เขาคือเจ้าเมืองแห่งเมืองเทวะดาราอุดร และเป็นราชาเทพของเขามหาเทวะเช่นกัน ถูกขนานว่ามหาเทวะดาราอุดร

“ใต้เท้ามหาเทวะลงมือแล้ว!”

“ใต้เท้ามหาเทวะเป็นผู้ไร้เทียมทานทั่วสากลโลก หากท่านลงมือ ราชาเทพคนนั้นต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน!”

ในเมืองเทพที่อยู่ด้านล่าง สีหน้าของศิษย์จำนวนมากในเขามหาเทวะต่างดูตื่นเต้น เนื่องจากนี่แทบจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทุกคนเห็นออร่าที่มหาศาลในการลงมือโจมตีด้วยตนเองของมหาเทวะดาราอุดร

“ผู้เพื่อนยุทธ์ นี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด!”

สีหน้าของจี้เฟิงเปลี่ยนไป ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเสียใจต่อการปล่อยให้ไฟโกรธครอบงำจิตใจในเมื่อครู่นี้เช่นกัน

“เข้าใจผิดกระไร? ข้ารู้สึกว่าเจ้าตั้งใจกระทำเช่นนี้โดยสิ้นเชิง”มหาเทวะดาราอุดรไม่ฟังคำอธิบายด้วยซ้ำ ดวงดาวกลายเป็นมือใหญ่บดบังท้องฟ้า

ตอนแรกเริ่มที่เขาไม่ห้ามจี้เฟิงสังหารหลัวซิวนั้น เป็นเพราะหลัวซิวเป็นคนในสำนักเทียนเจี้ยน ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับเมืองเทพและเขามหาเทวะ

แต่ทว่าจี้เฟิงกลับลงมือโจมตีมาทางเมืองเทวะดาราอุดร จึงเป็นการล่วงล้ำข้อห้ามของมหาเทวะดาราอุดร เขาจึงจำเป็นต้องลงมือเพื่อเป็นการเตือน มิเช่นนั้นจะเอาความเกรียงไกรในฐานะที่เขามหาเทวะเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในโลกดาราอุดรไปไว้ที่ใด?

หลัวซิวที่อยู่ภายในเมืองรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ในความเป็นจริงระหว่างเดินทางมา ณ ที่แห่งนี้ เขาก็เคยได้ยินจินหลิงหยุนบอกแล้วว่าเมืองเทพแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเขามหาเทวะ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของเขามหาเทวะ โดยมีมหาเทวะดาราอุดรคอยปกปักรักษาด้วยตนเอง

จี้เฟิงลงมือโจมตีเขากลางนภาอันว่างเปล่านอกเมืองเทพ มหาเทวะดาราอุดรจึงนิ่งดูดาย และหลัวซิวก็เข้าใจได้เช่นกัน เพราะถึงอย่างไรระหว่างกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งห้านั้นมิใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน ต่างก็มีการแข่งขันและมีความขัดแย้งซึ่งกันและกันอยู่

เพราะฉะนั้นเขาจึงใช้อุบายสุดท้ายของตัวเองโดยตรง ใช้ดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพโจมตีจี้เฟิงจนบาดเจ็บเพื่อกระตุ้นให้จี้เฟิงโกรธเกรี้ยว จากนั้นเขาก็หลบหนีเข้ามาในเมืองเทวะดาราอุดร ขอแค่เพียงจี้เฟิงลงมือโจมตีเขา เช่นนั้นก็ต้องทำให้เมืองเทพสั่นคลอนแน่นอน และมหาเทวะดาราอุดรที่อยู่ภายในเมืองเทพก็ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่ ๆ

ด้วยเหตุนี้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จริง ๆ ล้วนอยู่ในแผนการของหลัวซิวตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือตั้งแต่สามปีก่อน ครั้นเมื่อเขาทราบว่าศึกการช่วงชิงสิทธิ์จะจัดตั้งขึ้นในเมืองเทวะดาราอุดร อีกทั้งทราบว่าภายในเมืองเทพยังมีมหาเทวะดาราอุดรคอยปกปักรักษาด้วย เขาก็วางแผนเช่นนี้เอาไว้แล้ว

บนห้วงอากาศที่ว่างเปล่านอกเมือง ไม่ว่าจี้เฟิงจะอยากอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจนด้วยทุกวิถีทางอย่างไร แต่มหาเทวะดาราอุดรกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

“อำนาจความน่าเกรงขามของเขามหาเทวะเป็นสิ่งที่สบประมาทไม่ได้!”

มหาเทวะดาราอุดรนั้นคือราชาเทพขั้น 4 ส่วนจี้เฟิงเป็นเพียงขั้น 1 เท่านั้น ศักยภาพของทั้งสองต่างกันไม่น้อยเลย

จี้เฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมหาเทวะดาราอุดร เขาทำได้เพียงกัดฟันด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะกลายเป็นแสงสายรุ้งยาวบินจากไปไกล

มหาเทวะดาราอุดรมิได้ตามไล่ล่าแต่อย่างใด เหนือสิ่งอื่นใดคือทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีบ่วงแค้นที่ยิ่งใหญ่มากนัก ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ราชาเทพขั้น 4 จะโค่นล้มขั้น 1 นั้นทำได้ไม่ยาก ทว่าหากจะสังหารมันกลับไม่ได้ง่ายเช่นนั้น ต้องสูญเสียราคาบางอย่างที่แน่นอนถึงจะสังหารได้

“เวิง!”

ดวงดาวลอยกลับเข้าที่ ดวงดาวทั้งเจ็ดดวงเปล่งประกายระยิบระยับ และเรียงลำดับกันด้วยกฎเกณฑ์ที่มหัศจรรย์

หลัวซิวเพ่งมองอยู่พักหนึ่ง มีแรงบันดาลใจกระพริบผ่านไปในสมองเขาอีกครั้ง หากดาราชีวีที่ผนึกรวมอยู่ในจุดตันเถียนชี่ไห่ของเขาก็สามารถเรียงลำดับกันด้วยกฎเกณฑ์บางอย่างที่พิเศษเหมือนกัน หรือเรียงลำดับตามกฎเกณฑ์ของวิถีแห่งค่ายกล เช่นนั้นมันจะเกิดประสิทธิผลที่อยู่เหนือการคาดหมายของเขาหรือไม่นะ?

ทุกเส้นทางบนธรรมฟ้าดินล้วนสามารถกลายเป็นวิถียุทธ์ได้ ซึ่งวิถีแห่งค่ายกลก็คือหนึ่งในนั้น ด้านวิชาความรู้ที่ลึกซึ้งมากมายของมันไม่ด้อยกว่าธรรมทั้งสี่อย่างกฎ ร่างเนื้อ เวทย์และวิญญาณเลย

ห้วงอากาศอันว่างเปล่าค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง คลื่นพลังกฎที่รุนแรงก็ค่อย ๆ จางหายไปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือนอกเมือง ผู้คนต่างอื้ออึงและต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

หลัวซิวที่อยู่ภายในเมืองสามารถสัมผัสได้ว่าแววตาของผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ที่มองมาทางตัวเองมีความเกรงกลัวปนอยู่ไม่น้อย

หลัวซิวไม่ได้สนใจสายตาเหล่านี้ เขาเบิ่งมองออกไปไกล ๆ พบว่าโจวเจิ้งและจินหลิงหยุนก็พาผู้คนในสำนักเทียนเจี้ยนเข้ามาภายในเมืองแล้วเช่นกัน กำลังเดินตรงเข้ามาทางเขา