WSSTH ตอนที่ 3,148 : ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญหน้ากับเหิงเฟิงที่ใช้ออกด้วยทุกสิ่ง ต้วนหลิงเทียนยังไม่เผยท่าทีหลบหลีกอะไร
ความว่างเปล่ารอบกายเริ่มกระเพื่อมสั่นไหว เขตแดนมิติปกคลุมไปทั่ววรัศมี 10 หมี่ ห้วงมิติโดยรอบเองก็เริ่มบิดเบือน
ในเวลาชั่วพริบตา ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยยเขตแดนมิติ และบิดเบือนมิติ
‘กักกัน’
เมื่อการโจมตีนำมาของเหิงเฟิงเข้าสู่เขตแดนมิติบิดเบือนของเขา ต้วนหลิงเทียนก็เร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานพลังธาตุมิติ ผนึกกักมิติรอบกายเหิงเฟิงเอาไว้โดยพลัน!
พริบตาต่อมา
‘ผ่ามิติ!’
รอยแยกมิติพลันอุบัติขึ้นข้างกายต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็มีคมมีดมิติสีเทาหนึ่งพุ่งออกมาจากรอยแยกดังกล่าว
คมมีดมิติสีเทาพุ่งผ่านรอยแยกมิติมา ประหนึ่งการโจมตีที่จากห้วงมิติอื่น ทำลายกระบวนท่าของเหิงเฟิงที่ควบรวมความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงสั่นสะเทือนและฟื้นฟูลงได้อย่างง่ายดาย!
และในระหว่างทำลายกระบวนท่าของเหิงเฟิง พลังของคมมีดมิติสีเทาไม่เพียงอ่อนโทรมลง แต่กลับทวีความกล้าแข็งยิ่งขึ้น!
เพราะยามมันเคลื่อนที่ผ่านเขตแดนมิติหรือห้วงมิติบิดเบือนที่ต้วนหลิงเทียนสร้างขึ้น มันจะดูดซับพลังมิติดังกล่าวมาเสริมพลังอานุภาพของมัน
และไม่ใช่แค่พลังของเขตแดนมิติ พื้นที่บิดเบือนเท่านั้น กระทั่งยามมันล่วงล้ำเข้าสู่ขอบเขตห้วงมิติกักกันที่ต้วนหลิงเทียนใช้ผนึกกระบวนท่านำมาของเหิงเฟิงเมื่อครู่เอาไว้ มันก็ดูดซับพลังมิติมาหนุนเสริมเช่นกัน!
เรียกว่า บัดนี้คมมีดมิติ ที่ประหนึ่งกระบี่แสงสีเทาก็ทรงพลังมากขึ้นไปกว่าตอนที่ปรากฏนัก!
และในขณะที่คมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนดูดซับพลังมิติมาเสริมแกร่ง ด้านเหิงเฟิงเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย มันรีบเร่งเร้าโคจรใช้พลังออกมาเต็มกำลังอีกครั้ง!
ครืน! กึง! กึง! กึง! กึง!
…
เบื้องหน้าเหิงเฟิงบัดนี้ ปรากฏแท่งศิลามหึมาปานเสาคำฟ้าก่อเกิด บังขวางเอาไว้เบื้องหน้า เสมือนขีดเส้นแบ่งกั้นโลกระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเหิงเฟิง
อีกทั้งทั่วแท่งศิลามหึมาปานเสาคำฟ้าที่บังขวางไว้เบื้องหน้า ยังอัดแน่นไปด้วยพลังของพื้นที่โน้มถ่วง ไม่เว้นพลังความลึกซึ้งสั่นสะเทือน หมายทำลายพลังทุกอย่างที่กล้ำกรายเข้ามา!
เรียกว่าการลงมือครั้งนี้ เหิงเฟิงได้เตรียมพร้อมกว่าครั้งก่อนมาก
มันได้เลือกโจมตีนำไปก่อนให้ต้วนหลิงเทียนลงมือจู่โจมสวนกลับ จากนั้นก็สร้างแท่งศิลาอันอัดแน่นไปด้วยยความลึกซึ้งที่เน้นการจู่โจมเป็นหลักของกฏแห่งดิน…แต่มันกระทำเช่นนี้ไม่ได้คิดจะโจมตีอะไร แต่เพื่อเป็นการป้องกันต่างหาก! หมายใช้แท่งศิลาทรงพลังอำนาจนี่ บั่นทอนพลังกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียน!!
