ตอนที่ 1526 การทดลองทางสังคมวิทยาขนาดใหญ่

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

“… คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าสอบปลายเดือนนี้?”

ณ ฐานฝึกในป่าดงดิบทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หวังเผิงที่กำลังยืนอยู่อย่างคาดไม่ถึง

เมื่อเผชิญกับคำถามจากอาจารย์หุ่นยนต์ หวังเผิงก็พยักหน้าและตอบ

“ใช่”

หลินเฟิง “แต่มันเหลือเวลาอีกแค่สามวันก็จะสิ้นเดือนแล้วนะ”

หวังเผิง “มีปัญหาอะไรเหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่กังวลว่าคุณอาจจะจำวันที่ผิดก็ได้”

หลินเฟิงตบโต๊ะเบาๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ

เขายื่นนิ้วชี้และเคาะสามครั้งและมองไปที่หน้าต่างโฮโลแกรมที่ปรากฏต่อหน้าเขา

เขาเห็นระลอกคลื่นรอบๆ ชื่อที่เขียนไว้แล้วในลิสต์ จากนั้นเขาหันไปที่หวังเผิง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีว่า “ผมเขียนชื่อคุณให้แล้ว อีกสามวันรวมกันที่สนามฝึกตอนแปดโมงเช้า”

หวังเผิงพยักหน้าเตรียมออกจากออฟฟิศ

แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรได้จึงหยุดแล้วหันกลับมาถามว่า “ขอแค่ผมสอบผ่าน ผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่ได้ใช่ไหม?”

หลินเฟิง “แน่นอน แต่ในฐานะผู้สอนของคุณ ผมไม่แนะนำให้คุณรีบจะดีกว่า แม้ว่ามันจะเป็นแค่แบบฝึกหัด แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดีโดยเฉพาะสำหรับน้องใหม่”

น้องใหม่เหรอ?

หวังเผิงยิ้มเจื่อนๆ

ตอนที่เขามาถึงยุคนี้ครั้งแรกเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นน้องใหม่ แต่หลังจากเรียนไปหนึ่งเดือนเขาก็เปลี่ยนความคิดทันที

แม้ว่าเวลาและเทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงไปแต่หลายอย่างๆ ก็ยังคงเหมือนเดิม

เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนในการทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควรรู้ เช่นเดียวกับ ‘สามัญสำนึก’ บางอย่างเกี่ยวกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ เขาคิดว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะอยู่และเสียเวลาที่นี่

“ผมมั่นใจในพลังของตัวเองพอ”

หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “คนส่วนใหญ่ก็มักจะพูดอย่างนั้น แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถจบการศึกษาจากที่นี่ไปในทุกปีๆ คู่ต่อสู้ของคุณอาจเป็นนักเรียนรุ่นพี่ที่ได้รับการฝึกมาสองหรือสามปี หรืออาจเป็นนักเรียนรุ่นพี่ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายของพวกเขาได้รับการปรับแก้แล้วอย่างมืออาชีพก็ได้ ถ้าเจอกับคนพวกนี้แล้วจะยังมั่นใจเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า?”

หวังเผิง “ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้โชคดี บางครั้งอาจจะเป็นการดีที่ประสบความล้มเหลวระหว่างการฝึกบ้างก็ได้” หลินเฟิงพยักหน้าอย่างสบายๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “แล้วอย่าได้รับบาดเจ็บมากจนเกินไปล่ะ”

ในตอนเช้าของสามวันต่อมา

หวังเผิงมาถึงสนามซ้อมตรงเวลาเป๊ะ

ผู้ฝึกเป่านกหวีดเรียกให้ทุกคนมารวมกันที่กลางสนามฝึกซ้อม

เมื่อมองไปรอบๆ ตัวผู้เข้าแข่งขันในทีมแล้ว ใบหน้าของเขาดูไร้อารมณ์และพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับหุ่นยนต์ไปทันที

“วิธีการทดสอบนั้นง่ายมาก แค่เอาชนะคู่ต่อสู้ของคุณและไปรอบต่อไป

“ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับเทคนิคใดๆ และคุณสามารถใช้อุปกรณ์ทั้งหมดที่คุณต้องการได้ แต่มีกฎสองข้อที่ต้องจำให้ขึ้นใจ หนึ่งการออกจากพื้นที่ทดสอบถือเป็นการสอบตกทันที และสองต้องทำให้อีกฝ่ายสู้ไม่ได้หรือยอมแพ้ไป”

“ผมคิดว่าพวกทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว แต่สำหรับเด็กใหม่ ผมจะพูดซ้ำอีกครั้ง

“อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป นี่ไม่ใช่สนามรบจริง”

ขณะที่เขาพูดก็เหลือบไปมองหวังเผิง จากนั้นเขาก็มองออกไปและเริ่มประกาศรายชื่อผู้สมัครทั้งหมด รวมทั้งกลุ่มที่พวกเขาอยู่ด้วยเช่นกัน

แพ้เหรอ?

