“ต้วนหลิงเทียน…”
เมื่อเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลีคืนสติ พวกมันก็มองไปยังตารางจัดอันดับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที
และมองไปปราดเดียวพวกมันก็สังเกตเห็น
ว่าชื่อของต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่อันดับเดิมอีกต่อไป แต่พุ่งขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 19 แล้ว เรียกว่าติด 20 อันดับแรกได้สำเร็จ!
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็มีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 58 แต้ม!
“58 แต้ม”
“หากข้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้มันมีแค่ 34 แต้มเท่านั้น…หมายความว่าเมื่อครู่มันได้จากคนของเราไป 24 แต้มงั้นหรือ?”
“24 แต้ม… มันจัดการคนของพววกเราไปเท่าไหร่กัน?”
…
เหล่าอาวุโสและศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี พอเห็นอันดับในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
“มันกำจัดพวกเราออกมาทั้งสิ้น 23 คน…พอดีในพวกเราคนนึงมี 2 แต้ม”
“ไม่ผิด!”
“ที่น่าแค้นใจก็คือ…มันมาตะโกนหน้าค่ายเรา ทั้งกล่าวว่าหากมีพวกเราคนใดหาญกล้าออกไปคนหนึ่ง มันจะจัดการคนหนึ่ง!”
“หยิ่งเกินไป! มันจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว!!”
“ข้าอยากแจ้งให้ศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อทราบ!”
“หากพลังฝีมือมันร้ายกาจดั่งข่าวลือจริง…เช่นนั้นต่อให้เป็นศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่ ก็คงสู้มันไม่ได้ไม่ใช่รึไง?”
“นั่นสิ ในเมื่อมันกล้ามาดักหน้าค่าคฤหาสน์หั่วหลีเรา เช่นนั้นมันต้องคำนึงถึงศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อของพวกเราแล้ว”
“ฮึ่ม! ใครบอกว่าศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อต้องไปรับมือมันสองคนเล่า ข้าจักให้ศิษย์พี่ทั้ง 2 รวบรวมศิษย์พี่ทั้งหมดในนั้นไปรุมกำจัดมัน!!”
“นี่มัน…จะไม่รังแกผู้คนเกินไปหน่อยหรือ?”
“รังแก? มันแทบจะขี้จะเยี่ยวรดหัวพวกเราอยู่แล้ว แต่เจ้ายังพูดว่ารังแกมัน?
…
ต้วนหลิงเทียนมาดักเหนือค่ายคฤหาสน์หั่วหลี ก่อนจะท้าทายยั่วยุศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี จากนั้นก็กำจัดศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีไป 23 คน….
หลังจากข่าวเรื่องราวนี้แพร่ไปในคฤหาสน์หั่วหลี ก็กระตุ้นโทสะของเหล่าผู้อาวุโสคฤหาสน์หั่วหลีนัก
กระทั่งชนชั้นรองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลีเมื่อได้รับทราบเรื่องราว ยังมีโมโหไม่น้อย
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ข้อความมากมายถูกส่งตรงมาถึงผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่อยู่ในตำหนักเคลื่อนย้าย จากนั้นอาวุโสที่ทำหน้าที่ในตำหนักเคลื่อนย้าย ก็เร่งแจ้งเรื่องราวไปยังศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีในแดนสวรรค์ใต้โบราณทันที
ในขณะที่คฤหาสน์หั่วหลีกำลังขุ่นเคือง คฤหาสน์อมตะหลังอื่นก็พบเห็นความเปลี่ยนแปลงของคะแนนและอันดับของต้วนหลิงเทียน
“อะไรกัน ต้วนหลิงเทียนคนนั้นของคฤหาสน์เฉวียนโยว…มันเข้าไปไม่ทันไรก็เข้าสู่ 20 อันดับแรกแล้วหรือ?”
“ดูเหมือนมันจะได้ 24 คะแนนในพริบตา…ที่แท้มันจัดการผู้ใดไปกันแน่?”
“ในตารางอันดับดูเหมือนผู้ที่มี 24 แต้มจักมีแค่คนเดียว….แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถูกกำจัดไป”
“ไม่ใช่แค่คนที่มี 24 แต้มเท่านั้น ตอนคะแนนมันเพิ่มขึ้นกระทั่งผู้ที่อยู่ในตารางจัดอันดับก็ไม่มีผู้ใดถูกกำจัดเลยสักคน”
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไฉนแลดูแปลกประหลาดนักเล่า?”
