ตอนที่ 1520 ร่วงหล่นจากท้องฟ้า

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

“พบสถานที่ปริศนาบนดาวซีรีสครับ”

“คุณคิดว่ามันจะเป็นอะไรกัน?”

“…ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ผู้บัญชาการขมวดคิ้ว เขาควบคุมภาพโฮโลแกรมบนโต๊ะแล้วหรี่ตาลง

ทันใดนั้นเอง เขาก็ยกมือขวาของตัวเองขึ้นมาช้าๆ ไปทางภาพโฮโลแกรม ผลักให้ภาพยานอวกาศไปทางดาวซีรีส

“…เดี๋ยวเราจะไปได้ดูที่นั่นกัน!”

ยานลาดตระเวนแยกออกจากกองทัพ เดินหน้าเข้าใกล้ดาวซีรีส

ในขณะเดียวกัน ช่องตรงใต้ท้องยานทุกช่องก็เปิดออก ปืนกลป้องกันยื่นเรียงรายออกมา พร้อมจะสาดกระสุนพลังรุนแรงใส่สิ่งน่าสงสัยหรือภัยอันตรายต่างๆ

“ยานกูซูอยู่ห่างจากดาวซีรีส 120 กิโลเมตร…เข้าสู่ระยะที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วครับ ไม่พบสัญญาณของความผิดปกติ”

“ส่งพวกโดรนออกไป!”

“รับทราบ”

จุดส่องแสงสีขาวเงินสองจุดพุ่งออกมาจากท้องยานลาดตระเวนกูซู ทิ้งควันโขมงไว้เบื้องหลัง เมื่อพวกเขามาถึงในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรจากดาวซีรีส โดรนจำนวนหนึ่งก็ถูกปล่อยออกมาจากด้านข้างของมิสไซล์ราวกับฝูงแมลง

โดรนที่ปล่อยมาจากมิสไซล์นี้เป็นโดรนภาคพื้นดินชนิดพิเศษ ซึ่งต่างจากโดรนอากาศยานที่อยู่บนเรือบรรทุกอากาศยาน ปกติแล้วโดรนชนิดพิเศษนี้จะใช้ในการรุกโจมตีบนสถานีอวกาศและอาคารอวกาศอื่นๆ เพื่อลดการต่อสู้กลับจากกลุ่มต่อต้านบนพื้นดิน

ในขณะที่โดรนเข้าใกล้แผ่นดินมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บังคับบัญชาก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

แต่ทันใดนั้นก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

กระสุนแม่เหล็กยิงพรวดขึ้นมาจากพื้นดาวซีรีสกลายเป็นกำแพงกระสุนที่ทรงพลัง

โดรน 20 ลำกลายเป็นเศษซากขยะอวกาศในชั่วพริบตา

ทุกคนบนยานมีสีหน้าเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“…ดาวซีรีสมีอาวุธแรงขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?”

“หรือจะเป็นกองทัพจากประเทศอื่น?”

“เป็นไปไม่ได้…การขนอาวุธหนักมาที่แถบดาวเคราะห์น้อยจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสหประชาชาติ และช่องทางที่ใช้ขนจะต้องเป็นช่องทางที่เปิดเผยและได้รับการบันทึกไว้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการขนอาวุธของโจรสลัดไป”

“แล้วจะขนอาวุธปืนมากขนาดนี้มาในที่แบบนี้ทำไมกัน? ดาวซีรีสก็ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสักหน่อย”

“บางทีอาจจะเพื่อปกป้องบางสิ่งที่ซ่อนไว้ก็ได้”

ผู้บัญชาการสั่งด้วยเสียงดังฟังชัด “ให้ยานกูซูเตรียมตัวร่วมมือกับกองพลอากาศวงโคจรที่สาม แล้วเตรียมบุกโจมตีได้!”

“ครับ ท่าน!”

ถึงพวกเขาจะไม่รู้ว่ากองกำลังฝ่ายไหนที่ติดตั้งอาวุธปืนบนดาวซีรีส ถ้านับในด้านพลังแสนยานุภาพที่มันแสดงออกมาแล้วก็เห็นได้ชัดว่าอาวุธปืนพวกนั้นยังแรงไม่พอที่จะสามารถขับไล่กองกำลังภาคพื้นดินที่มีการยิงปืนสนับสนุนจากยานลาดตระเวนให้ออกไปได้

เพื่อที่จะไม่ให้ปฏิบัติการนี้ล้มเหลว กองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียจึงส่งยานโจมตีภาคพื้นดิน 05 มาจากสถานีอวกาศเลอเกรนจ์

ยานอวกาศลำนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้โจมตีสถานีอวกาศ แต่เป็นยานที่ถูกออกแบบมาให้ปฏิบัติการภาคพื้นดิน

ความจุกระสุนที่มีจำนวนมากมหาศาลทำให้มันมีพลังโจมตีได้เท่ากับหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็ก 200 อันเลยทีเดียว และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ยานลำนี้ถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูตั้งแต่ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