นี่คือการฝึกต่อสู้จริงเหรอ?

หวังเผิงเดินมาถึงมุมหนึ่งๆ ของสนามฝึก

เมื่อเขาหยุด เขาก็บังเอิญเห็นชายร่างสูงใหญ่ประมาณสองเมตรกำลังเดินเข้ามาหาเขาด้วยการก้าวเท้าที่หนักแน่น

“โอ้ คุณหวังเผิงใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ”

“ผมซุนหรง ปีสาม และเป็นคู่ต่อสู้ของคุณด้วย” เขาเอื้อมมือออกไปและเขย่าหวังเผิง ชายสูงหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนติเมตรนี้มีรอยยิ้มที่กดดันขณะที่พูดต่อ “ถ้าจะยอมแพ้ก็อย่าลืมกดปุ่มที่สายรัดข้อมือด้วยนะ มีแค่คุณเท่านั้นที่ทำได้… ว่าไปแล้ว คุณมาจากศตวรรษก่อนหรือเปล่า?”

“รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

“ก็มีหลายเหตุผล… ไม่แปลกอะไรหรอก” ซุนหรงปล่อยมือและถอยหลังไปครึ่งก้าว เขาแตะคาง มองหวางเผิงขึ้นและลง และกล่าวต่อ “มันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะคุณไม่มีการปลูกถ่ายในร่างกายของคุณเลย”

หวังเผิง “ผมคุ้นเคยกับการใช้ร่างกายของตัวเองมากกว่า”

“คนที่ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนอะไรเลยมักจะพูดอย่างนั้นเสมอ” ซุนหรงยิ้มและกระแทกหมัดเข้าด้วยกัน “มาลุยกันเลยเถอะจะได้ไม่เสียเวลา เดี๋ยวผมจะต่อให้ละกันเพราะคุณน่ะยังเป็นเด็กใหม่”

หวังเผิงยิ้มเจื่อนๆ เขาไม่พูดอะไรตอบแล้วหันไปหาพนักงานที่อยู่ใกล้ๆ

“ห้องสอบอยู่ที่นี่หรืออยู่ที่อื่นครับ?”

พนักงานตอบว่า “เดี๋ยวอีกสักครู่ฉันจะไปส่งคุณที่นั่น คุณมีเวลาเตรียมตัวสามสิบนาที แต่ถ้าคุณพร้อมแล้วเราก็ไปกันได้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ” หวังเผิงกล่าว เขากลับไปที่ชายร่างใหญ่ชื่อซุนหรงที่ยืนอยู่ข้างเขา เขาถามว่า “ว่ายังไง?”

“น่าสนใจ”

ซุนหรงยิ้ม เขากระแทกหมัดทั้งสองของเขาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม มีนัยน์ตาแห่งการต่อสู้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

“งี้สิชอบเลย!”

ในขณะที่หวังเผิงกำลังจะผ่านการทดสอบที่สำคัญที่สุดในชีวิตใหม่ของเขา ลู่โจวซึ่งอยู่ที่บ้านของเขาในเขตชานเมืองของจินหลิงก็กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานและพลิกดูไดอารี่ในมืออย่างเงียบๆ

เขาต้องยอมรับว่าไดอารี่เล่มนี้น่าสนใจทีเดียว

คนงานเหมืองดาวเคราะห์ที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อสามสิบปีก่อนนั้นถูกลักพาตัวยัดเข้าไปในแคปซูล และเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองถูกขังไว้กับชนชั้นสูงร้อยพ่อพันธุ์แม่

มันมีเงื่อนงำที่ดูเหมือนจะไม่มีนัยสำคัญมากมาย แต่หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว แต่ละคนก็ดูน่ากลัวทีเดียว

ทำไมถึงมีหกสิบสี่คน?

และทำไมต้องผสมหุ่นยนต์ในหมู่มนุษย์?

