ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธดำเนินการไปหนึ่งวันกว่า หลังจากร่างกายของหลัวซิวผ่านการชุบโดยสายฟ้านับล้าน รัศมีเทวก็ยิ่งฮึกเหิมขึ้น

เวลาผ่านพ้นไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะเป็นภายในแดนปริศนามกุฎเทพ หรือเมืองเทวะดาราอุดรในโลกภายนอก ต่างฟื้นฟูกลับคืนสู่ความสงบเหมือนอดีตอีกครั้ง

ราวกับพลังทัณฑ์สายฟ้าที่ปรากฏเป็นภาพที่มองเพียงแวบเดียวก็ตราตรึงในส่วนลึกของหัวใจ ดั่งคลื่นกระทบฝั่งยังไงอย่างนั้น

หลัวซิวอยู่ในสภาวะฝึกตนปิดขัง จึงสัมผัสไม่ได้ถึงการหมุนเวียนของเวลา หลัวซิวทราบแค่เพียงผลการฝึกตนของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ระยะเวลายิ่งอยู่ยิ่งผ่านไปนาน ผลการฝึกตนของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

เสี้ยววินาทีที่ดวงดาวดวงที่ 18 ผนึกรวมและปรากฏในจุดตันเถียนชี่ไห่ ดวงดาวทั้ง 18 ดวงก็สั่นเทิ้มพร้อมกัน เวทย์ผลการฝึกตนที่แฝงอยู่ภายในปะทุออกมาพร้อมกัน!

“ตู้มม! ……”

รัศมีเทวที่แวววาวอย่างไร้ขอบเขตพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตรงสุดปลายขอบเขตของวิถีโบราณดารากาล หลัวซิวเหมือนได้ยินเสียงแคว็กดังออกมาจากร่างกายตนเอง ราวกับการพันธนาการและกฎเกณฑ์ที่มองไม่เห็นถูกทลายไปแล้วยังไงอย่างนั้น

วินาทีนี้ หลัวซิวกำลังกระพริบตาถี่ ๆ สัมผัสได้ว่าเวทย์ผลการฝึกตนภายในร่างกายพุ่งพรวดขึ้นหลายเท่าตัวในทีเดียว ทลายจุดตีบตันบรรลุสู่ระดับราชาเทพ!

ผลการฝึกตนระดับราชาเทพ!

ทั้ง ๆ ที่เป็นเทพมารขั้นสูง ทว่าเวทย์ผลการฝึกตนกลับไล่ตามถึงราชาเทพ!

โดยทั่วไปเมื่อคนคนหนึ่งบรรลุถึงราชาเทพ สิ่งแรกที่จะทำคือยกระดับแดนกฎดั้งเดิมขึ้นไปถึงขั้น 4 จากนั้นค่อยสะสมเวทย์ผลการฝึกตน ค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงจุดตีบตันของราชาเทพ หลังจากนั้นค่อยอาศัยโอกาสและโชคชะตาบรรลุในทีเดียว

แต่หลัวซิวกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผลการฝึกตนของเขาบรรลุสู่ระดับราชาเทพก่อน ส่วนระดับแดนกฎของเขานั้นกลับยังไม่ถึงขั้น 4

เสี้ยววินาทีที่เวทย์ผลการฝึกตนบรรลุถึงระดับราชาเทพ ความเร้นลับที่เกี่ยวกับกฎดั้งเดิมขั้น 4 ก็ปรากฏในส่วนลึกสมองของหลัวซิวเช่นกัน

การที่ราชาเทพควบคุมกฎดั้งเดิมขั้น 4 ได้นั้น มันแทบจะเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งเลย แดนกฏของหลัวซิวยังบรรลุไม่ถึง แต่ผลการฝึกตนกลับก้าวข้ามขึ้นมาก่อน เขาจึงสามารถยึดกุมความสามารถในการควบคุมกฎดั้งเดิมของราชาเทพได้ก่อนกำหนด

แน่นอนอยู่แล้ว เช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถยึดกุมกฎดั้งเดิมขั้น 4 ได้ในทันที แต่ต้องการให้เขาค่อย ๆ หลอมรวมและตระหนักรู้ ถึงจะบรรลุถึงแดนกฎดั้งเดิมขั้น 4 ได้ง่ายขึ้น

ขวดหยกที่อยู่ตรงหน้าเหลือเพียงสองขวดแล้ว โดยที่ด้านในมีโอสถเวทย์ธรรมระดับ 9 สามเม็ด รวมไปถึงโอสถมกุฎเทพปุถุชนที่ล้ำค่ามากที่สุดหนึ่งเม็ด

“ตู้ม!”

และในเวลานี้เอง หลัวซิวก็ได้ยินเสียงดังมาจากโลกภายนอก

“ในที่สุดก็เปิดออกแล้ว!”

“ตัวต้องห้ามบนระลอกคลื่นเจ็ดสีถูกทลายแล้ว!”

ภายในแดนปริศนามกุฏเทพ ใบหน้าของนักยุทธ์ทั้ง 14 คนที่รอคอยอย่างเหี่ยวเฉามานานสิบปีต่างดูมีความสุขมาก

ในขณะเดียวกัน เสี้ยววินาทีที่ตัวต้องห้ามบนระลอกคลื่นเจ็ดสีถูกทลาย สายรุ้งยาวห้าสายก็บินเข้ามาภายในเวลาชั่วลมหายใจเดียว ซึ่งพวกเขาก็คืออาจารย์ทั้งห้าที่มีชื่อเสียงและอำนาจยิ่งใหญ่จากกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งห้านั่นเอง

เสี้ยววินาทีที่อาจารย์ราชาเทพทั้งห้าคนนี้เข้ามา ก็สัมผัสได้เลยว่าผลการฝึกตนถูกกดอัดอย่างต่อเนื่อง จากนั้นผลการฝึกตนของพวกเขาก็เหลือเพียงเทพมารขั้นสูง

“ผู้ใดสามารถบอกข้าได้บ้างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

มหาเทวะดาราอุดรกวาดตามองดูนักยุทธ์ทั้ง 14 คน แล้วถามด้วยใบหน้าที่หม่นหมองเล็กน้อย

สายตาของจินหลิงหยุนเบิ่งมองไปทางส่วนที่ลึกที่สุดบนเส้นทางดาราโบราณ ผู้คนจากกองกำลังใหญ่ทั้งหลายต่างรายงานเรื่องที่ตัวเองทราบและได้พบเห็นให้แก่อาจารย์ในสำนักของตนฟังอย่างละเอียด

โจวเจิ้งก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ไม่มีผู้ใดสามารถปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลัวซิวได้ จึงบอกเล่าเรื่องทุกอย่างให้อาจารย์ราชาเทพฟังอย่างหมดเปลือก

“เคล็ดวิชาที่ทำให้ผลการฝึกตนไม่ถูกกดอัดเมื่ออยู่ในแดนปริศนามกุฎเทพ?”

ข่าวคราวนี้ทำให้สีหน้าของอาจารย์ราชาเทพทั้งห้าปรวนแปร พวกเขาควบคุมดูแลแดนปริศนามกุฎเทพมานานหลายปี ดูเหมือนกับว่าความเข้าใจของพวกเขาที่มีต่อแดนปริศนานี้จะน้อยกว่าคนนอกมาก ๆ

“หลัวซิวอยู่ที่ใด?”

สายตาของอาจารย์ราชาเทพทั้งห้าต่างร่วงลงบนตัวจินหลิงหยุนและโจวเจิ้งทั้งสองคนพร้อมเพรียงกัน