ทันทีที่คำพูดของหยางอู๋ออกมา สายตาทุกคนก็จ้องไปที่ลู่โจวทันที
ความเห็นของฉันเหรอ?
ลู่โจวลังเลเล็กน้อยหลังจากฟังคำพูดพวกนี้
เขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับการประชุมครั้งนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็รู้มาบ้างจากรัฐมนตรีเสวี่ยตอนกำลังไปที่ห้องประชุม
บอกตามตรงว่าลู่โจวยังสับสนเล็กน้อยเรื่องอาร์เรย์คอมพิวเตอร์ควอนตัมบนดาวซีรีสและปืนใหญ่แม่เหล็กไฟฟ้าที่ติดที่นั่น
ร้อยเอกซิงได้บอกข้อมูลลับทางโทรศัพท์ แต่เขาก็ลังเลระหว่างการคุยกันทำให้ลู่โจวไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมด
บางทีสำนักงานรักษาความปลอดภัยอาจจะต้องตะลึงกับการค้นพบที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้แน่นอน ใครจะคิดว่าฐานทัพที่ทรงพลังขนาดนี้จะซ่อนตัวอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยมากมายแบบนั้น…
“… จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยอยากแสดงความเห็นอะไรเกี่ยวกับศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในดาวซีรีสหรอก เพราะผมเชื่อว่าถ้าไม่รู้อะไรก็ควรอยู่เงียบๆ จะดีกว่า” ลู่โจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเป็นผลงานชิ้นเอกของอารยธรรมนอกโลก ฐานลับขององค์กร หรือจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างสอง… ผมก็ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทำลายมันทิ้งไปเลยสักนิด”
“เพราะพวกเราคือผู้ริเริ่ม ดังนั้นผมบอกได้แค่ว่าให้พยายามศึกษาโปรแกรมที่ทำงานอยู่ในอาร์เรย์คอมพิวเตอร์ควอนตัมก็พอ”
“นี่จะไม่ได้หมายความว่าเรากำลังช่วยคนที่แหกกฎเหรอ?” ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากสำนักงานความมั่นคงขมวดคิ้วแล้วยืนขึ้น จากนั้นจึงกล่าวว่า “ไวรัสอัลฟ่ากำลังโหมกระหน่ำในสหการพาน-เอเชียน และมันมีโอกาสที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลกสูงมาก! หากพวกผู้ก่อการร้ายสามารถพัฒนาไวรัสได้สำเร็จล่ะก็เราเละแน่!”
“ถึงผมจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านการรักษาความปลอดภัยทางข้อมูลก็ตาม แต่สามัญสำนึกของผมก็บอกให้เราต้องรู้ว่าไวรัสคืออะไรแล้วสร้างยาต้านมันซะ” ลู่โจวอธิบายอย่างใจเย็นพร้อมกับมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญ “ไวรัสอัลฟ่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโค้ดที่สามารถพัฒนาได้เองอัตโนมัติ และองค์กรที่ชื่อฟาวเดชั่นก็ตั้งใจที่จะแพร่มันออกไป นอกนั้นพวกเราก็ไม่รู้อะไรเลย”
“นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของเราที่จะเปิดเผยความจริงทั้งหมดก็ได้”
หยางอู๋ขมวดคิ้วและพูดหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หมายความว่า… เราจะช่วยศัตรูของเราเหรอ?”
“ช่วยแค่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เท่านั้น” ลู่โจวตอบ “ผมเชื่อว่ากองทัพชุดแรกสามารถปิดเสาสัญญาณในฐานได้ทั้งหมดแล้ว แต่ตราบใดที่เราสามารถควบคุมศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ได้ เราก็สามารถใช้งานมันได้แน่นอน”
รัฐมนตรีเสวี่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ผมเห็นด้วยกับมุมมองของนักวิชาการลู่นะ… สถาบันวิทยาศาสตร์จะส่งผู้เชี่ยวชาญไปที่แนวหน้าเพื่อตรวจสอบเอง”
นักวิชาการหวังชื่อเฉิงก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน
“ผมก็คิดแบบนั้นนะ… แต่สัญชาตญาณมันบอกฉันว่าที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นั่นต้องมีความลับอะไรหลายอย่างที่คุ้มค่าจะขุดขึ้นมาแน่ๆ ”
ที่ปรึกษาของสำนักงานความมั่นคงเหมือนอยากที่จะพูดอะไร แต่หลังจากลังเลสักพักเขาก็ไม่พูดมันออกมา
จากมุมมองในด้านความปลอดภัยแล้ว การไปช่วยให้ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สามารถทำการวิจัยต่อไปได้นั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่ากองทัพชุดแรกจะสามารถควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าพวกนั้นจะไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในฟาวเดชั่น
พวกเขาไม่จำเป็นต้องติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้วยซ้ำ แค่ทหารไม่กี่คนก็พอแล้ว
ไม่ว่าใครก็รู้ว่านี่เป็นวิธีที่ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ลู่โจวก็คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะไปที่มหาวิทยาลัยจินหรือกลับไปค้นคว้าต่อที่บ้านดี จากนั้นที่ปรึกษาหยางก็เดินเข้ามาหาเขา
“ยินดีที่ได้รู้จัก นักวิชาการลู่ ผมชื่อหยางอู๋ เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของกองทัพชุดแรก… คุณคงทราบมาบ้างแล้ว” หยางอู๋จับมือกับลู่โจวก่อน เขาพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “ตั้งแต่วันนั้นผมก็อยากไปหาคุณนะ แต่ติดที่ต้องไปทำงานสถานีอวกาศเลอเกรนจ์ก็เลยไม่มีโอกาสสักที”
หลังจากจับมือทักทายกับที่ปรึกษาหยางเสร็จ ลู่โจวก็ลังเลและตอบว่า “วันนั้น?”
