ตอนที่ 1530 สังหารไปตลอดทางแล้วอย่างไร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ผึ้งมารลายดำตัวหนึ่งที่ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือและไม่สะดุดตาเลยสักนิดคลานอยู่บนยอดกิ่ง เห็นภาพที่พวกหลินสวินปรากฎตัวพอดี

โดยเฉพาะตอนเห็นเหตุการณ์ที่เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตถูกฆ่าตายอย่างไร้สุ้มเสียง ผึ้งมารลายดำตัวนี้ตกใจจนแทบจะกรีดร้องออกมา

‘เจ้าสวะดินแดนรกร้างโบราณคนนี้มีชีวิตอยู่ ไม่ใช่หมายความว่าเสียงครวญอริยะร่วงหล่นที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ เป็นเสียงที่ดังขึ้นยามพวกใต้เท้าเล่อเซวี่ยซิวประสบเคราะห์หรอกหรือ’

‘หากเป็นเช่นนี้จริง…’

‘ไม่ได้การแล้ว ต้องกระจายข่าวนี้ออกไป!’

ผึ้งมารลายดำตัวนี้ตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ร้ายแรง

เพียงแต่ตอนที่มันเพิ่งกระพือปีกบินขึ้น พลันเห็นคนจิ๋วรูปลักษณ์หล่อเหลาที่สูงสามชุ่นไม่รู้ยืนอยู่ตรงหน้ามันตั้งแต่เมื่อไหร่

“เผ่าพวกเจ้าช่างต่ำช้าเหมือนพวกเผ่าสุนัขสวรรค์อาชาทมิฬแห่งดินแดนรกร้างโบราณ น่ารังเกียจ”

ชิ้ง!

เสี่ยวอิ๋นชักกระบี่ออกมา ประกายกระบี่กะพริบวาบ ผึ้งมารลายดำถูกฟันจนแหลกละเอียดคาที่

……

“ป่าหลอมจิตแห่งนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว ตอนแรกพวกเล่อมู่จิ้นกับอริยะอย่างเสอเฟิงมาที่นี่ ไม่นานต่างก็ประสบเคราะห์สิ้นชีพไป”

“ตอนนี้มีเสียงอริยะร่วงหล่นดังขึ้นไม่ขาดสาย พวกใต้เท้าเล่อเซวี่ยซิว… จะซ้ำรอยเดิมหรือไม่”

“แปลกเกินไปแล้วจริงๆ เพียงเพื่อตามฆ่าแพะสองขาดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง แต่ดันเกิดการสิ้นชีพมากมายขนาดนี้ ผิดปกติจริงๆ”

ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันเสียงเบา สีหน้าของทุกคนล้วนมีความประหลาดใจไม่สามารถสงบได้

พวกเขามักรู้สึกว่าในส่วนลึกของผืนป่ามืดดำนี้ มีกลิ่นอายที่น่ากลัวและแปลกประหลาดแพร่กระจายอยู่ ทำเอาพวกเขาหนาวสั่นขึ้นมา

“หรือว่า… พวกเราออกจากที่นี่ก่อน?”

มีคนเสนอ และได้รับเสียงตอบรับจากคนทั้งกลุ่ม

แต่ตอนที่พวกเขาเตรียมจะเคลื่อนไหว จู่ๆ สายตาก็ถูกผีเสื้อที่ขนาดประมาณฝ่ามือ ปีกราวกับถูกหลอมขึ้นจากหยกดำ เรียวบางงดงามไปทั้งตัวดึงดูด

“นี่คือ?”

“ช่างเป็นผีเสื้อที่สวยมาก”

พวกเขาอึ้งงัน รู้สึกประหลาดใจ

เพียงแต่ครู่ต่อมาสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปโดยพลัน

ผีเสื้อมารแยกฟ้ากระพือปีกเบาๆ ในห้วงอากาศรอบๆ พลันปรากฏรอยแยกห้วงอากาศที่แหลมคมดุจดาบมากมายปกคลุมลงมา

พรวดๆๆ!

