ตอนที่ 1624: ทำลายไม่ได้ (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1624: ทำลายไม่ได้ (3)

แม้ว่าจิตมารจะมีการตระหนักรู้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง มันเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่เหมือนใคร มันไม่ได้ถูกผูกมัดโดยกฎของโลก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่ามันด้วยวิธีปกติ

จิตมารที่อ่อนแอได้สูญเสียความสามารถในการหนีโดยสิ้นเชิง เกราะไหมบรรพกาลกักตัวมันอย่างแน่นหนา ทั้งเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์พยายามหลายวิธีในการพยายามฆ่าจิตมาร แต่ดูเหมือนว่าแก่นของมันนั้นได้ถูกอธิบายไว้แล้วว่าเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่สามารถทำลายได้ ไม่ว่าการโจมตีของเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์จะรุนแรงแค่ไหน พวกเขาทำได้เพียงทำให้พลังของจิตมารเลือนหายไปและไม่สามารถทำอันตรายต่อแก่นของมันได้

“นายท่าน กล่าวกันว่ามีเพียงเกราะไหมบรรพกาลเท่านั้นที่สามารถลบล้างวิกฤตของโลกได้ ท่านต้องใช้พลังแห่งเกราะไหมบรรพกาลเพื่อทำลายมัน” เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังก้องอยู่ในหัวของเจี้ยนเฉิน มันเติมเต็มเจี้ยนเฉินด้วยความขมขื่นทันที เขาคิดว่าใช้เกราะไหมบรรพกาลเพื่อฆ่าจิตมารมานานแล้ว แต่มันแตกหักแบ่งออกเป็นสองส่วนและพลังภายในนั้นหมดไปแล้ว จำนวนเล็กน้อยที่เหลืออยู่สามารถกักขังจิตมารไว้ได้เท่านั้น มันไม่มีที่ไหนใกล้เคียงพอที่จะฆ่าจิตมารได้

นอกจากนี้เขายังได้ลองใช้พลังบรรพกาลของเขาในเกราะไหมบรรพกาลด้วย แม้ว่าเขาจะเทพลังบรรพกาลทั้งหมดลงในเกราะไหมบรรพกาล มันก็ยังคงไม่พอที่จะเข้าถึงพลังที่จำเป็นต้องใช้เพื่อกำจัดจิตมาร เขาคาดการณ์ว่าจะยังไม่เพียงพอถึงแม้ว่าจิตวิญญาณราชันย์, จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม และจอมยุทธขอบเขตเซียนจากทั้งสองโลกได้รวมพลังเข้าด้วยกัน

พลังของเกราะไหมบรรพกาลนั้นไม่เหมือนใคร มันมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมมากโดยที่พลังเซียนและพลังงานดั้งเดิมนั้นซีดจางลงเมื่อเปรียบเทียบกัน ความต้องการในการหลอมพลังงานอื่น ๆ ลงในพลังของเกราะไหมบรรพกาลนั้นน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด

“จิตมารฆ่าไม่ตายจริง ๆ หรือ ? ” เจี้ยนเฉินบ่นด้วยความหนักใจ

ใบหน้าของจิตวิญญาณราชันย์ก็ทรุดลง เขาจ้องมองที่แก่นของจิตมารที่ติดอยู่ในเกราะไหมบรรพกาล เขาค้นพบว่าเขาไม่สามารถทำอะไรกับจิตมารได้

“เนื่องจากเราไม่สามารถฆ่ามันได้,ดูเหมือนว่าเราต้องกักขังจิตมารเก็บไว้ตลอดชั่วนิรันดร์ เมื่อเรามีพลังมากขึ้น เราสามารถหาวิธีอื่นเพื่อฆ่ามันได้ ข้าจะใช้เกราะไหมบรรพกาลเป็นผนึกและเก็บมันขังไว้ในหอคอยอนัตตา ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่มีอะไรผิดปกติ” เจี้ยนเฉินคิด เขาไม่ต้องการเปิดเผยหอคอยอนัตตาในตอนนี้ ขณะที่เอเดรียนน่ากำลังดูอยู่ ท้ายที่สุดหอคอยอนัตตาเป็นสมบัติที่มีชื่อเสียงของอัครสูงสุดอนัตตา ไม่ต้องสงสัยในพลังของมันเลย แม้ว่าจะได้รับความเสียหาย เขาเชื่อว่าจะยังมีจอมยุทธอีกนับไม่ถ้วนที่ยินดีจะไปให้ไกลที่สุดเพื่อต่อสู้จนตายในการแย่งชิงหอคอยอนัตตา เมื่อเอเดรียนน่าเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาครอบครองหอคอยอนัตตาในโลกเซียน เขาจะไม่เหลือความสงบสุขอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม,พลังภายในของเกราะไหมบรรพกาลพร่องลง ดังนั้นเวลาที่จิตมารจะติดกับดักก็ลดลงเช่นกัน เขาต้องการหาวิธีที่จะกักขังจิตมารก่อนที่พลังของเกราะไหมบรรพกาลจะหมดไป

