“วิธีการผนึกปริภูมิทางเข้านั้นสูงส่งอย่างมาก ข้าต้องใช้เวลาประมาณสิบปีถึงจะสามารถทลายมันได้”อาจารย์ราชาเทพจากสำนักไท่ไหลพูดอย่างฉับพลัน

ทั่วทั้งโลกาดาราอุดร ระดับฝีมือด้านค่ายกลของบรรพจารย์ไท่ไหลสูงที่สุด ซึ่งเขาคือนักค่ายเทพระดับ 7

แม้แต่เขายังบอกว่าต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี ถึงจะสามารถทลายผนึกตรงทางเข้าแดนปริศนาได้ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชาเทพคนอื่น ๆ ที่เชี่ยวชาญค่ายกลเลย

“ก็คงทำได้เท่านี้แหละ”

มหาเทวะดาราอุดรถอนหายใจเฮือกหนึ่ง นอกเหนือจากฝากฝังความหวังไว้ที่บรรพจารย์ไท่ไหลแล้ว เขาก็คิดวิธีการที่ดีกว่านี้ไม่ได้เช่นกัน

แดนปริศนามกุฎเทพสำคัญต่อโลกาดาราอุดรมาก ๆ ที่กองกำลังใหญ่ทั้งห้ามีผู้แข็งแกร่งราชาเทพบังเกิดอย่างไม่ขาดสายนั้น เป็นเพราะโอกาสและโชคชะตาส่วนมากที่ได้รับล้วนมาจากแดนปริศนาแห่งนี้

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเขามหาเทวะหรือกองกำลังใหญ่อีกสี่กองกำลัง ต่างไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับแดนปริศนามกุฎเทพ หรือหลุดพ้นจากการยึดกุม

แต่พวกเขากลับไม่ทราบว่าตรงสุดปลายขอบเขตของวิถีโบราณดารากาลในแดนปริศนามกุฎเทพ ณ วินาทีนี้ โชคชะตาโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดถูกหลัวซิวเก็บเข้ากระเป๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขาใช้เศษใจแห่งศุภรประกอบเป็นโลกาศุภร หลังจากนั้นเขาก็นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ในอาณาจักรกาลเวลาแห่งนี้ พลิกมือเอาขวดหยกแต่ละขวดออกมา นำมันวางเรียงกันตรงหน้าในแนวนอน

จากซ้ายไปขวา เรียงตามลำดับจากโอสถเวทย์ธรรมระดับ 7 ไปจนถึงโอสถเวทย์ธรรมระดับ 9

โอสถเวทย์ธรรมระดับ 7 สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งราชาเทพขั้นปฐมภูมิบรรลุแดนเล็ก ๆ ได้ ซึ่งฤทธิ์ยาที่แฝงอยู่ภายในมากมายมหาศาลและบ้าระห่ำมาก มาตรแม้นว่าเป็นเจ้านภาชั้นยอดกลั่นร่างก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาดังกล่าวได้จนร่างระเบิดแตกตาย

หลัวซิวไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เขายื่นมือไปบีบขวดหยกขวดหนึ่งแตก หยิบโอสถเวทย์ธรรมระดับ 7 ออกมาแล้วโยนเข้าปากโดยตรง

ทันทีที่เข้าปากตัวยาก็ละลาย ก่อนเป็นกระแสอากาศที่ร้อนผ่าวแผ่กระจายไปทั่วร่าง จากนั้นฤทธิ์ยาที่มากมายมหาศาลและบ้าระห่ำก็เหมือนภูเขาไฟปะทุ เสมือนถูกมีดที่นับไม่ถ้วนทิ่มแทง จะสับร่างกายเขาให้แหลกเป็นฝุ่นผงยังไงอย่างนั้น

ตึก!

ผิวหนังของเขาแตกทลาย เลือดสีแดงสดทะลักออกมาเหมือนน้ำพุ ต้องท้าวความก่อนว่าร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาเทียบเท่ากึ่งราชาเทพกลั่นร่าง นึกไม่ถึงเลยว่ามันก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาที่บ้าระห่ำของยาเซียนระดับ 7 ได้

“พลังโลกาดารา สยบมันซะ!”

หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น มีรังสีที่งดงามกระพริบตรงมือซ้ายของเขา ด้านหลังก็มีเงาลวงของดวงดาวที่ใหญ่โตมหึมาปรากฏเช่นกัน

ผิวหนังที่แตกร้าวเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย แต่วันชื่นคืนสุขไม่ยั่งยืน ฤทธิ์ยาของโอสถเวทย์ธรรมยิ่งอยู่ยิ่งบ้าระห่ำ ผิวหนังตามร่างกายเริ่มแตกออกอีกหลายจุด เลือดสีแดงสดทะลักออกมาเหมือนน้ำพุ

“ดาราชีวี สยบ!”

หลัวซิวตวาดเสียงดัง ดาราชีวีทั้งเจ็ดดวงปรากฏด้านหลัง ตอบสนองกับจุดลมปราณดาราสองดวงเมื่อก่อนหน้านี้ ดวงดาวทั้งเก้าร้อยเรียงกันดั่งสร้อยลูกปัด ประกอบเป็นห้วงดาราขนาดเล็ก

“วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ!”

หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่นอีกครั้ง รูเล็ตสีขาวดำขนาดใหญ่ปรากฏหลังศีรษะเขา ตรงกลางรูเล็ตได้ครอบคลุมห้วงดาราที่ประกอบจากดวงดาวทั้งเก้าร้อยเรียงกัน

ความเป็นตายคือวัฏสงสาร บุกเบิกห้วงเวลาในวัฏสงสาร วิวัฒนาการดาราจักรวาล สรรพวิชาและสรรพโลกล้วนอยู่ภายใน!

โคจรวรยุทธ์อย่างเคล็ดวิชาจุดลมปราณ เคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพพร้อมเพรียงกัน ฤทธิ์ยาของโอสถเวทย์ธรรมระดับ 7 ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว

ส่วนหนึ่งผสมเข้าไปในจุดตันเถียน ผนึกรวมดาราชีวี อีกส่วนหนึ่งผสมเข้าไปในตัวหยั่งรู้ ถูกวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพดูดซับ แล้วไหลไปบรรจบกันที่ช่องจิต ยังมีอีกส่วนหนึ่งได้ผสมเข้าไปในจุดปราณร่างเนื้อทำให้ทั้งร่างเนื้อดาราสองดวงแวววาวยิ่งขึ้น

จากนั้นพลังในร่างกายหลัวซิวก็เริ่มค่อย ๆ สงบลง รอยแตกบนร่างกายเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสมบูรณ์แล้ว

หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย “โอสถเวทย์ธรรมระดับ 7 เม็ดหนึ่ง ไม่สามารถผนึกรวมดาราชีวีหนึ่งดวงออกมาได้อย่างนั้นหรือ?”

วินาทีนี้ภายในจุดตันเถียนชี่ไห่ของเขา ดวงดาวดวงที่แปดยังคงอยู่ในสภาวะเงาลวง ผนึกรวมได้ประมาณหกส่วน ซึ่งยังขาดอีกสี่ส่วนถึงจะผนึกรวมสำเร็จ