“เที่ยวบิน N-177”
เขารู้ทันทีว่าวันที่ที่เขาพูดถึงนั้นคือวันอะไร
เมื่อเห็นว่าลู่โจวเงียบไป หยางอู๋ก็ยังยิ้มต่อ “สำนักงานใหญ่กำลังหารือถึงปัญหาส่วนรวม โชคยังดีที่คุณไม่อยู่ตอนนั้น ดังนั้นเราจึงหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ยากลำบากนั้นไป”
“ส่วนรวมเรื่องอะไร…”
“ว่าง่ายๆ ก็คือ เนื่องจากมีประชาชนหลายแสนคนที่ติดอยู่บนสถานีอวกาศเทียนโจว เราจึงตัดสินใจว่าจะทำลาย N-177 ที่มันควบคุมไม่ได้และทำให้มันเบี่ยงออกไปจากวงโคจร”
เมื่อสิ้นสุดคำพูด ลู่โจวก็แทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
นี่ฉันอยู่หน้าประตูสวรรค์แล้วเหรอ?
สิ่งที่น่าอายที่สุดคือถ้าฉันไม่ได้ถูกฆ่าโดยการปล้นเครื่อง แต่เป็นเพราะกองทัพชุดแรก…
“… คุณเกือบเป็นบาปของมวลมนุษยชาติไปแล้ว”
ในฐานะที่เป็นผู้นำพายีนของผู้สังเกตการณ์และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอารยธรรมมนุษย์กับอารยธรรมของผู้สังเกตการณ์นั้น หากเรือลำนั้นถูกทำลายไปล่ะก็ ลู่โจวจะเป็นคนที่เปลี่ยนให้เกิดการสูญพันธุ์ทันที
“ผมรู้แล้ว ผมต้องขอบคุณคุณสำหรับเรื่องนี้จริงๆ ” หยางอู๋ยิ้มและกล่าวต่อ “จริงๆ แล้วในตอนนั้นเราทุกคนเชื่อว่าคุณจะสามารถช่วยควบคุมเครื่องไว้ได้ เราเลยไม่ได้ตัดสินใจอะไรเองโดยเด็ดขาด… โชคดีที่มันไม่เป็นอะไร”
ลู่โจว “มันไม่ใช่ความทรงจำที่น่ายินดีอะไรเลย เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า”
“ดูเหมือนผมจะผลุนผลันจนเกินไป” ขณะที่หยางอู๋กำลังจะแสดงออกเพื่อขอโทษ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก จากนั้นเขาจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าตัวเอง
“แต่ว่านะ ผมมีบางอย่างที่จะให้คุณ”
เมื่อลู่โจวเห็นท่าทางของเขาจึงถามว่า “อะไรเหรอ?”
“ไดอารี่น่ะ”
หยางอู๋หยิบไดอารี่ออกมาแล้วยื่นให้ลู่โจว
เขาหยิบมันมาดูด้วยความสงสัยและพลิกดูเล็กน้อย ลู่โจวพูดในขณะที่เขาขมวดคิ้วพร้อมกัน
“มันคืออะไร?”
“ของใช้ส่วนตัวของลูกเรือ มันเป็นสูตรที่คุณถอดรหัสถูกคัดลอกมาจากไดอารี่เล่มนี้…” หยางอู๋ยิ้มอย่างอายๆ และพูดต่อว่า “ผมไม่อยากจะรบกวนคุณเท่าไหร่หรอก แต่ผมมักจะรู้สึกว่ามันยังมีเบาะแสอีกมากมายที่ยังคงอยู่ในไดอารี่เล่มนี้… คุณควรจะลองหามันดูนะ”
ลู่โจวมองดูเนื้อหาของไดอารี่ด้วยความสนอกสนใจ เขาพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ไม่เป็นไรหรอก แต่จะให้งานสำคัญแบบนี้กับผมตรงๆ จะดีเหรอ?”
ที่จริงแล้วแม้ว่าเขาไม่ได้สนใจกิจการขององค์กรเป็นพิเศษ แต่ก็ยังค่อนข้างสนใจในสถานีอวกาศอยู่ดี
ถ้าเขาสามารถหาเบาะแสได้ บางทีอาจจะนำไปสู่การพบบางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้
หยางอู๋ยิ้มและตอบว่า “ไม่ต้องห่วงเพราะนี่ไม่ใช่ต้นฉบับ มันเป็นแค่ตัวก๊อบปี้เท่านั้น คุณจะทำอะไรก็ได้แล้วแต่คุณเลย แต่อย่าอัปโหลดลงบนอินเทอร์เน็ตจะดีกว่า”
ลู่โจวแตะคางเบาๆ และจ้องไปที่ไดอารี่ เขาพึมพำกับตัวเอง “เข้าใจแล้ว…”