และโอสถมกุฎเซียนเม็ดนี้ก็มีความเร้นลับในทำนองเดียวกันแฝงซ่อนอยู่เช่นกัน หากสามารถนำมันมาฝึกเคล็ดวิชาจุดลมปราณได้ละก็ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพึ่งอาศัยการตามหากมลโลกาขนาดนั้นแล้ว

ขีดจำกัดของวิถีโบราณดารากาลอยู่ที่เก้าร้อยไมล์ มีดวงดาวที่แวววาวจับตาดวงหนึ่งปรากฏตรงหน้า มันเปล่งประกายระยิบระยับถึงขีดสุด ราวกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง

หลัวซิวหกระเหินเดินฟ้าไปถึงตรงหน้าดวงดาวที่เสมือนดวงอาทิตย์นั่น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ทำให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเงาร่างของเขาเล็กน้อยอย่างยิ่ง

“และนี่ก็คือกมลโลกาชั้นสูง!”

ระหว่างทางได้รับยามาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้จิตใจของหลัวซิวฮึกเหิมถึงขีดสุด จนกระทั่งถึงวินาทีนี้ เมื่อมองเห็นกมลโลกาแล้ว สภาพจิตใจเขากลับสงบลง

“เวิง! ……”

มีแสงเรืองกระพริบตรงกลางหว่างคิ้วเขา สำนักเต๋าเสวียนเทียนบินออกมา พลังแห่งการดูดกลืนปริภูมิที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูออกมา

ท่ามกลางเสียงโครมคราม ภายใต้การบีบอัดจากกฎปริภูมิ ทำให้ดวงดาวที่เหมือนดั่งพระอาทิตย์ดวงนี้เล็กลงอย่างต่อเนื่อง ราวกับถูกแหขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นครอบคลุม แล้วถูกลากเข้าไปในประตูสำนักเต๋าเสวียนเทียนที่เปิดอ้าอยู่

และภายในสำนักเต๋าเสวียนเทียนมีปริภูมิที่ไร้ขอบเขตแฝงอยู่……

กระทั่งทันใดนั้นเองฟ้าดินก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่ความมืดสลัวอีกครั้ง ดวงดาวที่เหมือนดั่งพระอาทิตย์ถูกลากเข้าไปในสำนักเต๋า ประตูสำนักเต๋าปิดตัวลงแล้วบินเข้าไปกลางหว่างคิ้วหลัวซิว ให้ความรู้สึกที่หนักหน่วงมาก

“โลกาศุภร”

เขาไม่มีความคิดที่จะไปตามหาสมบัติและโอกาสบนวิถีโบราณดารากาลเส้นอื่น ๆ เนื่องจากเส้นทางที่เขาเดินนั้นเป็นเส้นทางหลักของวิถีโบราณดารากาล!

อ้างอิงตามคำพูดของมู่หมิง มีเพียงทุก ๆ หนึ่งร้อยไมล์บนเส้นทางหลักเท่านั้น ถึงจะได้รับสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดเป็นของรางวัล ส่วนเส้นทางที่แตกย่อยออกไปจากเส้นทางหลักนั้น สมบัติที่ได้รับเป็นของรางวัลจะแย่กว่ามาก ๆ

ได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุดมาแล้ว หลัวซิวจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปแก่งแย่งสิ่งของชิ้นอื่น ๆ อีก

แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เลือกที่จะจากไปเช่นกัน แต่เป็นการเปิดโลกาศุภรในห้วงอากาศอันมืดมิดตรงสุดปลายขอบเขตของวิถีโบราณดารากาล เขาจะฝึกตนปิดขังอยู่ ณ ที่แห่งนี้!

ความคิดนี้เป็นความคิดที่หลัวซิวผ่านการไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว แม้จี้เฟิงและมู่หมิงจะถูกเขาสังหารไปแล้ว ทว่าเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากกว่า!

ทุกสิ่งอย่างที่เขากระทำในแดนปริศนามกุฎเทพ ต้องแพร่งพรายถึงหูระดับสูงของกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งห้าอย่างแน่นอน ถึงครานั้นเหล่าอาจารย์ราชาเทพต้องสนใจในความลับเรื่องที่ว่า เขาสามารถปลดปล่อยศักยภาพที่แข็งแกร่งมาก ๆ ออกมาในแดนปริศนามกุฏเทพอย่างแน่นอน

ถึงแม้โจวเจิ้งจะบอกแล้วว่าสำนักเทียนเจี้ยนสามารถเป็นกองกำลังสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง แต่ทว่าอุปนิสัยของหลัวซิวได้ตัดสินใจแล้วว่า เขาไม่มีทางนำชะตาชีวิตของตัวเองฝากไว้ในกำมือผู้อื่น

คนที่เขาเชื่อมีเพียงตนเองเท่านั้น!

มาตรแม้นว่าเหตุนี้จะทำให้เขาพลาดโอกาสการเปิดค่ายวาร์ฟล่องหนในครั้งนี้ เขาก็ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะถึงอย่างไรหากไม่เหลือแม้กระทั่งชีวิต ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า

ในเมืองเทวะดาราอุดร สีหน้าของมหาเทวะดาราอุดรเย็นเยือกถึงขีดสุด

เขามหาเทวะเป็นกองกำลังอันดับ 1 ในโลกาดาราอุดรมาโดยตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้ควบคุมดูแลทางเข้าออกของแดนปริศนามกุฎเทพ หากกองกำลังใหญ่ราชาเทพอีกสี่กองกำลังอยากสำรวจแดนปริศนามกุฎเทพ ก็จะถูกเขามหาเทวะจำกัดให้อยู่ภายในขอบเขต

แต่ทว่าครั้งนี้มีราชาเทพที่มาจากที่อื่นบุกรุกเข้าไปสองคนไม่ว่า หลังจากฝ่ายตรงข้ามเข้าไปแล้วยิ่งใช้อุบายพิเศษ ผนึกทางเข้าของแดนปริศนามกุฎเทพด้วย

ทางเข้าถูกผนึก ผู้คนภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ ผู้คนที่อยู่ภายในก็ไม่สามารถออกมาได้เช่นกัน

มหาเทวะดาราอุดรลองทุกวิถีทางด้วยตนเองแล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา จึงทำได้เพียงไปขอความช่วยเหลือจากกองกำลังทั้งหลาย

อาจารย์ราชาเทพจากสำนักเทียนเจี้ยน สำนักวัชรยักษ์ ปราสาทอเวจีและสำนักไท่ไหลต่างมาถึงเมืองเทวะดาราอุดร

รวมมหาเทวะดาราอุดร อาจารย์ราชาเทพทั้งห้าคนนี้เป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในด้านที่สามารถมองเห็นได้ ต่างนั่งใกล้ทางเข้าระลอกคลื่นเจ็ดสีในท่าขัดสมาธิ เสาะหาวิธีการทลายผนึก