววเดือดคลั่งเคียดแค้น

หมายจะครอบครองศาสตราอริยะบริสุทธิ์หนึ่งชิ้น เดิมก็เป็นเรื่องที่ลำบากตรากตรำสุดขีดอย่างหนึ่ง และประทับฝังโลหิตชิ้นนี้ ยิ่งถูกเฟิงอวิ๋นเชวียทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายไม่รู้เท่าไหร่ฟูมฟักมา

แต่ตอนนี้เพิ่งจะประมือครั้งเดียวเท่านั้น ยังไม่ทันสำแดงฤทธิ์ก็ถูกกำราบและทำลายทิ้งอย่างสิ้นเชิง จะไม่ให้เฟิงอวิ๋นเชวียเดือดดาลได้หรือ

หัวใจล้วนหลั่งเลือด!

ในลานก็มีเสียงอุทานตกใจระลอกหนึ่งดังขึ้น คล้ายคิดไม่ถึงว่าเหตุใดเจดีย์ที่หลินสวินเรียกออกมาจึงน่าสะพรึงขนาดนี้

แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่สมบัติอริยะทั่วไปจะเทียบชั้นได้!

หาไม่มีหรือจะสามารถทำลายศาสตราอริยะบริสุทธิ์ของเฟิงอวิ๋นเชวียได้ในการโจมตีเดียว

แม้แต่หลินสวินในใจก็ยังผุดระลอกคลื่นวูบหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน

ที่ผ่านมาตอนที่ยังไม่บรรลุอริยะ แม้ว่าเขาจะมีพลังในการสังหารอริยะ แต่ตอนที่เปิดใช้เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ก็ยังคงทำได้เพียงปลดปล่อยอานุภาพส่วนน้อยนิดออกมาเท่านั้น

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ตอนที่เขาใช้พลังแห่งมกุฎอริยะแท้มาควบคุม ถึงทำให้อานุภาพแท้จริงของสมบัตินี้ปลดปล่อยออกมาชัดเจน!

ดูจากอานุภาพของมัน สมกับเป็นสมบัติสูงสุดที่ตกทอดมาจากคีรีดวงกมล โดดเด่นเหนือธรรมดาเกินไป สะท้านอดีตสะเทือนปัจจุบัน

“เจ้าเด็กสวะ! ข้าจะให้เจ้าตาย!”

เฟิงอวิ๋นเชวียคำรามเดือด ผมเคราปลิวสะบัด เดือดคลั่งอย่างสิ้นเชิง บุกสังหารไปทางหลินสวิน

หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น ไม่มีระลอกคลื่นแปรปรวน

ส่วนเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดก็เคลื่อนหลุนๆ ปลดปล่อยแสงมรรคทองนิลกาฬ ชั่วพริบตาก็กำราบการบุกโจมตีของเฟิงอวิ๋นเชวียไว้ได้

ตูม!

จากนั้นภายใต้สายตาสยดสยองของทุกคน มกุฎอริยะอย่างเฟิงอวิ๋นเชวียถึงกับย่อขนาดลงเท่ามดปลวกก็ไม่ปาน ถูกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดบดขยี้ร่างแหลก วิญญาณกระเด็นดับ!

อย่าว่าแต่ซากศพ แม้แต่วิญญาณก็ยังไม่มีเหลือ ถูกกำจัดไปจากโลกตรงๆ!

“นี่…”

ลูกตาของพวกเล่อเซวี่ยซิวแทบหลุดออกมา

ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินสวินยังไม่ได้ใช้สมบัติ ก็กดข่มจนพวกเขาโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

ต่อมาดาบหักพุ่งโฉบ แต่กลับไม่ใช่สมบัติอริยะ อานุภาพแม้จะดุดันจนน่ากลัวแต่ยังไม่เพียงพอจะข่มขู่มกุฎอริยะพวกนี้ได้

และเพราะเช่นนี้ ทำให้พวกเล่อเซวี่ยซิวสงสัยยิ่งว่าหลินสวินเพิ่งบรรลุอริยะ ในมือน่าจะไม่มีสมบัติอริยะที่คล่องมือเป็นพิเศษ

แต่ไหนเลยจะคาดคิด การปรากฏของเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ครู่เดียวก็สั่นคลอนความรู้ความเข้าใจของพวกเขา!