บัดนี้จิตใจเหิงเฟิงเต็มไปด้วความตึงเครียดนัก มันทุ่มจิตสมาธิควบคุมพลังทั่วร่าง พร้อมแท่งศิลามหึมาอย่างดีไม่กล้าฟุ้งซ่านแม้แต่น้อย
ด้วยวิธีนี้ต่อให้ต้วนหลิงจะใช้เคลื่อนมิติวูบร่างไปโผล่ที่ใด หรือกลับคำใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน มันก็จะควบคุมแท่งศิลามหึมาไปบังขวางทันที หมายใช้ต้านทานรับมือกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียน!
แต่มันไม่ได้รู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดใช้เคลื่อนมิติเพื่อหาช่องว่างและโอกาสในการจู่โจมแม้แต่น้อย ยิ่งไม่คิดจะกลับคำใช้ความลึกซึ้งส่งผ่านอีกด้วย
“อาวุโสทั้ง 2 รบกวนพวกท่านแล้ว”
ก่อนที่คมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนจะพุ่งพ้นออกจากเขตแดนมิติของเขา ต้วนหลิงเทียนก็ได้กล่าวแจ้งเพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับเรียบร้อย หมายใช้พลังของทั้งคู่
และแทบจะพร้อมกันกับที่เขากล่าวจบคำ พลัง 2 ขุมก็พวยพุ่งออกจากร่างกายเขาฉับไว ลักษณะพลังยังทำราวกับเนของเขามาแต่เกิด
พลังสองขุมดังกล่าว ถ่ายทอดลงสู่คมมีดมิติในชั่วพริบตา ทำให้คมมีดมิติสีเทาบัดนี้ปรากฏชั้นแสงพลังดั่งเปลวเพลิงสีทองปกคลุมเอาไว้ ทอแสงเรืองรองออกมาแลดูวิจิตรงดงามนัก!
เรียกว่ากระบี่แสงสีเทาแต่เดิม บัดนี้ได้ปกคลุมไปด้วยม่านเพลิงสีทอง เรียกว่าเป็นการผสมผสานของสีที่ตัดกัน แลดูงามตาพิกล
“นั่นมันอะไรกัน!?”
หว่านชิงชิงที่ลอยร่างกลางหาวห่างออกไประยะหนึ่ง ใบหน้าของนางพลันเผยความตกตะลึง ไม่อาจรักษาความสงบได้อย่างก่อนหน้าสืบต่อ!
“นี่มัน…”
เมื่อหว่านชิงชิงค้นพบความไม่ธรรรมดาของคมมีดมิติที่ต้วนหลิงเทียนจู่โจมออกมา เหิงเฟิงที่เป็นเป้าหมายคมมีดมิติโดยตรง ก็ย่อมพบความแปลกประหลาดดังกล่าวเช่นกัน!
และมันยังพึ่งเห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก!
ครั้งสุดท้ายที่ต้วนหลิงงเทียนเล่นงานมัน อีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังดังกล่าวเลย!
‘บัดซบ! เป็นมันซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้จริงๆ!!’
ในขณะที่เหิงเฟิงบังเกิดความสะท้านในใจ มันก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงทั้งสับสนอยู่บ้าง
เพราะมันย่อมตระหนักได้ชัดถึงกลิ่นอายพลังคมมีดมิติที่พุ่งเข้ามา ว่านั่นไม่ใช่กลิ่นอายพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติอีก 2 ประการที่เหลือแน่!
ด้วยวิธีนี้ มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…
นี่คือพลังบางอย่างของต้วนหลิงเทียนที่มีมาแต่กำเนิด เป็นพลังอำนาจที่ไม่ใช่พลังแห่งกฏ!
ดุจเดียวกับความสามารถในการระเบิดความเร็วของหว่านชิงชิง ที่เรียกว่าเสริมความเร็วให้นางอย่างท้าทายสวรรค์!
หว่านชิงชิงนั้นไม่ใช่ผู้คน หากแต่นางเป็นเพียงหญ้าต้นหนึ่ง ที่บำเพ็ญตบะจนสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ
และเดิมทีนางก็เป็นเพียงหญ้าที่ชื่อว่า สายลมปะทุ ที่ขึ้นอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งของแดนสวรรค์ใต้ ด้วยประสบโชควาสนาบางอย่าง ทำให้ในที่สุดนางก็สามารถจะแลงกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ และเริ่มต้นเดินในหนทางฝึกตน
ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทพืชหญ้า ความเร็วในการทำความเข้าใจกฏแห่งไม้ของนาง เรียกว่ารวดเร็วเข้าขั้นท้าทายสวรรค์เลยทีเดียวหากนำไปเทียบกับคนทั่วไป!
