‘ดูเหมือนพวกมันจะจงใจรักษาระยะห่างกับค่ายคฤหาสน์หั่วหลี…และเลือกจะตระเวนรอบรัศมี 20 ลี้…’
ร่างที่ซ่อนในเงามืดดังกล่าวก็คือ หว่านชิงชิง ของคฤหาสน์อู่จ้านนั่นเอง
หลังจากหว่านชิงชิงออกจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีได้ราว 20 ลี้ นางก็พบเจอศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลี 2 คน
ทว่าถึงนางจะมีพลังจัดการทั้ง 2 ได้ง่ายๆ แต่นางกลับไม่ได้ลงมือ
เนื่องเพราะนางไม่อยากลงมือจัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้งคู่ช่วงนี้!
จริงอยู่เรื่องที่นางร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนอีกไม่ช้าก็เร็วต้องถูกเปิดเผย ทว่าก่อนที่มันจะถูกเปิดเผย นางไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ว่านางกับต้วนหลิงเทียนรวมมือกัน ตั้งแต่ตอนดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี
นางกลัวคฤหาสน์หั่วหลีจะโกรธนาง
อย่างไรก็ตามแม้จะจะไม่ได้จัดการศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 2 แต่หว่านชิงชิงงก็ตัดสินใจที่จะย้อนกลับไปหาต้วนหลิงเทียนเพื่อแจ้งตำแหน่งพวกมัน
ทว่าพึ่งจะย้อนกลับมาไม่ทันไร นางก็สังเกตเห็นโม่ผิงจื่อ ยอดฝีมืออันดับ 2 ในบรรดาขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์หัวหลี่เข้า! นางจึงเลือกที่จะลอบสะกดรอยตามอีกฝ่ายทันที!!
หลังนางลอบติดตามโม่ผิงจื่อได้สักพัก นางพบว่าอีกฝ่ายได้พบเจอศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีอีกคน จากนั้นก็เริ่มเดินทางไปด้วยกัน สุดท้ายก็พบว่าทั้งคู่ไปพบเจอกับกลุ่มคน 3 คน จากนั้นก็พากันเดินทางไปด้วยกันต่อ ไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเลย
‘ดูเหมือนคฤหาสน์หั่วหลีตั้งใจให้เหล่าศิษย์มารวมตัวกันนอกค่ายราวๆ 20 ลี้…จากนั้นพอรวมคนได้มากพอค่อยบุกไปจัดการต้วนหลิงเทียนรวดเดียว!’
หลังตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ ใบหน้าหว่านชิงชิก็ฉายชัดถึงความกังวลทันที
ทันใดนั้นนางก็กัดฟันแน่น ก่อนจะเร่งรุดเหินร่างไปยังค่ายคฤหาสน์หั่วหลีด้วยความเร็วสูงสุด
ไม่นานนักพอหว่านชิงชิงกลับมาถึบบริเวณใกล้ๆค่ายคฤหาสน์หั่วหลี นางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อพบจำนวนศิษย์ในค่ายของคฤหาสน์หั่วหลี!
“คฤหาสน์หั่วหลี…มีศิษย์มากมายขนาดนี้เชียวหรือ!?”
ตอนนี้ในค่ายคฤหาสน์หั่วหลี มีศิษย์มารวมตัวกันเกินพันคนแล้ว
ต้องทราบด้วยว่า ปกติแล้วศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่เข้ามาต่อสู้แข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเฉลี่ยแล้วแต่ละเดือนก็มีแค่ 300 กว่าคนเท่านั้น
“เจ้านั่นยังเฉยได้อีก…”
ครู่ต่อมาหว่านชิงชิงก็หันไปเห็นต้วนหลิงเทียนที่ยังนั่งขัดสมาธิหลับตากลางหาวด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทำให้นางรู้สึกหมดคำจะพูดอยู่บ้าง
หรือต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่าความชิบหายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว?
“ต้วนหลิงเทียน”
หากไม่ใช่เพราะนางตกลงร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนไปแล้ว หว่านชิงชิงก็คงไม่คิดจะส่งเสียงผ่านพลังไปเตือนต้วนหลิงเทียนแม้แต่นิดเดียว “ศิษย์ของคฤหาสน์หั่วหลีที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณแต่แรก ตอนนี้กำลังพยายามรวมกลุ่มกันห่างจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีราว 20 ลี้”
“หากข้าเดาไม่ผิด พวกมันตั้งใจเหินร่างวนเวียนรอบค่ายคฤหาสน์หั่วหลี 20 ลี้เพื่อรวมคน…และพอรวมคนได้มากพอแล้ว ไม่พ้นต้องมาจัดการกับเจ้าแน่!”