แล้วลูกเรือหายไปไหน?

เจ้าของไดอารี่…

ผู้เขียนไม่ได้แสดงว่าเขาเป็นคนที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ แต่ในหน้าท้ายๆ เขาได้ทิ้งสูตรสองสามบรรทัดที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์จำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกงงงวยกับมัน

โดยคนอื่นบอกสูตรเหล่านี้ให้เขาหรือเขาอ่านจากที่ไหนสักแห่ง

“นี่มันดูเหมือนการทดลองทางสังคมวิทยาขนาดใหญ่เลยแฮะ การทดลองกับคนหลากหลายกลุ่ม” ลู่โจวพูดหลังจากแตะคางด้วยนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือ “หุ่นยนต์จะสามารถรวมเข้ากับสังคมมนุษย์ได้เหรอ?”

หรือ…เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ด้วยจิตใจมนุษย์…

เสี่ยวไอ “เจ้านาย? 0.0”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยเฉยๆ…”

เมื่อเห็นว่าเสี่ยวไอมองเขาด้วยความเป็นห่วง ลู่โจวจึงยิ้มให้อย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็ปิดไดอารี่ในมือลงอย่างเบามือ

เขาจ้องไปที่สนามหญ้านอกหน้าต่างครู่หนึ่ง มองดูโดรนทำสวนที่กำลังเล็มดอกไม้และหญ้าเหล่านั้น หลังจากลู่โจวคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆ ก็พูดขึ้น

“ฉันอาจจะ… เดาได้แล้วว่าศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของเซเรสกำลังทำอะไรอยู่”

เสี่ยวไอ “เจ้านายนี่เทพสุดๆ แต่เสี่ยวไอไม่เข้าใจแฮะ (• ̀ ∀ •́)”

ลู่โจวยิ้มและกล่าวว่า “อันที่จริงยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เช่น ทำไมองค์กรลัทธิที่เชื่อในอุดมคติอย่างองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลถึงสนใจหุ่นยนต์… หลักคำสอนของพวกเขาคือการสนับสนุนว่าการมีหัวใจดีกว่าวัตถุไม่ใช่เหรอ?”

ถ้าคิดถึงแรงจูงใจในการใช้ไวรัสอัลฟา มันน่าจะมีจุดมุ่งหมายในการทำลายอารยธรรมสมัยใหม่ของศตวรรษที่ 22 ที่สร้างขึ้นจากหุ่นยนต์และสร้างอาณาจักรทางศาสนาสมัยใหม่ของตนเองที่นี่

ถ้าพวกเขาใช้ความคิดที่ชั่วร้ายเช่นลัทธิความเชื่อแบบนี้จะทำให้สามารถเริ่มต้นเส้นทางสู่วิวัฒนาการสูงสุดได้เหรอ?

ทันใดนั้นเองแสงสว่างวาบก็ได้ปรากฏขึ้นในใจของลู่โจวอย่างกะทันหัน

หรือบางที…

พวกนั้นอาจจะไม่ใช่พวกเดียวกัน?

ลู่โจวยืนขึ้นจากเก้าอี้ และถือไดอารี่เดินไปที่ด้านข้างของชั้นวางหนังสือ เขาค่อยๆ ซุกมันกลับเข้าไปในชั้นหนังสือ

เสี่ยวไอตามลู่โจวไปอย่างสงสัยและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”

“หากมองจากมุมมองทางวิชาการแล้ว การทดลองทั้งหมดสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนคร่าวๆ ส่วนแรกคือการวิจัยวิธีอัปโหลดความคิดไปยังฮาร์ดแวร์ และอีกอันหนึ่งคือการทำให้ปัญญาประดิษฐ์มีจิตใจของมนุษย์อย่างปกติ… และนั่นแหละคือปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง”

“ถ้าจะให้ฉันพูดให้ถูกก็คือเจ้าของไดอารี่นี้อาจเป็นหนึ่งในเหยื่อของการทดลองนั้น”

ลู่โจวหยุดครู่หนึ่งก่อนเสริมว่า “เรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีจุดประสงค์อื่นแน่นอน”

ตอนนี้มีเบาะแสไม่เพียงพอ

ถ้าฉันอยากรู้ถึงสาเหตุและผลกระทบของเหตุการณ์ทั้งหมด ฉันจะต้องรอจนกว่าศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะเสร็จสิ้น ‘ภารกิจ’…