ครู่ต่อมาเลือดสีแดงสดระเบิดออกดั่งประทัด สะท้อนในลานเป็นระลอก

น่าสยดสยองและนองเลือด

ตอนที่ผีเสื้อมารแยกฟ้าหายไป ในลานเหลือเพียงชิ้นส่วนอวัยวะ แขนที่ขาด แอ่งเลือดน่าสยดสยอง

……

“ใต้เท้า ในส่วนลึกของป่าหลอมจิตนั่นจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่แน่!”

ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่หน้าอริยะคนหนึ่ง แต่ละคนดูกังวล

อริยะคนนี้อยู่ในชุดคลุมดำ สวมเกี้ยวประดับสูงคาดเข็มขัดกว้าง สีหน้าเคร่งขรึม จ้องมองส่วนลึกของป่าหลอมจิต

ครู่หนึ่งเขาจึงพูดว่า “ต่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่แค่ไหน ก็มีมกุฎอริยะเจ็ดคนอย่างพวกใต้เท้าเล่อเซวี่ยซิวรับมืออยู่ พวกเจ้าจะลนลานอะไร”

“แต่เมื่อครู่นี้มีเสียงครวญอริยะร่วงหล่นเจ็ดเสียงดังก้องท้องฟ้าพอดี…” มีคนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

ชายชุดคลุมดำขมวดคิ้วพูด “นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือพวกเจ้าคิดว่ามกุฎอริยะจะร่วงหล่นง่ายปานนี้ โง่เขลา!”

ทุกคนมองหน้ากัน ต่างเงียบกริบ

“บังเอิญหรือ เช่นนั้นเจ้าคิดว่าหากข้าสังหารเจ้า นับเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่”

เสียงชัดเจนเสนาะหูดังขึ้น

“ใคร!?”

ชายชุดคลุมดำตวาด สายตามองไปไกลๆ ทันที

ก็เห็นเงาร่างงดงามที่อาบอยู่ในเปลวเพลิงพร่างพรายกำลังเดินออกจากส่วนลึกของผืนป่ามืดสนิท สวมชุดแดงทั้งตัว ผมดำราวกับน้ำตก ใบหน้างามไร้ที่ติเผยแสงประกายศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์

ชั่วครู่เดียวสีหน้าของชายชุดคลุมดำก็เปลี่ยนไปในที่สุด เป็นผู้หญิงที่ถูกมกุฎอริยะเจ็ดคนตามฆ่า!

นาง… ปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร

“รู้สึกบังเอิญมากใช่หรือไม่ น่าเสียดาย บางทีความบังเอิญก็หมายถึงความตาย”

รั่วอู่พูดเรียบๆ

ตอนที่สิ้นเสียง ในพื้นที่แถบนี้ถูกเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์รุนแรงปกคลุม

ชั่วพริบตาพื้นที่พันจั้งล้วนถูกแผดเผาสิ้น!

ส่วนอริยะชุดคลุมดำคนนั้นรวมถึงกลุ่มผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างๆ กลายเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่มีข้อยกเว้น หายไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง

……

ภาพเหตุการณ์เช่นนี้หลายภาพเกิดขึ้นในป่าหลอมจิตด้วยความเร็วน่าตกใจ

ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวอิ๋น ผีเสื้อมารแยกฟ้าหรือรั่วอู่ ความแค้นและความชิงชังสั่งสมอยู่ในใจมีมากเกินไป

ตอนนี้ล้วนกำลังแก้แค้น!