หว่านชิงชิงกล่าวเตือนเสียงเข้ม “ข้าแนะนำให้เจ้า…”
“แนะนำให้ข้าออกไปตามล่าพวกมันที่กำลังเหาะหาพวกรอบๆค่าย 20 ลี้นั่น แล้วทยอยเก็บพวกมันจนหมด?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาได้ว่าหว่านชิงชิงกำลังจะพูดอะไร
“นี่นับเป็นโอกาสดีสำหรับเจ้า”
หว่านชิงชิงกล่าว
“ใช่ นับเป็นโอกาสดีจริงๆ”
แทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงผ่านพลังต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ร่างคนก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็วูบห่างออกไป 100 หมี่แล้ว
เคลื่อนมิติ!
เคลื่อนมิติ!
…
ในช่วงเวลาแค่พริบตา ไม่ทันที่ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีจะตอบสนองใดๆ ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรานหายไปจากสายตาของพวกมันเรียบร้อย
“เอ๊า! ต้วนหลิงเทียนไปไหนแล้วเล่า!?”
“อะไรกัน หรือมันจะหนีไปแล้ว? บ้าเอ๊ย ข้าอุตส่าถ่อเข้ามาดูมันถูกทุบตีกำจัด…แต่มันกลับหนีไปหน้าตาเฉยแบบนี้เนี่ยนะ!?”
“เฮ่อ…ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่ามันที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเยาว์ไหนเลยจะเป็นตัวโง่งมไปได้…พอเห็นพวกเรามารวมตัวกันมากเข้าแต่ไม่มีใครออกไปสักที มันก็สมควรเดาอะไรได้ออกแน่นอน”
“ข้าก็ว่างั้นล่ะ…มันคงรู้ว่าพวกเราเข้ามารอดูชมเรื่องบันเทิง”
…
ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีนับพัน รู้สึกผิดหวังไม่น้อยเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว
หลังจากนั้นก็มีหลายคนกลับออกมา
คล้ายติดเชื้ออย่างไรอย่างนั้น พอมีคนออกไป หลายคนก็เริ่มออกตาม
ในเมื่อต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว หมายความว่าเรื่องบันเทิงที่พวกมันรอดูชมก็ไม่มีทางเกิดขึ้น เช่นนั้นพวกมันจะอยู่ที่นี่ทำเพื่อ?
แน่นอนว่ายังมีคนที่เหลืออยู่บางส่วน
คนที่เหลือเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้ามาขัดเกลาตัวเองในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นประจำอยู่แล้ว เช่นนั้นจึงไม่คิดจะออกไปพร้อมกันคนอื่นๆ
“ไฉนออกมากันแล้วเล่า?”
“นี่ออกมากันหมดเลยหรือ?”
…
บริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายต่างๆของคฤหาสน์หั่วหลี ก็ฮือฮากันไม่น้อยเมื่อพบว่ามีเหล่าศิษย์ทยอยกันออกมาไม่หยุด เหล่าศิษย์ที่เข้าไปไม่ทันก่อนหน้า พอเห็นหลายคนพร้อมใจกันออกมาก็แปลกใจไม่น้อย
“หรือเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นโดนกำจัดแล้ว!?”
“สมควรโดนดีไปแล้วแน่นอน! หาไม่แล้วพวกมันจะออกมาทำไมเล่าหากการแสดงยังไม่จบ?”
“บ้าเอ๊ย! ต้องโทษที่ข้าช้าไปก้าวนึง…หากไวกว่านี้หน่อย ข้าคงได้เข้าไปดูด้วยแล้ว!”
“ข้าด้วย…แถมผู้อาวุโสยังมาจำกัดด่านพลังตอนถึงตาข้าพอดี…น่าเสียดายจริงๆ”
…
เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีหลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย
แต่ไม่นานนักพวกมันก็รู้ว่าพวกมันคิดมากเกินไปแล้ว
“บ้าจริง ต้วนหลิงเทียนนั่นคิดจะไปก็ไปเฉยเลย…เซ็งยิ่ง ข้าถ่อเข้าไปอย่างสูญเปล่าจริงๆ!”
“หากข้ารู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั่นจะหนีไปแบบนี้ ข้าคงไม่ลำบากเบียดคนเข้าไปแต่แรก สุดท้ายกลับไม่มีอะไรดีๆให้ดูชม”
“ข้าก็เหมือนกัน รู้งี้ข้ามาช้าหน่อยก็ดี จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเบียดไปแย่งลงทะเบียน แถมสุดท้ายก็ได้แต่ไปยืนรอเหมือนตัวโง่งมในค่าย…”
…
เสียงบ่นโอดครวญของเหล่าศิษย์ที่กลับออกมาอย่างผิดหวังดังระงมไปทั่ว ทำให้เหล่าศิษย์ที่เสียดายเพราะเข้าไปไม่ทันก่อนหน้า ไม่รู้สึกขาดทุนอะไรอีกต่อไป
ให้มาเร็วกว่านี้แล้วยังไง ในเมื่อเข้าไปก็ไม่ได้เห็นอะไรดีๆ?
