เซว์ซิงหลงรู้ดีว่าเขาไม่ควรยั่วโมโหเฉินจื๋อข่าย ดังนั้นเวลานี้เขาจึงทำได้เพียงประนีประนอมกับเขา
แม้ว่าเขาจะรับไม่ได้กับการที่ลูกสาวของตัวเองต้องแต่งงานกับซุนเต๋อวั่งก็จริง แต่เมื่อเทียบกับการขัดใจเฉินจื๋อข่ายจนทำให้ครอบครัวของตัวเองต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมานแล้ว เขาเลือกที่จะเสียสละลูกสาว เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็ตกลง เฉินจื๋อข่ายก็พูดอย่างเย็นชาว่า: “ถ้าคุณตกลงตั้งแต่แรก เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้จริงไหม?”
เซว์ซิงหลงทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า: “ประธานเฉินคุณพูดถูก ต่อไปนี้ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก ได้โปรดอย่าไล่ฉันออกจากสมาคมเลยเป็น…”
เฉินจื๋อข่ายเพิกเฉยใส่เขา แต่หันไปทางเย่เฉิน และถามอย่างสุภาพว่า: “อาจารย์เย่ครับ คุณคิดอย่างไร?”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและหันไปมองคู่สามีภรรยา ซุนเต๋อวั่งกับสวีลี่ฉินแล้วพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า:“ในเมื่อประธานเซว์ยอมให้ลูกสาวของเขาแต่งงานกับซุนเต๋อวั่งแล้ว พวกคุณก็รีบเตรียมตัวให้พร้อมได้เลย ตอนนี้ก็10โมงกว่าแล้ว งานแต่งจะเริ่มขึ้นในเวลา 12 นาฬิกาตรง”
ซุนเต๋อวั่งตัวสั่นด้วยความกลัว เขาไม่คาดคิดว่าเย่เฉินจะให้ตัวเองแต่งงานกับลูกสาวของประธานเซว์จริงๆ
การแต่งงานกับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าตัวเอง 20 ปีถือเป็นเรื่องดี
แต่ประเด็นคือเขาควรอธิบายให้สวีลี่ฉินภรรยาของเขาฟังอย่างไร
นอกจากนี้แล้ว ลูกสาวของประธานเซว์ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้ มีเด็กคนผิวดำอยู่ในท้องของเธอ และหลังจากที่แต่งงานกันเพียงไม่กี่เดือนเขาก็จะได้เป็นพ่อคนซะแล้ว! เมื่อเธอให้กำเนิดเด็กผิวดำ ตัวเองก็จะกลายเป็นตัวตลกของเมืองจินหลิงงั้นเหรอ?
โดยรวมแล้ว เขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่แสนจะใจร้ายของเย่เฉินเลย แต่ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองตั้งสิบเท่าอย่างประธานเซว์ก็ประนีประนอมแล้ว เขาจะทำอะไรได้อีก?
ท่านหงห้าและแม้แต่เฉินจื๋อข่ายก็อยู่ที่นี่ ถ้าหากตัวเองยังไม่ให้เกลียดพวกเขาอีกล่ะก็ เขาจะต้องมีจุดจบที่เลวร้ายแน่ๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ทำได้เพียงพูดกับเย่เฉินด้วยความเคารพว่า: “ข้าน้อยยอมรับการจัดเตรียมของอาจารย์เย่ครับ!”
ในขณะนี้สวีลี่ฉินที่อยู่ด้านข้างเขาอกแตกในทันที และเธอก็ดุด่าอย่างบ้าคลั่ง: “ซุนเต๋อวั่ง ไอ้สารเลวที่ไม่มีมโนธรรม นี่คุณจะทิ้งฉันไปจริงๆเหรอ? คุณอย่าลืมสิว่าฉันเป็นเมียที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณมาโดยตลอด คุณก็รู้ว่าฉันเสียสละเพื่อตระกูลซุนมาเท่าไหร่? แล้วคุณยังจะเขี่ยฉันทิ้งอีกเหรอ?”
ซุนเต๋อวั่งกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า: “คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าขืนขัดใจอาจารย์เย่จนทำให้เขาขุ่นเคืองและลงโทษเราขึ้นมา ทั้งครอบครัวของเราจะถูกทำลาย!”
สวีลี่ฉินทุ่มเททุกอย่างให้กับตระกูลซุนมาโดยตลอด
ครอบครัวของเธอเองก็ไม่ได้ร่ำรวยมากนัก ตอนที่เธอแต่งงานกับซุนเต๋อวั่ง ซุนเต๋อวั่งก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งคู่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอุตสาหกรรมให้ใหญ่โตอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
เธอไม่คาดคิดว่าในวันที่เธอกำลังจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกลับถูกสามีตัวเองเขี่ยทิ้งซะงั้น แบบนี้เธอจะทนไหวได้อย่างไร?
ดังนั้นเธอจึงดุด่าอย่างโกรธเคือง: “ฉันไม่สนใจว่าอาจารย์เย่บ้าบออะไรหรอก ถ้าคุณกล้าที่จะหย่ากับฉัน ฉันจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุดเลย! และเราจะตายด้วยกัน!”
เฉินจื๋อข่ายไม่คาดคิดมาก่อนว่ายัยแก่นี้จะกล้าขัดคำสั่งเย่เฉินเช่นนี้ เขาตะคอกอย่างเย็นชาทันทีว่า “ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย รีบหย่ากับซุนเต๋อวั่งกอย่างเชื่อฟังซะ จากนั้นก็ไสหัวไปจากเมืองจินหลิงและอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ถ้าคุณไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะขุดคุ้ยสมาชิกในครอบครัวของคุณออกมาให้หมด และจะขับไล่พวกเขาออกจากเมืองจินหลิง เมื่อถึงเวลานั้นแล้วครอบครัวของคุณจะพังพินาศเพราะคุณ และคุณจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต!”
เมื่อสวีลี่ฉินได้ยินคำพูดดังกล่าวแล้ว ก็แทบจะเป็นลมด้วยความตกใจ
——