นี่เป็นสมบัติอริยะระดับใด เหตุใดจึงแข็งแกร่งเช่นนี้

“เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด สมบัติที่นายท่านได้มาจากโลกชั้นล่าง มาจากแดนลับดวงกมลในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในนั้นมีความเร้นลับยิ่งใหญ่!”

เสี่ยวอิ๋นฮึกเหิม ยักคิ้วหลิ่วตา

เทพธิดารั่วอู่คล้ายขบคิด

บนเวิ้งฟ้าเสียงครวญวังเวงแห่งอริยะร่วงหล่นที่คุ้นเคยดังขึ้นมาอีกครั้ง ในนภาครามถูกสีเลือดเปื้อนย้อม

จนตอนนี้หลังจากจัดการเสอไท่สิง ถูว่านคง ถูเยี่ยนเหวิน มกุฎอริยะจากเผ่าผึ้งมารลายดำอย่างเฟิงอวิ๋นเชวียก็ถูกสังหาร!

และเวลานี้ในลานเพียงเหลือเล่อเซวี่ยซิว เฮ่อชิงไหว และชางสิงคุนสามคน

เพียงแต่สีหน้าของพวกเขาล้วนเขียวคล้ำหาใดเปรียบ หว่างคิ้วเจือแววตกใจกลัวที่ไม่สามารถกลบซ่อน

เมื่อภาพล้มตายครั้งแล้วครั้งเล่าบังเกิดขึ้น ก็ทำให้พวกเขาได้สติจากเพลิงโทสะคับอก ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงและอันตรายของตนเอง ร่างกายล้วนสั่นเทิ้มราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ยังดำเนินไม่ถึงครึ่งเค่อก็มีมกุฎอริยะสี่คนถูกพิฆาต ความสูญเสียระดับนี้ถึงแม้จะไม่ทำให้ค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตเสียหายร้ายแรง แต่ก็เป็นการโจมตีที่ไม่น้อยเลย

ที่ชวนสยองที่สุดคือ จนกระทั่งตอนนี้คู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่เสียหายสักนิด ปลอดภัยไร้อันตราย!

นี่ยังจะสู้อย่างไรอีก

พวกเล่อเซวี่ยซิวต่อให้ไม่ยินยอมแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้

เจ้านี่ ไม่อาจสู้ได้!

“เจ้าเด็กสวะ ความแค้นนี้ดินแดนโบราณมารโลหิตของข้าจะไม่ลืมเด็ดขาด!”

เล่อเซวี่ยซิวกล่าวอย่างคับแค้น

กล่าวเสร็จเขาก็เคลื่อนย้ายผ่านอากาศโดยพลัน ร่างพริบไหวหายวับไปจากลาน เผ่นหนีออกไปไกล

“พวกเราก็ไปด้วย!”

เฮ่อชิงไหว ชางสิงคุนสีหน้าเปลี่ยนไปทันใด เคลื่อนย้ายเผ่นหนีผ่านห้วงอากาศไปพร้อมกัน

ตั้งแต่ต่อสู้จนบัดนี้ หลินสวินไม่เคยเผยร่องรอยที่จะถูกสั่นคลอนใดๆ ออกมา แม้จะถูกล้อมกรอบเขาก็ยังกดดันจนพวกเขาโงหัวไม่ขึ้น

คู่ต่อสู้เช่นนี้สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเขาล้วนสิ้นหวัง!