…
หลายคนในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆเริ่มสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนไปหาแต้มมาจากไหนกันแน่
ยังไม่ถึงกลางเดือนแบบนี้ คะแนนสะสม 24 แต้มถือว่าไม่ใช่น้อยๆ และมากพอจะทำให้ผู้ที่ถือครองมันติดอยู่ใน 50 อันดับแรกได้
แต่ต้วนหลิงเทียนจากคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นไปหาแต้มมาจากไหน ทั้งๆที่ไม่มีใครในตารางจัดอันดับถูกกำจัด?
“พวกเจ้ายังจดจำกันได้หรือไม่…ว่าเดือนก่อนต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์อู่จ้าน ก่อนจะส่งศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านเกือบโหลออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง?”
อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 กล่าว
“อาวุโสท่านหมายความว่าอย่างไร? หรือท่านจะบอกว่าคราวนี้ต้วนหลิงเทียนไปจัดการคนของคฤหาสน์อู่จ้านเป็นโหลอีกรอบหรือ?”
“เจ้าโง่! ตำแหน่งที่ตั้งค่ายคฤหาสน์อู่จ้านเปลี่ยนแปลงทุกเดือน ที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอเมื่อเดือนก่อนก็แค่โชคดี เจ้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนมันจะบังเอิญเจอค่ายคฤหาสน์อู่จ้านอีกรึไง? เช่นนั้นคฤหาสน์อู่จ้านต้องซวยขนาดไหน?”
“หมายความว่า…ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น ไปเจอค่ายคฤหาสน์อมตะระดับ 6 แห่งอื่นหรือ?”
…
คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายได้แต่คาดเดากันไปทำนองนี้
ไม่นานนัก บางคนก็เริ่มได้รับข้อความจากสหายตัวเองที่อยู่ในคฤหาสน์หั่วหลี และพอรับทราบข้อความพวกมันก็พากันอึ้งไปพักหนึ่ง
“ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี? จัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีไป 20 กว่าคนในคราวเดียว?”
“แถมต้วนหลิงเทียนนั่นยังตะโกนท้าทาย ว่าหากมีศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีคนใดก้าวออกจากค่ายมันจะจัดการทันที? ให้ตายเถอะ นี่มันต้องเคียดแค้นกันขนาดไหนถึงทำอะไรเช่นนี้ได้?”
“ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นเป็นบ้าไปแล้วหรือไร! เดือนก่อนมันล่วงเกินคฤหาสน์อู่จ้านไม่พอ มาเดือนนี้ก็ล่วงเกินคฤหาสน์หั่วหลีอีก!”
“รอดูไปเถอะ…คฤหาสน์หั่วหลีไม่มีทางยอมง่ายๆแน่”
…
ข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนในไปดักค่ายคฤหาสน์หั่วหลีในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ไม่นานก็เริ่มแพร่ออกไปยังคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหมด
แม้แต่คฤหาสน์เฉวียนโยวเองก็ได้รับทราบเรื่องราวแล้ว
“ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่าไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงได้แต้มเพิ่มขึ้นมากมายนัก ทั้งๆที่ไม่มีใครในตารางจัดอันดับถูกจัดการ…ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะไปดักค่ายคฤหาสน์หั่วหลีแบบนี้!”
“นี่มันหาเรื่องตายหรือไร ไอ้ทำแบบนี้มันก็แลดูเจ๋งอยู่หรอก แต่มันไม่คิดบ้างหรือไร…ว่าหากทำแบบนี้แล้ว คฤหาสน์หั่วหลีจะไม่มีวันปล่อยมันไปง่ายๆ?”
“ถึงแม้คฤหาสน์หั่วหลีอาจไม่มีปัญญาฆ่ามันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แต่ด้านนอกต้องหาทางเล่นงานมันถึงตายแน่!”
“วู่วาม! วู่วามเกินไปแล้ว!!”
…
หลังได้รับทราบการกระทำของต้วนหลิงเทียน เหล่าคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนทำอะไรเลินเล่อเกินไป วู่วามเกินไป…
“เจ้าหนูนั่น…”
ด้านฉีเทียนหมิงพอได้รับทราบข่าว ก็ตกใจไม่น้อย “เดือนก่อนตอนคฤหาสน์อู่จ้านยังไม่นับเป็นอะไร เพราะบังเอิญไปพบเจอและอีกฝ่ายออกมาสู้กับมันเอง…เช่นนั้นคฤหาสน์อู่จ้านก็คงไม่คิดติดใจเอาความ”
“แต่คราวนี้ไฉนมันต้องไปท้าทายนอกค่ายคฤหาสน์หั่วหลีด้วย? ทำเช่นนี้มันจักให้คฤหาสน์หั่วหลีเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?”