พร้อมๆ กับเวลาที่ไหลเคลื่อน เสียงโหยหวนน่าอนาถ กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก เสียงร้องตกใจตื่นตระหนก เงาร่างที่หนีเตลิด… ปรากฏขึ้นในป่าหลอมจิตอย่างไม่ขาดสาย

ม้วนภาพนองเลือดที่มีฉากหลังเป็นการเข่นฆ่าค่อยๆ ปูแผ่ออกมา

ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ในป่าหลอมจิต ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกปราณระดับอมตะเคราะห์ที่ยังไม่บรรลุอริยะ มีอริยะเพียงส่วนน้อย และยังเป็นเพียงอริยะแท้ทั่วไป

สำหรับพวกหลินสวิน นี่ไม่มีภัยคุกคามใดๆ ให้พูดถึง สามารถใช้คำว่าอ่อนแอจนไม่อาจต้านได้แม้แต่การโจมตีเดียวมาอธิบายด้วยซ้ำ

“ไม่…!”

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

“หนีเร็ว!”

“เร็วเข้า รีบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ!”

เสียงตะโกนเช่นนี้ดังขึ้นไม่ขาดสาย จากนั้นพลันหยุดลงกะทันหัน หายไปโดยสมบูรณ์

ป่าหลอมจิตที่กว้างใหญ่ไพศาลประหนึ่งกลายเป็นลานเชือดนองเลือดแห่งหนึ่ง

เพียงแต่พวกหลินสวินที่ถูกผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตมองว่าแพะสองขา กลับกลายเป็นเพชฌฆาตที่เย็นชาไร้ปรานีในชั่วขณะนี้

ฆ่า!

ฆ่า!

ฆ่า!

ไม่มีความเมตตา ไม่มีความเวทนา ยิ่งไม่มีความลังเลสักนิด

ท่านไม่เห็นหรือ เสือสิงห์มีชื่อเสียงจากการล่าเหยื่อ แล้วเก้งกวางผู้น่าสงสารใครใยดี

ท่านไม่เห็นหรือ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ มีผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณมากเท่าไหร่ถูกสังหารอย่างโหดร้ายในพื้นที่ต่างๆ ของโลกมารโลหิต

เคยมีอริยะที่หยิ่งยโสถูกล่ามโซ่ไว้ที่คอแล้วลากเหมือนสุนัขตาย

เคยมีหญิงสาวที่รูปลักษณ์ไร้ที่ติถูกทารุณกรรม ข่มขืน ขืนใจตามอำเภอใจ อยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่สามารถ ศัตรูเหล่านั้นต่างหัวเราะมีความสุข

ความอับอาย ความเคียดแค้นและน้ำตาเลือดเหล่านั้น ใครจะทำเหมือนไม่เห็นได้

ฆ่า!

แม้เป็นหลินสวิน ต่อให้เจอศัตรูที่ไม่ควรค่าเพียงใด อ่อนแอเพียงใด ก็ไม่ยั้งมือสักนิด ไม่เคยปรานี

นับดูแล้วแค่ไม่กี่เดือนมานี้ ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกสังหารแล้วทิ้งลงไปในหุบเหวก็มีไม่รู้เท่าไหร่แล้ว!

ความแค้นเหล่านี้ แน่นอนว่าหลินสวินจะเป็นคนแก้แค้น!

……

เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น นอกป่าหลอมจิต

เสี่ยวอิ๋นหายใจหอบ สีหน้ากลับยังคงฮึกเหิม ร้องเสียงดังว่า “สะใจ! บุรุษรุ่นข้า แน่นอนว่าต้องจับกระบี่สังหารศัตรู สังหารให้พลิกฟ้าพลิกดิน แผ่นดินสะท้านภูผาสั่นคลอน!”

ผีเสื้อมารแยกฟ้ากระพือปีกเบาๆ พูดอย่างไม่หายอยาก “น่าเสียดาย ศัตรูที่กระจายอยู่ในป่าหลอมจิตน้อยเกินไป ไม่พอฆ่า”

เวลาหนึ่งก้านธูปป่าหลอมจิตอันกว้างใหญ่ไพศาลก็ถูกพวกเขากวาดล้างรอบหนึ่ง เหมือนเป็นการทำลายล้างสิ้นซาก ทุกที่ที่ผ่านไร้คนรอดชีวิต!