เจี้ยนเฉินไม่มั่นใจในว่าจะคุมขังจิตมารในทวีปเทียนหยวนหรือโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เขานึกถึงสถานที่สองแห่งที่เขาสามารถเก็บจิตมารไว้ได้ สถานที่แรกเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง และสถานที่ที่สองเป็นหอคอยอนัตตา โถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเมืองทหารรับจ้างนั้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ในแง่ของคุณภาพ มันไม่มีที่ไหนดีเท่ากับหอคอยอนัตตาที่เสียหาย เจี้ยนเฉินจะไม่เชื่อมั่นในโถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในการกักขังจิตมาร ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดต้องเป็นหอคอยอนัตตาเท่านั้น

เจี้ยนเฉินไม่กังวลว่าหอคอยอนัตตาจะถูกเปิดเผยหลังจากตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เขาหยิบมันออกมาทันทีเพื่อที่เขาจะสามารถเก็บจิตมารไว้ในนั้นได้

หอคอยอนัตตาอยู่ในมือของเจี้ยนเฉินเป็นโครงสร้างที่มีความสูง 1 นิ้ว แม้ว่ามันจะหดตัวลง พื้นผิวของมันเต็มไปด้วยปราณกระบี่ที่ยังมีพลังแห่งการมีอยู่ ปราณกระบี่แต่ละเส้นกระพริบด้วยแสงจ้าแลเจตจำนงกระบี่ที่น่าตกใจ อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่สี่เส้นที่ด้านบนสุดของหอคอยนั้นดูทื่อและไร้ชีวิตชีวา ทำให้พวกมันโดดเด่นกว่าปราณกระบี่อื่น

ช่วงเวลาที่เจี้ยนเฉินหยิบหอคอยอนัตตาออกมา พี่ชายสี่คนซึ่งเป็นเซียนจักรพรรดิก็จ้องหอคอยในมือของเขาราวกับว่าพวกเขาได้สัมผัสอะไรบางอย่าง ดวงตาที่หม่นหมองของพวกเขาส่องสว่างในเวลานั้น โดยไม่มีข้อยกเว้น ดวงตาของพวกเขาก็จับจ้องอยู่ที่กระบี่และพวกเขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว

พลังลึกลับกำลังดึงดูดพวกเขา มันยังทำให้พวกเขารู้สึกคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย

ประตูที่เสียหายไปยังชั้นหนึ่งของหอคอยเปิดออกและมีพลังอันยิ่งใหญ่ห่อหุ้มแก่นของจิตมารเอาไว้แล้วลากไปยังหอคอย

แก่นของจิตมารสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อต้านด้วยพลังเต็มที่ มันสัมผัสได้ถึงลางร้ายที่น่ากลัวอย่างมาก ดังนั้นมันจึงไม่อยากถูกดูดเข้าไปในหอคอยอนัตตา แม้ว่าหอคอยได้รับความเสียหาย มันก็เพียงพอที่จะส่งผ่านความหนาวเหน็บลงไปยังกระดูกสันหลัง

อย่างไรก็ตาม จิตมารก็อ่อนแอเกินไปในขณะนี้ มันไม่สามารถต้านทานหอคอยภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน แก่นของมันหลุดพ้นจากเกราะไหมบรรพกาลและมุ่งหน้าไปยังหอคอยอนัตตา

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า แหล่งอาหารของข้า ! มาสิ พลังที่สองของข้า สลัดมันออกไป ! ” จิตมารส่งเสียงร้องอย่างเร่งด่วนด้วยความมุ่งมั่น หลังจากที่เสียงของมันดังต่อไป รอยแตกมิติอันยิ่งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในอวกาศ ภายในรอยแตกมีโลกสีแดงเลือดที่ส่องแสงสีแดงปีศาจ พลังแห่งการมีอยู่อันเย็นยะเยือกคล้ายกับแก่นของจิตมารรั่วไหลออกมา