ความแข็งแกร่งของมันนั้นไม่เป็นที่กังขาใดๆ

บนยานขนส่งของกองพลอากาศวงโคจรที่สาม กลุ่มพลร่มของกองพลที่สวมชุดเอ็กโซสเกลเลตันกำลังตรวจเช็กอาวุธและอุปกรณ์ของพวกเขาอยู่เป็นครั้งสุดท้าย พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ขึ้นยานระบายพลอาวุธหนักมา

ในขณะที่นายทหารคนหนึ่งที่ตรวจเช็กอุปกรณ์เสร็จแล้วมองภาพมิสไซล์จากยานโจมตีภาคพื้นดิน 05 ผ่านหน้าต่างทรงกลม เขาก็กระซิบว่า “ดาวเคราะห์น้อยที่ไม่มีใครอยู่ แต่กลับมีอาเรย์ป้องกันเต็มไปหมด…ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในภาพยนตร์ไซไฟไม่มีผิด”

“มันเหมือนกับเป็นตัวก็อบปี้ของคาลานเอ็มไพร์มากกว่า…นี่พวกเรากำลังสู้อยู่กับใครเนี่ย? ผมยังไม่เห็นเบาะแสอะไรเลย”

“ไม่รู้เหมือนกัน…จริงๆ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นพวกกลุ่มโจรสลัดอวกาศ แต่จนถึงตอนนี้เรายังไม่เห็นใครสักคน”

“คิดว่าจะเป็น…พวกมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า? พวกเรากำลังเจอกับฐานทัพของมนุษย์ต่างดาว…”

“เงียบไป ไม่ต้องพูด!”

หลังจากหลี่เกาเหลียงตะโกนดุลูกน้องเขาก็เดินเข้าไปในยานระบายพลอาวุธหนัก สีหน้าของเขาดูจริงจัง เขาชำเลืองมองไปที่ทหารแต่ละคนแล้วพูดต่อ “10 นาทีหลังจากนี้จะเริ่มปฏิบัติการลงจอด ทุกคนจะต้องทำตามแผน พลังอาวุธของศัตรูนั้นร้ายกาจมาก ถ้าอยากรอดชีวิตกลับมา จงจำไว้ว่าให้ก้มหัวซะแล้วขยับให้ไว!

เข้าใจไหม?!”

พวกเขาตอบหลี่เกาเหลียงเป็นเสียงเดียวกัน

“ครับ ท่าน!”

หลี่เกาเหลียงพยักหน้าเป็นเชิงว่าพอใจ เขาโบกมือแล้วออกคำสั่ง “ลุยเลย!”

หลังจากยิงเปิดรอบแรกกับรอบที่สองจบ พื้นดาวซีรีสก็มีหลุมกระสุนตะปุ่มตะป่ำเต็มไปหมด

อาคารตั้งรับที่ทาสีเทาเหมือนดวงจันทร์เพื่อเป็นการอำพรางนั้นถูกทำลายไปเรียบร้อย อาเรย์ตั้งรับจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกทำลายเช่นกัน

หลังจากการโจมตีด้วยระเบิดสิ้นสุดลง ยานระบายพลระลอกแรกก็เริ่มส่งแอร์ดรอปลงมา

ในระหว่างที่ยานอวกาศรูปทรงกระสวยขนาดยาวลงจอดที่พื้นดาวเคราะห์ ยานเอทีวีอัตโนมัติสำหรับการรบและโดรนแอโรไดนามิกส์ลอยตัวก็เคลื่อนตัวออกมาจากยานระบายพลอย่างรวดเร็ว พวกมันมุ่งตรงไปที่ฐานในหุบเขา

อย่างที่หอคอยบัญชาการของกองทัพชุดแรกคิดไว้ การป้องกันของฝ่ายศัตรูมีสิ่งที่มากกว่าแค่อาเรย์ตั้งรับโจมตีอย่างเดียว โดรนนิวมาติกส์และหุ่นยนต์สี่ขาถูกปล่อยออกมาจากฐาน

ประกายแสงจากกระสุนปืนทำให้พื้นดาวเคราะห์น้อยส่องแสงสว่างเป็นจุดๆ เบื้องหลังทุกประกายแสงสีเหลืองส้ม สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาก็ถึงแก่ความตายไปหนึ่งชีวิต

ผู้บัญชาการยืนอยู่บนสะพานเดินเรือ มองการต่อสู้ที่กำลังเกิด เขาเอ่ยขึ้นมาในทันทีว่า

“ครั้งล่าสุดที่มีการต่อสู้ระดับใหญ่ขนาดนี้มันตอนไหนละ?”