แต่เสี่ยวอิ๋นและผีเสื้อมารแยกฟ้ายังไม่หายแค้น

“เสี่ยวอิ๋น ยกหน้าที่ให้เจ้าแล้ว ข้าอยากหาข่าวของเซวี่ยชิงอีสักหน่อย”

เสียงปังดังสนั่น หลินสวินจับอริยะที่ยังมีชีวิตอยู่คนหนึ่งโยนลงพื้น ถึงกับคร้านจะบีบบังคับให้ยอมเอ่ยปากเอง และให้เสี่ยวอิ๋นเป็นคนลงมือ

สวบ!

เสี่ยวอิ๋นร่างพริบไหวเคลื่อนเข้าไปในห้วงนิมิตของอริยะที่ถูกจับกุม

ที่หลินสวินให้ความสนใจกับเซวี่ยชิงอีคนนี้ เพราะอีกฝ่ายไม่เพียงเป็นหนึ่งในแปดยอดนภาคราม ยิ่งเป็นผู้นำของดินแดนโบราณมารโลหิต ครอบครองอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ควบคุมผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่า แม้แต่มกุฎอริยะยังทำได้เพียงฟังคำสั่งของเขา เรียกได้ว่าอำนาจล้นฟ้า

และถ้าสังหารคนผู้นี้ได้ คาดว่าจะสามารถสร้างความแรงโจมตีอันหนักหน่วงอย่างที่สุดให้กับดินแดนโบราณมารโลหิต!

ไม่นานเสี่ยวอิ๋นก็พุ่งออกมา ส่วนจิตวิญญาณของอริยะคนนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว ตายคาที่อย่างสมบูรณ์

“นายท่าน ครึ่งเดือนก่อนเซวี่ยชิงอีได้นำบุคคลแห่งยุคของขุมอำนาจต่างๆ ในดินแดนโบราณมารโลหิต มุ่งหน้าไปยังโลกรกร้างโบราณที่ตั้งอยู่ใจกลางสมรภูมิเก้าดินแดน ภายใต้การคุ้มกันของมกุฎอริยะกลุ่มหนึ่ง จุดประสงค์คือจะเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์ ช่วงชิงจุดเปลี่ยนแห่งการบรรลุมกุฎอริยะ”

เสี่ยวอิ๋นพูดอย่างรวดเร็ว “คาดการณ์เช่นนี้ ตอนนี้พวกเขาคงกำลังเข่นฆ่าอยู่ในแดนลับนรกโลกันตร์แล้ว ไม่มีทางกลับมาโลกมารโลหิตภายในเวลาอันสั้นแน่”

หลินสวินชะงักไป จมสู่ห้วงความคิด

เท่าที่เขารู้ หลังจากแดนลับนรกโลกันตร์มาเยือน มีเพียงบุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าที่มีสิทธิ์เข้าไปภายใน ระยะเวลาคือหนึ่งเดือน

หนึ่งเดือนให้หลัง แดนลับนรกโลกันตร์จะหายไปจากสมรภูมิเก้าดินแดนอีกครั้ง

“เช่นนี้ตอนนี้ในเมืองอารักษ์มรรคของโลกมารโลหิต บุคคลสำคัญรวมทั้งเซวี่ยชิงอีต่างไม่อยู่หรือ”

รั่วอู่ตาเป็นประกาย “หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้พวกเราบุกฆ่าเข้าไปในเมืองอารักษ์มรรคนั่น อันตรายที่ประสบจะต้องลดลงไม่น้อยแน่”

เห็นท่าทางตื่นเต้นของนาง หลินสวินก็จนคำพูดอยู่บ้าง “เจ้านี่จะดูเหมือนยกยอบารมีผู้อื่นจนดูถูกพลังของตัวเองไปหน่อยหรือไม่”

รั่วอู่ยิ้มพูด “สิ่งที่ข้าทำเรียกว่ารู้จักประเมินสถานการณ์ กระทำการสุดความสามารถ ลงมือตามกำลัง”

“นายท่าน จะบุกไปฆ่าถึงรังของศัตรูจริงหรือ”