พอฉีเทียนหมิงคืนสติ สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง แววตาฉายชัดถึงความกังวล
ในเวลาเดียวกัน…
ณ วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่มีค่ายกลมาปกคลุมอยู่ พลันมีแขกไม่ได้รับเชิญหนึ่งมาเยือน
เป็นชายวัยกลางคนร่างสูง หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศี ในชุดคลุมสีครามน้ำทะเล
หลังมันบุกเข้ามาในวังแล้ว มันก็ไปถึงลานด้านหลังวังอย่างง่ายดาย
บริเวณลานด้านหลังกว้างขวางนัก ยังมีทะเลสาบเล็กแห่งๆหนึ่ง
ตอนนี้ริมทะเลสาบเล็กๆดังกล่าว ก็มีชายชราร่างเตี้ยสวมงอบฟางนั่งตกปลาอยู่…
“ท่านบรรพจารย์…”
ชายวัยกลางคนในชุดสีครามน้ำทะเลยืนรออยู่ด้านหลังชายชราที่นั่งตกปลาเงียบๆ จนเมื่อเห็นชายชราตกปลาได้และนำปลาใส่ข้องแล้วเสร็จ มันถึงรวบความกล้าเอ่ยทักออกมา
“เจ้ามาที่นี่ทำอะไรอีก?”
ชายชราที่สวมงอบฟางสวมเสื้อที่เต็มไปด้วยรอยปะชุน วางคันเบ็ดไว้ข้างข้อง จากนั้นก็หยิบน้ำเต้าที่แขวนอยู่บริเวณเอวมาเปิดดื่ม พลางถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“ท่านบรรพจารย์เป็นเรื่องของเจ้าหนูนั่น….”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีครามน้ำทะเลกล่าวออกด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ แลดูประหม่านัก
ถึงแม้ตอนนี้ตัวมันจะเป็นถึงผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว อันมีอำนาจสูงสุด แต่ต่อหน้าชายชราเบื้องหน้าที่เลี้ยงมันมาแต่เล็กแต่น้อยผู้นี้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยขี้กลัวเลย
ความยิ่งใหญ่ของชายยชราเบื้องหน้าฝังใจมันมาแต่เด็กแล้ว มันไม่มีวันลืมเลือนแน่นอน
“อ้อ?”
แม้ชายชราจะไม่หันหน้ามา หากแต่ในแววตาก็เผยประกายสนใจเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นกับมันเล่า?”
“เดือนนี้มันพึ่งเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณไปวันแรก และไม่ทันไรมันก็ติดอันดับที่ 19 แล้ว…นอกจากนี้มันยังไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีทั้งตะโกนท้าทายผู้อื่นตรงๆ ว่าหากกล้าออกนอกค่ายมาคนหนึ่ง จะกำจัดคนหนึ่ง”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีครามคลี่ยิ้มฝืนๆ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ท่านบรรพจารย์ ท่านคิดให้มันเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราจริงๆหรือ?”
“เจ้าหนูผู้นี้มันปีศาจน้อยชัดๆ…ยังไม่ทันเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเรา ก็หาญกล้าก่อเรื่องเช่นนี้แล้ว…หากมันขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของพวกเรา มันไม่ขวัญกล้าเทียมฟ้าแล้วหรือ?”