“ข้าเคยบอกแล้ว วันนี้หากพวกเจ้าหนีรอดไปได้ ข้าจะทำลายมรรควิถีแห่งตน!”

หลินสวินแค่นหัวเราะ เขาเดาได้แต่แรกแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นพริบตาที่เล่อเซวี่ยซิวเผ่นหนี เงาร่างของเขาก็พลอยหายลับไปด้วย

สวบ!

ในเวลาเดียวกันพลังจิตของเขาออกจากร่าง รูปจำลองวิญญาณอริยะพุ่งออกไป ควบคุมดาบหักโจมตีไปทางเฮ่อชิงไหวที่หนีไปอีกทาง

ชางสิงคุนลอบรู้สึกโชคดีกับตัวเอง ตนไม่ได้ถูกจับตามอง แต่ไหนเลยจะคาดคิด ยังไม่ทันรอให้เขาดีใจ ทางเบื้องหน้าก็ถูกเงาอรชรสายหนึ่งขวางเอาไว้

รั่วอู่ที่เฝ้าระวังสถานการณ์การต่อสู้มาโดยตลอดเข้าโจมตีในเวลานี้!

“ข้าไม่อาจทำใจเห็นเขาทำลายมรรควิถีแห่งตนได้หรอก ดังนั้น เจ้าต้องอยู่ก่อน”

น้ำเสียงใสเย็นเยียบดุจน้ำแข็งเพิ่งดังขึ้น รั่วอู่ก็ลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด

วู้ม!

มือเรียวยาวขาวหิมะประหนึ่งมันข้นโบกสะบัด ประกายไฟเพลิงเทพระฟ้าโปรยปรายลงมา มีอานุภาพแผดเผาเวิ้งฟ้า

แรกเริ่มเดิมทีนางเผยร่องรอยที่หุบเขาลมน้ำแข็ง ถูกมกุฎอริยะเจ็ดคนเต็มๆ ร่วมมือกันล้อมกรอบไล่ล่าสังหาร บาดเจ็บสาหัสตลอดทาง ทำให้ฐานมรรคได้รับความเสียหาย ต้องข่มกลั้นความแค้นและความเดือดดาลในอกตั้งแต่ตอนนั้น

และตอนนี้ ในที่สุดก็ถึงคราวระบายออกมาแล้ว!

ตูม!

ร่างของนางอ้อนแอ้น พิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา กลิ่นอายงามวิจิตรเจือท่วงทำนองดุจดั่งอริยเทพ แต่เมื่อเริ่มลงมือ กลับโจมตีกร้าวแกร่งไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย

เมื่อถูกขวางทางล่าถอย ดวงตาชางสิงคุนล้วนแดงก่ำ เข้าโจมตีสุดกำลัง เขารู้ชัดดีว่ายิ่งถ่วงเวลายืดยาว รอให้หลินสวินยื่นมือเข้าออกมา ก็ถึงคราวตายของเขา!

ตูม!

แต่เริ่มต่อสู้ไม่ทันไร เสียงก้องกระหึ่มประหนึ่งสะเทือนฟ้าดินสายหนึ่งก็ดังลอยมาจากส่วนลึกของป่าหลอมจิตอันกว้างใหญ่ที่อยู่ไกลๆ แห่งนั้น

จากนั้นเสียงครวญแห่งอริยะร่วงหล่นก็ดังขึ้นจากฟากฟ้า!

ตายเร็วขนาดนี้เลยหรือ

ทั่วร่างชางสิงคุนล้วนสั่นเทิ้ม สีหน้าหวาดกลัว ในใจล้วนถูกความพรั่นพรึงเข้าปกคลุม

นี่เพิ่งนานเท่าไหร่เอง?

ส่วนลึกของป่าทึบที่อยู่ไกลๆ เล่อเซวี่ยซิวลอยล่องเป็นผงธุลี ไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้อีก เพราะเขาถูกศรดอกหนึ่งเสียบทะลุหัว!