เรียกว่าพวกมันที่มาไม่ทันกลับเป็นเรื่องดี เพราะไม่ต้องลำบากอะไรมากมาย และไม่มีอะไรให้เสียดายอีกต่อไป
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
…
เหล่าศิษย์คฤหาสน์หั่วหลียังบ่นกันไม่เลิก ตำหนักเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่ง ก็ปรากฏร่างศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีถูกส่งออกมาในเวลาติดๆกันทั้งสิ้น 7 คน!
สภาพของทั้ง 7 แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก 1 ในนั้นยังเลือดท่วมกลับมาด้วย!
“บัดซบ! ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ใช่ว่ามันดักหน้าค่ายของพวกเราอยู่รึไง ไฉนอยู่ๆมันไปโผล่ตรงนั้นได้เล่า?!”
“พวกเจ้ายังดี ข้าสิไม่ทันรู้เรื่องอะไรก็เกือบตายแล้ว…ดีนะที่มันเมตตายั้งมือเอาไว้ หาไม่แล้วเกรงว่าข้าตายยังไงก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ!!”
“หรือมันกังวลว่าพวกเรากำลังรวมกลุ่มกันไปจัดการมัน เช่นนั้นเลยเลือกจะหนีออกมาก่อน?”
…
7 ร่างที่พึ่งออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ก็เป็นศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแต่แรก
พวกมันกำลังเหินร่างในวงรัศมีห่างคฤหาสน์หั่วหลี 20 ลี้เพื่อตามหาคนอื่นๆ จะได้รวมกลุ่มไปจัดการต้วนหลิงเทียนที่ค่าย
อย่างไรก็ตาม พวกมันคิดไม่ถึงเลยจริๆ
ว่าพวกมัน 7 คนพึ่งจะรวมตัวกันได้ไม่นาน และกำลังจะไปหาคนอื่นเพิ่ม อยู่ๆก็มีร่างวูบมาปรากฏเบื้องหน้าพวกมันปานภูตผี และการลงมือเปิดตัวของอีกฝ่ายก็แทบจะพรากหนึ่งชีวิตของคนในกลุ่มไป!
เมื่อตระหนักได้ถึงพลังฝีมืออันร้ายกาจ และเห็นการลงมือดุร้ายไร้ร่องรอยกับตา ทั้งตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นใคร พวกมันก็เร่งบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนทิ้งทันที หลบหนีออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาตามๆกัน
พวกมันรู้ตัวดีว่าพลังฝีมือพวกมันอยู่ในระดับไหน ยังรู้อีกว่าต่อให้พววกมัน 7 คนร่วมมือกันให้ตายก็ไม่มีทางสู้ต้วนหลิงเทียนได้เลย!
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ได้เผยความเมตตาโดยละเว้นสหายของพวกมันที่ตกเป็นเป้าแล้ว หากพวกมันไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ลงมือต่อต้านอีกฝ่ายขึ้นมา ใครจะรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่บันดาลโทสะเข่นฆ่าพวกมันทั้งหมด?
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย พวกมันรู้ดีว่าต้องเลือกหนทางไหน เช่นนั้นจึงบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนทิ้งอย่างไม่ลังเล ออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอย่างมีสติ
“เจ้า…พวกเจ้าว่าอะไรนะ นี่พวกเจ้าเจอกับต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ!?”
“พวกเจ้าจะไม่ซวยเกินไปหน่อยรึไง…ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะหนีไปไม่ทันไร พวกเจ้าดันไปเจอมันระหว่างทางโดยบังเอิญซะได้…”
…
เมื่อทราบว่าทั้ง 7 คนที่พึ่งปรากฏตัวถูกต้วนหลิงเทียนกำจัดออกมา ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีหลายคนที่ยืนอยู่แถวๆค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว ก็รู้สึกหมดคำจะพูด ต่างรู้สึกว่าทั้ง 7 ช่างซวยเหลือเกิน…
จังหวะนี้ทุกคนไม่เว้นทั้ง 7 คนที่พึ่งถูกบีบให้หนีออกมา ไม่มีใครทันคิดเลย…
ว่าต้วนหลิงเทียนไมได้พบเจอพวกมันโดยบังเอิญ
“โอย! พวกเจ้าดูคะแนนสะสมต้วนหลิงเทียนเร็ว…มันมี 70 แต้มแล้ว! แถมยังขึ้นไปอยู่อันดับที่ 16!!”