แต่นั่นยังไม่ใชสิ่งสำคัญที่สุด
หลังจากจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว หว่านชิงชิงยังมีพลังดั้งเดิมของหญ้าสายลมปะทุอยู่ และนั่นคือความสามารถในการปะทุพลังสายลม
ความสามารถแต่กำเนิดดังกล่าวยิ่งระดับพลังฝึกปรือของหว่านชิงชิงสูงขึ้น พลังอำนาจของมันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
อย่างตัวนางในปัจจุบัน
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหว่านชิงชิง ยามอาศัยความสามารถแต่กำเนิดปะทุสายยลมของนาง ตัวนางก็สามารถใช้ความเร็วได้ทัดเทียมกับผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักถึง 3 ประการ!
แน่นอนว่าการใช้ความสามารถแต่กำเนิดของนางยังมีข้อจำกัดบางอย่าง นั่นคือหากนางใช้ความสามารถปะทุสายแล้ว นางไม่อาจใช้พลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้เพื่อทับซ้อนหนุนเสริมได้ชั่วขณะ
แต่กระนั้น ความเร็วของนางก็มากพอจะทำให้ ขุนนางอมตะ 10 ทิศกว่า 9 ส่วนเก้าทำได้แค่กินฝุ่น!
และบัดนี้ เหิงเฟิงก็เชื่อว่าชั้นพลังเพลิงสีทองที่ห่อหุ้มปกคลุมคมมีดมิติของต้วนหลิงเทียนอยู่…สมควรเป็นไม้ตายของต้วนหลิงเทียนแน่นอน!
คล้ายๆกับความสามารถแต่กำเนิดของหว่านชิงชิง
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้บางทีอาจมิใช่มนุษย์ หรืออาจจะเป็นพวกมีพลังขีดจำกัดสายเลือดบางอย่าง!’
เหิงเฟิงลอบกล่าวในใจ
ขณะเดียวกันเหิงเฟิงก็รู้สึกกดดันไม่น้อย สถานการณ์เบื้องหน้า กอปรกับความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน นับว่าส่งผลกระทบต่อจิตใจของมันอย่างหนักหน่วง ทำให้ใจมันเต้นระรัวไปด้วยความหวั่นหวาด!
‘สงบใจเอาไว้…’
‘ต่อให้มันจะมีพลังอภินิหารอันใด ก็ไม่ใช่ว่าจะฝ่าการป้องกันของข้าได้เสียหน่อย!’
เหิงเฟิงลอบกล่าวปลอบใจตัวเองอย่างลับๆในใจ จากนั้นแววตาของมันก็เริ่มหวนกลับมามั่นคงไม่หวั่นไหวอีกต่อไป
“พี่ชายเหิงเฟิงเตรียมตัวให้พร้อมเล่า…หลังผ่านไป 3 ลมหายใจข้าจะจัดการท่านแล้ว!”
และในขณะที่เหิงเฟิงเร่งเร้าสมาธิเตรียมการรับมือต้วนหลิงเทียนอย่างเต็มกำลัง ต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้น จากนั้นคมมีดมิติอันฉาบไว้ด้วยเพลิงพลังสีทอง ก็วกกลับมาหมุนวนรอบมือของเขา!
ด้านเหิงเฟิงพอได้ยินคำเตือนดังกล่าวรวมถึงเห็นการกระทำของต้วนหลิงเทียน มันก็แทบกระอักเลือดออกมาด้วความโมโห!!
นี่จะไม่หยามหน้ากันไปหน่อยรึไง?
ถึงกับมีบอกล่วงหน้า แถมให้เวลามันเตรียมตัวด้วย!?
“ต้วนหลิงเทียน! ข้าอยากดูชมนักว่ากระบวนท่าของเจ้ามันจักร้ายกาจเยี่ยงคำพูดของเจ้าหรือไม่!!”
เหิงเฟิงคำรามออกมาเสียงต่ำปานสัตว์ป่าพิโรธ มันใช้เวลาสูดลมหายใจเพื่อระงับโทสะไปหนึ่งลมหายใจ จากนั้นกว่าจะกล่าวออกมาจบคำ ก็ผ่านไปอีก 2 ลมหายใจพอดี
เรียกว่าเวลา 3 ลมหายใจเสมือนหายไปในชั่วพริบตา
ขวับ! ซัววว!!
พอครบกำหนดเวลา ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเบาๆ จากนั้นคมมีดมิติอันห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองที่วนเวียนอยู่ ก็พุ่งเข่นฆ่าสังหารไปทางเหิงเฟิงทันที!