หยางอู๋ “ประมาณห้าสิบปีที่แล้วได้”

“ห้าสิบปีที่แล้ว…” ผู้บัญชาการถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อ “สันติสุขก็อยู่ได้นานเท่านั้นสินะ”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บนยานขนส่งของกองพลอากาศวงโคจรที่สาม ยานระบายพลอาวุธหนักทรงกระสวยอวกาศขนาดยาวสองลำกำลังค่อยๆ แยกตัวออกจากท้องยาน

ในขณะที่เครื่องยนต์พลาสมากำลังเผาผลาญ ยานระบายพลอาวุธหนักทั้งสองลำก็ร่วงลงไปบนพื้นของดาวเคราะห์น้อย

ฝ่ายกลุ่มต่อต้านบนพื้นดาวเคราะห์แทบจะสลายหายไปหมดสิ้น กลุ่มหุ่นยนต์ที่มีปัญญาที่ยังเหลืออยู่เริ่มรวมตัวกันมุ่งหน้าไปทางปราการศูนย์ตั้งรับของฝ่ายตรงข้าม

เนื่องจากมีหุบเขาจึงทำให้ป้องกันได้ง่ายและโจมตีได้ยาก ถึงยานโจมตีภาคพื้นดิน 05 จะโจมตีไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ยังมีฝ่ายกลุ่มต่อต้านจำนวนเล็กๆ หลงเหลืออยู่ในปราการ

อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นกองพลอากาศวงโคจรที่สามของสหการพาน-เอเชียน การตั้งรับรอบสุดท้ายนี้ก็ไม่ได้มีผลอะไรเลย

ในขณะที่ยานระบายพลอาวุธหนักพุ่งตรงเข้าไปข้างในบังเกอร์ เครื่องบินเจ็ตโลหะข้างหน้าก็ระเบิดออกมา เปิดช่องทางโดยตรงให้เข้าไปในปราการ

ภายใต้การป้องกันของโดรนและยานเอทีวีสำหรับการรบ ทหารที่สวมเอ็กโซสเกลเลตันรีบบุกเข้าไปในปราการทันที พวกเขาทำตามคำสั่งของหัวหน้าทีมแต่ละฝ่าย ทำตามแผนการรบที่ระบบปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์สนามรบคิดมาเพื่อโจมตีข้างในปราการ

เมื่อทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันที่ระเบียงทางเดิน แสงจ้าจากปืนก็ส่องสว่างไปทั่วอวกาศอันมืดมิด

เสียงปืนดังอยู่สองชั่วโมงก่อนจะผ่อนลงเป็นระยะๆ

หลี่เกาเหลียงใช้ปืนพกฆ่าหุ่นยนต์ทหารที่ร่วงลงไปกองกับพื้น เขาปัดฝุ่นหนาที่เกาะอยู่กับหมวกและกะบังหมวกของเขาออก จากนั้นก็มองตรงไปทางประตูข้างหน้า

การต่อสู้สิ้นสุดไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่พอกองหน้าเดินพลเข้ามาจากระเบียงทางเดินข้างนอกประตูนี้ กลุ่มต่อต้านที่อยู่ทั้งฐาน ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์หรือปืนกลที่อยู่ที่ระเบียง ต่างก็ระดมโจมตีสวนกลับกลุ่มพลร่มที่เข้ามา

หลี่เกาเหลียงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่หลังประตูบานนี้ แต่เขาเองก็สงสัยมากว่าความลับของที่นี่คืออะไรกันแน่

ด้วยความสงสัยเต็มที่ เขาจึงออกคำสั่งให้ยานเอทีวีที่อยู่ถัดจากเขาให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าแล้วใช้เครื่องตัดพลาสมาตัดประตูทั้งบานออกจากกำแพง

ประตูอัลลอยหนักล้มลง หลี่เกาเหลียงร่วมเดินไปกับพลร่มอีกสองคน เขาก้าวเดินอย่างระมัดระวังผ่านช่องประตูเข้าไป ในมือของเขาถือไรเฟิล แต่พอเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในห้อง เขาก็ต้องตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

“นี่มันอะไร…อะไรเนี่ย?”

มันเป็นพื้นที่รูปทรงเหมือนพัด ซึ่งก็คล้ายๆ กับโรงละครโบราณของพวกโรมัน พื้นที่ขนาดกว้างขวางซึ่งตรงกันข้ามกับสนามรบแคบๆ ก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง เครื่องเซิร์ฟเวอร์รูปทรงเหมือนแท่งโดมิโนที่ตั้งเรียงรายอยู่ติดกันเหมือนใบมีดที่เรียงกันเป็นแถวออกมาข้างนอก

หลี่เกาเหลียงลดปืนลง สายตาของเขามองไปทางภาพแปลกตาอันเต็มไปด้วยอุปกรณ์โลหะตรงหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ถึงเขาจะไม่ได้นับอย่างละเอียดว่ามีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ตรงนี้กี่เครื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตรงหน้าเขาก็ล้มล้างทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับ ‘คอมพิวเตอร์’

สิ่งนี้คือ ‘คอมพิวเตอร์ควอนตัม’

ส่วนพลังในการคำนวณของมันนั้น…

อาจจะทรงพลังยิ่งกว่าศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสหการพาน-เอเชียนเสียอีก