“70 แต้ม อันดับที่ 16…12 คะแนนที่พึ่งได้มา เป็นเพราะ 7 คนนั่นหรือ?”
“ต้วนหลิงเทียนคนนี้มันมากับดวงหรือไร กระทั่งตอนหนีไปจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา ระหว่างทางยังบังเอิญเจอศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีเราอีก…”
“ว่าแต่…ไฉนทั้ง 7 นั่นถึงมาอยู่ด้วยกันได้เล่า?”
“สมควรเป็นศิษย์มากฝีมือของคฤหาสน์หั่วหลีเรา…และไม่พ้นกำลังจะไปสมทบกับคนอื่นเพื่อจัดการต้วนหลิงเทียนแน่”
“สมทบ? 7 คนนั่น…คงไม่มีใครบอกอะไรต้วนหลิงเทียนหรอกนะ?”
“คงไม่หรอก…หากมีใครพูดไป เช่นนั้นคนอื่นไม่ถูกลากลงน้ำด้วยรึไง? หากต้วนหลิงเทียนได้ข้อมูลดังกล่าวไป แล้วใครจะหยุดมันได้เล่า?”
“ข้าก็ว่างั้นล่ะ…หากไม่มีศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อที่รวมผู้คนได้ในระดับหนึ่ง…ข้าเกรงว่าคงล้อมปราบมันไม่ไหวหรอก”
…
เหล่าศิษย์แลอาวุโสของคฤหาสน์หั่วหลีพลันตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของงสถานการณ์ทันที
อย่างไรก็ตาม วาจาถัดมาของทั้ง 7 คนที่พึ่งถูกส่งออกมา ก็ทำให้พวกมันโล่งใจไปหลายส่วน
“ขอทุกท่านอย่าได้กังวล พวกเราไม่มีใครกล่าวเรื่องนี้ออกไปแน่นอน”
“ใช่! พวกเราย่อมรู้ผิดชอบชั่วดี…ต่อให้ตายก็ไม่มีทางขายศิษย์พี่คนอื่นแน่นอน!”
“ฟังจากที่พวกเจ้าว่า เช่นนั้นคงเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ต้วนหลิงเทียนนั่นมันอยู่ระหว่างหลบหนีไปจากค่ายคฤหาสน์หั่วหลีเรา แต่ดันไปเจอพวกเจ้าระหว่างทางเข้า…”
“คงได้แต่โทษว่าวันนี้พวกเราดวงซวยเกินไป…”
…
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจัดการทั้ง 7 ได้ คะแนนสะสมในป้ายหยกเขาก็เพิ่มขึ้นมามี 70 แต้มทันทีทำให้ อันดับในตารางจัดอันดับของเขา กระเตื้องขึ้นไปอยู่ที่ 16 ในพริบตา
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับคนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ไม่เว้นคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น้อย
“ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลีอยู่รึไร? แล้วแต้มมาจากไหน? หรือคนคฤหาสน์หั่วหลีเอาแต้มไปประเคนให้มันอีกแล้ว?”
“ยังไม่ชัดอีกหรือ…ข้าไม่ทราบจริงๆว่าคนคฤหาสน์หั่วหลีมันคิดบ้าอันใดอยู่! หากไม่มั่นใจว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้อยู่หมัด แล้วพวกมันจะส่งคนไปเพิ่มแต้มให้ต้วนหลิงเทียนทำอะไร?”
“นั่นสิ ดูจากตารางอันดับแล้ว ข้าบอกได้เลยว่าพวกที่ถูกต้วนหลิงเทียนจัดการไปเมื่อครู่ไม่มีใครติดอันดับสักคน…ดูเหมือนจักเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่มีพลังฝีมือกลางๆของคฤหาสน์หั่วหลีเท่านั้น”
…
หลังเห็นการเปลี่ยนแปลงในม่านแสงตารางอันดับ คนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย ก็คิดว่าคฤหาสน์หั่วหลีประมาทเกินไป จนเป็นการส่งมอบคะแนนสะสมให้ต้วนหลิงเทียนกินเปล่า…
แน่นอนว่ายังมีผู้ที่ได้รู้ความจริงหลังติดต่อไปถามสหายที่คฤหาสน์หั่วหลีเช่นกัน และพวกมันก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง
“ข้ามีข่าวใหม่มาบอก…เรื่องที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนไฉนมีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 70 เพราะมันไหวตัวทันว่าคฤหาสน์หั่วหลีกำลังจะรวมคนมาเล่นงานมัน ตัวมันจึงเร่งรุดหลบหนีไปจากหน้าค่าย แต่บังเอิญไปเจอศิษย์คฤหาสน์หั่วหลี 7 คนระหว่างทาง…”