พริบตาที่ล่าสังหาร หลินสวินก็เรียกธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมา ก่อนง้างยิงออกไปหนึ่งดอกอย่างไม่ลังเล และสามารถสังหารมกุฎอริยะเผ่าเหยี่ยวมารเหินอย่างเล่อเซวี่ยซิวทิ้งตรงๆ ไม่ผิดไปจากที่คาดแต่อย่างใด

สาเหตุง่ายดายยิ่ง เหมือนกันกับเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ธนูวิญญาณไร้แก่นสารในตอนนี้ถูกหลินสวินที่มีพลังระดับมกุฎอริยะแท้นำมาใช้ ถึงได้สำแดงอานุภาพแท้จริงของธนูดุร้ายคันนี้ออกมาอย่างชัดเจน!

อีกด้านหนึ่ง

เฮ่อชิงไหวที่กำลังจะเผ่นหนีก็ได้ยินเสียงกึกก้องสายนั้นเช่นกัน มองเห็นสีเลือดคับฟ้าก่อตัว เสียงธรรมวังเวงดังกังวาน

นี่ทำให้ทั่วร่างนางแข็งทื่อ ขนลุกขนชันเช่นกัน

“คิดจะสังหารให้หมดจริงๆ หรือ นี่คือโลกมารโลหิต เจ้าไม่กลัวถูกแก้แค้นรึ”

สัมผัสได้ว่าฝีเท้าที่ไล่ล่าของหลินสวินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เฮ่อชิงไหวก็อดส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้งไม่ได้ เริ่มข่มขวัญ

“แก้แค้น? ข้าต่างหากที่ควรแก้แค้นพวกเจ้าถึงจะถูก”

เบื้องหลังรูปจำลองวิญญาณอริยะของหลินสวินสีหน้าเย็นชา ควบคุมดาบหักบั่นเฉือนออกไปโดยไม่ลังเล

กระบวนเฉือนเกิดดับ!

ในหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า หากพูดถึงความเร็ว ไม่มีกระบวนใดเทียบชั้นกระบวนเฉือนเกิดดับได้

นัยเร้นลับที่การโจมตีนี้บรรจุไว้มีเพียงคำเดียว เร็ว!

สวบ!

เบื้องหน้าเฮ่อชิงไหวเจ็บแปลบระลอกหนึ่ง หยุดฝีเท้าที่เคลื่อนย้ายกะทันหัน จากนั้นก็เห็นแสงคมกริบสายหนึ่งขยับไหวผ่านเบื้องหน้าไป

หากไม่ใช่เพราะนางหยุดฝีเท้าทันเวลา ลำคอก็คงปะทะคมแหลมนั่นจังๆ!

นี่ทำให้นางสูดหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง ฝ่ามือตบออกไปอย่างแรง ซัดดาบหักให้สะเทือนถอย

แต่ก็เพราะการหยุดเท้าครั้งนี้ จึงถูกรูปจำลองวิญญาณอริยะของหลินสวินตามทัน

“เจ้าหนีไม่รอดหรอก”

หลินสวินเอ่ยปากเรียบเฉย ดาบหักฟันฉับลงไปอย่างไม่ลังเล

มรดกอักษรสังหาร!

“รังแกกันเกินไปแล้ว!”

เฮ่อชิงไหวส่งเสียงหวีดแหลมออกมาสายหนึ่ง เรียกแส้อ่อนสีเงินที่ประทับอักขระเบียดแน่นเส้นหนึ่งออกมา หวดสะบัดออกไป ประหนึ่งเจียวหลงสีเงินร่ายระบำ เลื้อยทอดกลางฟ้าดิน บดแหวกห้วงอากาศ

นางเองก็กำลังสู้สุดชีวิตเช่นเดียวกัน

ปึงๆๆ!