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์เปลี่ยนไปทันทีเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนี้ ความไม่เชื่อท่วมท้นสายตาของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสามารถบอกได้ว่าพลังมารทั้งหมดนั้นถูกเก็บไว้ในรอยแตกของมิติขนาดใหญ่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา ในเวลาเดียวกัน พลังนั้นก็เทียบเท่ากับพลังในสภาวะสูงสุดของจิตมาร

“เป็นไปไม่ได้” ใบหน้าของเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ซีดลงทันที เหล่าจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมและจอมยุทธขอบเขตเซียนของทั้งสองโลกรู้สึกสิ้นหวัง

จิตมารที่อยู่ในสภาพสูงสุดนั้นทรงพลังและไม่สามารถเอาชนะได้ หากมันไม่ได้ใช้วิธีการที่คล้ายกับการทำลายตนเองเพื่อแยกออกมาจากเกราะไหมบรรพกาลก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์จะไม่สามารถครอบงำจิตมารได้

แต่ในเวลานี้ ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังจะปราบปรามจิตมารและได้รับชัยชนะ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจิตมารยังคงซ่อนพลังอันยิ่งใหญ่ไว้ สิ่งนี้ทำให้เจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์รู้สึกสิ้นหวังเช่นกัน เมื่อจิตมารฟื้นพลังกลับมาสู่จุดสูงสุด พวกเขาก็ไม่มีอะไรที่จะใช้ต่อสู้กับมันได้ ท้ายที่สุด เกราะไหมบรรพกาลนั้นไร้ประโยชน์และจิตวิญญาณราชันย์ก็ไม่สามารถแสดงพลังระดับสุงสุดได้อีกต่อไปหลังจากจ่ายราคาสูงไปกับการใช้เจตจำนงค์แยกสวรรค์

“เราไม่ควรปล่อยพลังให้ลงมา ! ” มีความมุ่งมั่นและความบ้าคลั่งปรากฏในสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาเพิกเฉยต่อผลที่ตามมาทั้งหมดในขณะที่เขาเรียกร้องให้หอคอยอนัตตาดูดจิตมารออกไป

อย่างไรก็ตาม จิตมารก็ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับพลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายในรอยแตกของมิติเมื่อมันปรากฏขึ้น ไม่ว่าเจี้ยนเฉินจะทำอะไร เขาก็ไม่สามารถดูดจิตมารให้เข้าไปในหอคอยอนัตตาได้ มันเหมือนว่าเขาไม่เพียงดูดแก่นของจิตมารเท่านั้นแต่ยังมีพลังมารมากมายในรอยแตกเช่นกัน

ไม่ใช่ว่าหอคอยอนัตตาไม่ทรงพลังเพียงพอ แต่เจี้ยนเฉินไม่แข็งแกร่งพอ ท้ายที่สุดพลังที่ซ่อนอยู่ในรอยร้าวนั้นก็เกินกำลังของเขา

“ข้าดูดซับพลังจากหินก้อนนั้น ยกเว้นว่าข้าไม่สามารถหลอมรวมพลังของหินได้อย่างสมบูรณ์ ข้าไม่สามารถควบคุมพลังทั้งสองพร้อมกันได้ด้วยความแข็งแกร่งของการตระหนักรู้ของข้า ข้าจึงทิ้งการควบคุมของหนึ่งในพลังไว้ในชิ้นส่วนของวิญญาณของข้ามานานมาแล้ว ข้าซ่อนมันไว้ในโลกที่ข้าแกะสลักด้วยตัวเอง สิ่งที่เจ้าทำคือทำให้ข้าเสียหนึ่งในพลังที่ข้าดูดซับมาจากหิน ข้าวางแผนที่จะกลืนกินพวกเจ้าทั้งหมดเพื่อให้การตระหนักรู้ของข้ามีพลังมากขึ้น แล้วรวมพลังทั้งสองเข้าด้วยกันหลังจากนั้น แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกเจ้าทุกคนจะจัดการได้ยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ พวกเจ้าบังคับให้ข้าใช้พลังที่สอง” เสียงทางจิตถูกปลดปล่อยออกมาจากแก่นของจิตมาร มันขุ่นเคืองอย่างมาก