กล่าวให้ชัดมันปรี่ตรงไปยังแท่งศิลามหึมาที่บังขวางเบื้องหน้าเหิงเฟิง ดั่งปราการป้องกันชั้นแรกของเหิงเฟิง!
แท่งศิลาดังกล่าวอัดแน่นไปด้วยพลังธาตุดินผสานไว้ด้วยความลึกซึ้งสั่นสะเทือนและพื้นที่โน้มถ่วง เป็นเหิงเฟิงตั้งใจให้ในรับมีรุก! หมายบั่นทอนพลังกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียน!!
และนี่เป็นปราการป้องกันด่านแรกที่เหิงเฟิงเตรียมไว้!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือควบคุมคมมีดมิติที่ห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองจู่โจมออกมา หว่านชิงชิงที่ลอยร่างรักษาระยะไกลห่าง ก็จับจ้องมองชมคมมีดมิติดังกล่าวไม่วางตา!
คมมีดมิติอันมีเพลิงพลังสีทองห่อหุ้ม พุ่งทะลวงความว่างเปล่าไปฉับไว ห้วงอากาศตามรายทางสะท้านสะเทือน ราวกับพร้อมจะฉีกเปิดรอยแยกมิติได้ทุกเมื่อ!
และในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตา คมมีดมิติดังกล่าวก็บรรลุถึงปราการชั้นแรกที่เหิงเฟิงเตรียมไว้แล้ว!
อย่างไรก็ตาม ไร้ซึ่งฉากปะทะต้านทานของพลังดุเดือดอย่างที่คิด เมื่อคมมีดมิติอันห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองตกกระทบแท่งศิลา เพลิงพลังสีทองรอบๆเพียงวูบวาบอยู่สองสามครา มันก็ทะลวงปราการป้องกันด่านแรกของเหิงเฟิงไปได้อย่างง่ายดาย!
ตูมมมม!!
ซัววว!!
…
แท่งศิลาที่ถูกทะลวง ยังถูกพลังอำนาจของเพิงพลังสีทองดังกล่าวป่นทำลายย่อยยับ พื้นที่โน้มถ่วงทั้งพลังสั่นสะเทือนอันใด เสมือนไม่มีอยู่จริง สิ้นอานุภาพเบื้องหน้าคมมีดมิติสีเทาอย่างราบคาบ!!
ไม่แม้แต่จะลดทอนพลังสภาวะขอคมมีดมิติสีเทาได้สักเสี้ยว!
กระบวนการดังกล่าว ประหนึ่งดาบในตำนานเจาะผ่านเต้าหู้สด…
แต่เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเพราะปราการชั้นแรกของเหิงเฟิง มันคือการรับแฝงรุก ในแง่พลังป้องกันแล้วมันยังเทียบความลึกซึ้งที่เน้นการป้องกันเป็นหลักอย่างความลึกซึ้งเกราะ หรือความลึกซึ้งปราการผลึกไม่ได้เลย
ในแง่พลังป้องกันอย่างดีก็พอๆกับพลังป้องกันที่จะได้รับจากความลึกซึ้งกายาศิลาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เห็นปราการด่านแรกพังพินาศลงไม่เป็นท่าในเสี้ยวพริบตาแบบนี้ สีหน้าเหิงเฟิงยังอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปใหญ่หลวงในฉับพลัน!
เพราะมีเพียงแต่มันเท่านั้นที่รู้…
ว่าเมื่อครู่ปราการด่านแรกของมันนั้นพังทลายลงแทบจะทันที! รวดเร็วสุดที่ความลึกซึ้งฟื้นฟูของมันจะสำแดงเดชด้วยซ้ำ เรียกว่าไม่มีเวลาให้มันได้ทำการฟื้นฟูอันใด!!
ซัววว! วู้มมม!!
หลังคมมีดมิติปานกระบี่แสงสีเทาทะลวงผ่านปราการด่านแรกของเหิงเฟิงมาได้อย่างง่ายดายแล้ว มันก็ยังคงเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหิงเฟิงสืบต่อ!
และหากสังเกตให้ดีจะพบว่า…
เพลิงพลังสีทองที่ห้อมล้อมปกคลุมอยู่ได้จางลงเล็กน้อย สิ่งนี้บ่งบอกว่าปราการป้องกันด่านแรกของเหิงเฟิงเมื่อครู่ ก็ทำให้มันสิ้นเปลืองพลังไปอยู่บ้าง
พริบตาต่อมา ในที่สุดคมมีดมิติก็แหวกอากาศมากระทบถูกร่างเหิงเฟิง! และมันกำลังเผชิญหน้ากับความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการป้องกันเป็นหลักของกฏแห่งดิน 2 ประการ!!