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ทั้งคู่ก็ประมือกันหลายร้อยครั้ง ทำเอาฟ้าพลิกดินคว่ำ สุริยันจันทราหม่นแสง ประกายคมและเงาแส้อันน่าสะพรึงม้วนตลบแปดทิศ

ตูม!

ทันใดนั้นเฮ่อชิงไหวสาวเท้าก้าวออกไป ด้านหลังร่างกายปรากฏปีกสีทองอร่ามคู่หนึ่ง ดุจดั่งมีดกรรไกรขนาดใหญ่ยักษ์เล่มหนึ่ง หนีบสังหารเสียงดังชิ้ง

นี่คืออภินิหารพรสวรรค์ของเผ่ากระเรียนมังกรปีกทอง เจียวหลงปีกตะไกร คมกริบไร้เทียมทาน มีอานุภาพตัดสังหารเทพผี

ปึง!

ท่ามกลางเสียงกระแทกสนั่นหวั่นไหว รูปจำลองวิญญาณอริยะของหลินสวินถูกซัดสะเทือนจนโคลงเคลงเล็กน้อย ดาบหักก็ถูกสกัดกั้น ย้อนกลับไปแบบคว้าน้ำเหลว

นี่ทำให้หลินสวินทอดถอนใจในใจ ถึงแม้ดาบหักจะมีการเปลี่ยนสภาพใหม่แล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นศาสตราอริยะบริสุทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้อานุภาพของมันมีจำกัดไปด้วย

ไม่เช่นนั้นการฝ่าทะลวงวิชายุทธ์ระดับนี้น่าจะเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายๆ

“แค่จิตวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้นก็กล้าขวางข้ารึ? ไสหัวไป!”

เฮ่อชิงไหวรับมือสู้ได้ทำให้ความมั่นใจทบทวี เพียงแต่ขณะที่นางตั้งท่าจะหลบหนีต่อ

ตูม!

เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดร่วงลงมาจากฟากฟ้า กดอัดร่างนางเอาไว้ข้างใต้ สะเทือนจนแกนกระดูกของนางล้วนแตกหักดังกรอบแกรบไม่รู้กี่ท่อน

นางส่งเสียงกรีดร้องออกมา ตื่นตระหนกอย่างสิ้นเชิง

เพราะร่างจริงของหลินสวินไม่รู้พุ่งโฉบมาตั้งแต่เมื่อไหร่

สวบ!

รูปจำลองวิญญาณอริยะถูกเก็บกลับเข้าสู่ห้วงนิมิต ส่วนหลินสวินก็ชูมือยกเจดีย์สมบัติขึ้น ราวกับยกภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ขึ้นมา แสงมรรคดุจดั่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัดกระแทกลงไปอีกครั้ง

“เจ้ากล้า…”

เฮ่อชิงไหวหน้าเปลี่ยนสี ตกใจกลัวตะโกนลั่น

แต่เสียงหยุดไปโดยพลัน ถูกเสียงร้องก้องกระหึ่มอันน่าสะพรึงปิดครอบ ส่วนร่างกายของนางก็ถูกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดกระแทกจนแหลกละเอียดที่งอย่างนั้น เลือดเนื้อแดงฉานพุ่งสาด

วู้ม…

รอบกายหลินสวินปรากฏเงามายาหุบเหวใหญ่ที่ไร้ขอบเขต ลึกสุดหยั่งปากหนึ่ง กลืนกินโดยพลัน แม้แต่เลือดเนื้อที่ถูกบดขยี้เหล่านั้นของเฮ่อชิงไหวก็ยังดับสิ้น กำจัดเฮ่อชิงไหวอย่างสิ้นเชิง

“น่าขัน เหตุใดข้าจะไม่กล้า”

สายตาหลินสวินเย็นเยียบ

บนเวิ้งฟ้าเสียงครวญเศร้าดังขึ้นอีกครั้ง

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง หันตัวกลับไป

ยังเหลือชางสิงคุนอีกคน!

——