เสี่ยวอิ๋นพูดอย่างตื่นเต้น

หลินสวินพยักหน้าเอ่ยว่า “สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือเซวี่ยชิงอีนั่นไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นหากสามารถคว้าโอกาสครั้งนี้สังหารเขาเสียจะยิ่งดี”

พูดถึงตรงนี้เขาพลันกำชับว่า “เสี่ยวอิ๋น ระหว่างทางนี้เจ้าช่วยข้ารวบรวมข่าวเกี่ยวกับเมืองอารักษ์มรรคสักหน่อย รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

เสี่ยวอิ๋นยิ้มพูด “เมื่อครู่นี้ข้าได้ข่าวบางส่วนจากจิตวิญญาณของเจ้าเฒ่านั่นแล้ว”

ว่าแล้วเขาก็อธิบายทุกสิ่งที่ได้รู้จนหมดเปลือก

เมืองอารักษ์มรรคตั้งอยู่เหนือสุดของโลกมารโลหิต ยึดพื้นที่สามพันแปดร้อยลี้

ที่นี่เป็นค่ายทัพใหญ่ของผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิต รวบรวมพลังของขุมอำนาจต่างๆ ของดินแดนโบราณมารโลหิต ผู้แข็งแกร่งมากมาย ยิ่งไม่ขาดบุคคลระดับอริยะแท้และมกุฎอริยะแท้

ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตที่เข้าร่วมในสมรภูมิเก้าดินแดนครั้งนี้ มีจำนวนประมาณแปดแสนคน ในนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่บรรลุอริยะ

แต่ก็มีบุคคลขอบเขตมกุฎและอริยะกลุ่มใหญ่ดูแลคสบคุม

ปกติผู้แข็งแกร่งที่รวมตัวอยู่ในเมืองอารักษ์มรรคไม่ได้มาก ผู้แข็งแกร่งแปดแสนคนนี้ล้วนกระจายตัวอยู่ในพื้นที่แตกต่างกันไปของโลกมารโลหิต เพื่อไม่ให้สถานที่นี้ถูกศัตรูภายนอกข้ามเขตแดนบุกรุกเข้ามา

กำลังพลของผู้แข็งแกร่งที่เฝ้าอยู่ในเมืองอารักษ์มรรคมีประมาณหนึ่งแสนคน!

ทว่าในหนึ่งแสนคนนี้ แทบจะเป็นมือฉมังของดินแดนโบราณมารโลหิตทั้งหมด

อีกอย่างในเมืองอารักษ์มรรคจะมีมกุฎอริยะควบคุมดูแลอยู่ตลอด เพียงแค่พลังระดับนี้ก็เรียกได้ว่าน่าตกใจแล้ว

ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เซวี่ยชิงอีพาบุคคลชั้นยอดกลุ่มหนึ่งจากไป และพามกุฎอริยะกลุ่มหนึ่งออกไปด้วย นี่ก็หมายความว่า อย่างน้อยในช่วงนี้พลังของเมืองอารักษ์มรรคได้ลดลงไปส่วนหนึ่ง

แน่นอนว่าอย่างไรที่นั่นก็เป็นค่ายทัพใหญ่ของดินแดนโบราณมารโลหิต ความน่าสะพรึงกลัวของพลังที่รวมตัวอยู่ย่อมต้องเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน

หลังจากรู้เรื่องพวกนี้แล้ว หลินสวินไม่ได้ล้มเลิกความคิดที่จะบุกไป คิดจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที

“เจ้าคิดจะสังหารไปตลอดทางเช่นนี้เลยหรือ”

รั่วอู่อดถามไม่ได้

“สังหารไปตลอดทางแล้วอย่างไร”

เสียงหลินสวินราบเรียบ แต่กลับแฝงความเย่อหยิ่งที่ปิดไม่อยู่ ดวงตาดำราวกับสายฟ้า

“ครั้งนี้ ข้าจะให้บทเรียนที่ยากจะลืมไปชั่วชีวิตกับพวกสารเลวดินแดนโบราณมารโลหิต!”

——