ซัว! ซัว! ซัว! ปงง!!
…
หลังต้านทานกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดคมมีดมิติสีเทาก็ทำลายแผ่นยันต์สีกากีที่ปกคลุมรอบนอกปราการผลึกบนชุดเกราะศิลาบนร่างของเหิงเฟิงได้สำเร็จ!
ความลึกซึ้งเกราะ พังทลาย!!
อย่างไรก็ตามเพลิงพลังสีทองที่ปกคลุมห้อมล้อมคมมีดมิติสีเทาบัดนี้เห็นได้ชัดว่าอ่อนจางลงไปหลายส่วน ทั้งยังเริ่มสั่นไหววูบวาบราวกับพร้อมจะดับลงได้ทุกเมื่อ!
‘แย่แล้ว!!’
อย่างไรก็ตาม เห็นฉากดังกล่าวใบหน้าเหิงเฟิงไม่เพียงไม่แสดงความยินดี…แต่ยังเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!
เพราะมันพบว่า…
จวบจนบัดนี้ พลังของคมมีดมิติต้วนหลิงเทียนยังสมบูรณ์พร้อม! ที่สิ้นสูญพลังไปก็มีแต่ม่านพลังดั่งเปลวเพลิงสีทองที่ปกคลุมรอบๆคมมีดมิติเท่านั้น!!
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งๆที่ฝ่าปราการป้องกันด่านแรกของมัน รวมถึงทำลายความลึกซึ้ง เกราะของมันได้แล้ว แต่พลังของเพลิงสีทองที่ปกคลุมนั่นยังไม่หมดสิ้น!!
จ้าวสวรรค์ช่วย!!
นี่มันพลังผีสางอันใดกันแน่!?
พลังนี่ มันไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังทำลายล้างจากการผสานรวมความลึกซึ้งที่เน้นการโจมตีเป็นหลักของกฏใดกฏหนึ่ง 2 ประการเลย!!
กระทั่งเผลอๆยังจะทรงพลังร้ายกาจกว่าด้วยซ้ำ!!
ซัวว!!
หลังฝ่าทำลายความลึกซึ้งเกราะมาได้แล้ว เสี้ยวพริบตาต่อมาคมมีดมิติก็เริ่มจู่โจมทำลายปราการผลึกต่อ
และหลังสร้างรอยแตกเล็กๆให้กับปราการผลึกของเหิงเฟิงได้แล้ว ในที่สุดม่านพลังดั่งเพลิงสีทองที่ปกคลุมคมมีดมิติอยู่ก็หายไปหมดสิ้น…
กล่าวได้ว่า บัดนี้พลังที่เพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับมอบให้ต้วนหลิงเทียนได้หมดลงแล้ว…
อย่างไรก็ตาม พลังของคมมีดมิติเขายังมีเต็มเปี่ยม!
ซัว! ฉัวะ! ซัว! ซัว!
…
ดั่งฉากเรื่องราวเมื่อเดือนก่อนฉายวนซ้ำอย่างไรไม่ทราบ คมมีดมิติเริ่มจากผ่าทำลายปราการผลึกของเหิงเฟิงก่อน จากนั้นก็ทะลวงผ่านเกราะอันเกิดจากความลึกซึ้งกายาศิลาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เฉือนเข้ากลางอกของเหิงเฟิง!
อย่างไรก็ตาม คมมีดมิติพึ่งจะกินลึกเข้าเนื้อเหิงเฟิงได้ราวครึ่งชุ่นพอให้เลือดทะลัก ต้วนหลิงเทียนก้ได้ใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน ส่งคมมีดมิติดังกล่าวให้อันตรธานหายไปผุดโผล่ด้านหลังของเหิงเฟิง คมมีดมิติพุ่งผ่านความว่างเปล่าไปต่อสักพัก ค่อยสลายหายไป…
‘อะไรกัน…’
เห็นฉากดังกล่าว ลูกตาหว่านชิงชิงที่ลอยร่างห่างๆก็หดเล็กลงอย่างแรง ‘พลังโจมตีระดับนั้นมันอันใดกันแน่…ต่อให้เป็น 6 คนนั่นก็ไม่อาจกระทำได้กระมัง?’
‘เช่นนั้นหากข้าร่วมมือกับมัน…มิใช่ว่าต่อให้ต้องเจอกับ 6 คนนั่นก็….’
คิดถึงจุดนี้ นัยน์ตาของหว่านชิงชิงก็ฉายแสงจ้าเป็นประกาบวับวาว