“นอกจากนั้นข้าไปตรวจสอบมาแล้ว…ที่เจ้าหนูนั่นมันประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะมันไปช่วงชิงผลเทพสังเวยสวรรค์มาทั้งสิ้น”
“เมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนมันเข้าสู่นิกายอมตะเป้าผู่ มันก็พึ่งจะเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่ง ที่ไม่ได้เข้าใจกฏมิติด้วยซ้ำ”
“ที่มันเข้าใจกฏมิติและความลึกซึ้งเหล่านั้นได้…สมควรเป็นพลังอำนาจของผลเทพสังเวยสวรรค์ อีกทั้งขอบเขตพลังขุนนางอมตะ 10 ทิศของมันก็…”
เมื่อชายวัยกลางคนกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ต้องอ้อมค้อม…เจ้าคิดจะพูดอะไรก็พูดมา”
“ท่านบรรพจารย์ ข้าแค่อยากจะบอกท่านว่า…บางทีมันอาจจะไม่ได้ประเสริฐเลิศเลออย่างที่ท่านคิด”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีครามถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“เจ้ากลัวมันจะเหลิงหลังได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ และพอได้ตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของพวกกเรา ก็ทำให้มันได้ใจไปกันใหญ่ สุดท้ายไม่เพียงมันเอาแต่หลงมัวเมาในอำนาจ แต่ยังไม่เติบโตก้าวหน้าอย่างที่คิด…จนทำให้ข้าต้องผิดหวัง?”
ดวงตาสีโคลนของชายชรา ฉายแสงวาบหนึ่ง ยังหันหน้ากลับมามองจ้องชายวัยกลางคนเขม็ง
และสายตาที่ใช้มองชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีคราม ก็ทำราวกับจะมองออกทุกสิ่ง
“…ใช่”
ชายวัยกลางคนนิ่งไปพักหนึ่ง ก็พยักหน้า
“คนธรรมดาที่ไหนจักไปหาญกล้าก่อเรื่องเช่นนี้…”
นัยน์ตาคู่นัน้ของผู้ชราฉายแสงขึ้นอีกวาบ จากนั้นก็หยิบคัดเบ็ดมาตกปลาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าหนูนั่น…”
“ส่วนเรื่องที่มันจะกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของพวกเราได้หรือไม่ ก็ต้องดูว่ามันจะผ่านบททดสอบที่ข้าให้ไว้ได้รึเปล่า…”
หลังชายชรากล่าวจบคำ ก็หันไปจดจ่อกับการตกปลา และไม่แยแสชายวัยกลางคนอีกเลย
เห็นฉากดังกล่าวชายวัยกลางคนก็ได้แต่ประสานมือโค้งคารวะอีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังจากมาด้วยรอยยิ้มเหยเก ไม่กล้ารบกวนชายชราอีกต่อไป
…
ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
“ต้วนหลิงเทียน…เจ้ายังไม่รีบออกมาจากตรงนั้นอีก ตอนนี้ไม่พ้นศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเมื่อครู่เอาเรื่องราวไปแจ้งด้านนอกหมดแล้ว…ทางคฤหาสน์หั่วหลีก็สมควรติดต่อศิษย์ที่อยู่ที่นี่…ป่านนี้พวกมันคงกำลังระดมกำลังเพื่อมาจัดการเจ้า!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่เผยท่าทีจะจากไปเสียที หลังจัดการคนของคฤหาสน์หั่วหลีไปเกือบสองโหล หว่านชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปถามไถ่ด้วยความกังวล
ได้ยินเสียงผ่านพลังของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนเพียงตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ไม่รีบ…ข้าจะรอพวกมันวันหนึ่ง หากไม่มีใครในคฤหาสน์หั่วหลีมาถึง ข้าจะไปทันที”
“และเจ้าอย่าพึ่งกังวลไป…ต่อไปข้าจะให้คะแนนเจ้าก่อนมากหน่อย เพื่อชดเชยเวลาที่เจ้าเสียเปล่าไปก่อนหน้า 2 วัน”
ประโยคสุดท้ายของต้วนหลิงเทียน ยังไม่ลืมปลอบหว่านชิงชิง
“เจ้าจะทำแบบนั้นได้ หมายความว่าเจ้าต้องรอดจากที่นี่ไปทั้งยังมีชีวิตเสียก่อน!”
หว่านชิงชิงส่งเสียงกลับไปอีกครั้งด้วยความขุ่นขึ้ง
แต่คราวนี้ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเมินหว่านชิงชิง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิกลางฟ้าเหนือค่ายคฤหาสน์หั่วหลี หลับตาลงราวกับพักผ่อน…
“เจ้า!”
เห็นดังนั้นหว่านชิงชิงก็ฉุนกึก หลังส่งเสียงผ่านพลังไปอีกประโยคก็เหินร่างจากไปทันที
“ข้าจะไปตรวจสอบแถวๆนี้เพื่อดูว่ามีเป้าหมายบ้างหรือไม่ หลังผ่านไปวันหนึ่งข้าจะกลับมาหาเจ้า…หากว่าตอนนั้นเจ้ายังมีชีวิตอยู่”