วูบ!
หลังเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาสักพัก ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นร่าง 8 ร่างลอยอยู่ไกลตา
จากนั้นเมื่อร่างวูบหายไปอีกไม่กี่ครั้ง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาหยุดห่างจากร่างทั้ง 8 ไม่ไกล ขณะเดียวกันเขาก็กวาดตามองไปยังป้ายที่ห้อยแขวนบริเวณเอวคนทั้ง 8 ก่อนใดอื่น
‘พวกมันทุกคนเป็นศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีจริงๆ!’
นัยน์ตาต้วนหลิงเทียนฉายแสงจ้าขึ้นมาทันที
แน่นอนว่ายังมี 2 ชื่อบนป้ายที่ดึงดูดความสนใจเขาไม่น้อย
ถานหยวน โม่ผิงจื่อ!
นั่นเป็นชื่อของยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 2 คนที่โดดเด่นของคฤหาสน์หั่วหลี และกล่าวได้ว่าทั้งคู่คืออันดับ 1 และอันดับ 2 ของคฤหาสน์หั่วหลีก็ว่าได้
หว่านชิงชิงได้กล่าวรายละเอียดและพลังฝีมือของทั้งคู่ให้เขาฟังคร่าวๆแล้ว
ถานหยวนนั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง
ส่วนโม่ผิงจื่อเชี่ยวชาญกฏแห่งน้ำ
ความเร็วของโม่ผิงจื่อนั้นแทบจะพอๆกับเขา ส่วนถานหยวนนั้นสมควรเร็วกว่าเขา แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าเขามากมายอะไร
อาศัยความพิสดารของความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ ความเร็วที่ไม่ได้เหนือกว่าเขามากมายอะไรของถานหยยวน ก็ไม่อาจมีเปรียบอะไรเขาได้เลย
และในแง่ของการโจมตี โม่ผิงจื่อก็อ่อนด้อยกว่าถานหยวนมาก
‘ดูท่าแล้วพวกมันกำลังรอข้าอยู่สินะ…กระทั่งตั้งหน้าตั้งตารอคอยเสียด้วย!’
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับต้วนหลิงเทียนที่จะมองเห็นเรื่องนี้
และเขาก็เดาได้ไม่ยากว่าไฉนอีก 6 คนนั่นถึงได้รั้งอยู่ด้วยไม่รีบหนีไปไหน สมควรเป็นเพราะพวกมันมั่นใจในพลังฝีมือของถานหยวนกับโม่ผิงจื่อ!
“มาแล้ว!”
“เจ้านี่น่ะหรือต้วนหลิงเทียน!?”
“มันรึ…ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก ต้วนหลิงเทียน!”
…
พอเห็นร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างพิสดาร ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 8 คน ก็ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว และมองสำรวจต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
พวกมันสามารถยืนยันตัวตนของต้วนหลิงเทียนผ่านป้ายประจำตัวของเขาได้ทันที
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามาจริงๆ…”
ถานหยวนที่นั่งขัดสมาธิรอต้วนหลิงเทียนกลางอากาศ ลุกขึ้นยืนก่อนจะมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง สองตาฉายแววเย็นชา
ตอนนี้ให้มันอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เพราะมีพยานอยู่ที่นี่ถึง 7 คน และต่อให้มันมีโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียนจริงๆ มันก็ไม่กล้าอยู่ดี…
เพราะใครจะไปรู้ ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ใช่มีภูมิหลังอะไรหรือไม่?
ท้ายที่สุดแล้ว กระทั่งผู้อาวุโสระดับสูงยังย้ำนักย้ำหนาว่าต่อให้พบเจอต้วนหลิงเทียนและมีโอกาสฆ่าอีกฝ่าย พวกมันก็ต้องเมตตาละเว้นอีกฝ่าย
ก่อนที่จะขุดคุ้ยความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนได้พบ พวกมันไม่อาจเสี่ยงฆ่าต้วนหลิงเทียนได้
วูบ!
เมื่อถานหยวนลุกขึ้นมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง โม่ผิงจื่อก็ลุกขึ้นและมองจ้องต้วนหลิงเทียนเช่นกัน แววตามันยังเย็นชาเหลือเกิน
“ต้วนหลิงเทียน เจ้านับว่ามีสามารถนัก…ภายในเวลาแค่ไม่ถึงวัน เจ้ากลับกำจัดศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีของพวกเราไปได้ 40 กว่าคน!”
เดือนนี้ศิษย์คฤหาสน์หั่วหลีที่เข้ามาเพื่อต่อสู้ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจริงๆ มีทั้งสิ้น 200 กว่าคน
ทว่าตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนคนเดียวกลับกำจัดไปได้ถึง 40 คน ที่สำคัญอีกฝ่ายยังใช้เวลาไม่ถึงวัน!
กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้คฤหาสน์หั่วหลีพวกมันแล้ว เพราะคฤหาสน์หั่วหลีพวกมันไม่เคยประสบการสูญเสียอย่างน่าอนาถถึงขนาดนี้มาก่อนเลย!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
เมื่อถานหยวนกับโม่ผิงจื่อลอยร่างเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนที่เหลือของคฤหาสน์หั่วหลี ก็กระจายตัวออกไปปิดล้อมต้วนหลิงเทียนอยู่ห่างๆ แน่นอนว่าพวกมันทำไปพอเป็นพิธีเท่านั้น หากต้วนหลิงเทียนจะหนีไปไหนจริงๆ พวกมันก็ไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก…
แน่นอนว่าถึงพวกมันจะไม่กล้าทำอะไร แต่การมาปิดล้อมแบบนี้ก็สมควรสร้างความหวาดระแวงให้ต้วนหลิงเทียนได้บ้าง อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็ต้องพะว้าพะวัง ห่วงว่าพวกมันจะลอบโจมตีระหว่างที่รบติดพันกับถางหยวนและโม่ผิงจื่อ
แต่เป็นธรรมดาว่าต่อให้มีโอกาสดีแค่ไหน พวกมันก็ไม่ลงมือแน่นอน! ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญกฏแห่งมิติ แถใความลึกซึ้งเคลื่อนมิตินั่น ทำให้อีกฝ่ายวูบร่างมาถึงตัวพวกมันได้ง่ายๆ! หากอีกฝ่ายคิดลงมือเล่นงานพวกมันขึ้นมา เกรงว่าถานหยวนกับโม่ผิงจื่อก็ช่วยอะไรพวกมันไม่ได้แน่นอน!!
ลึกลงไปในใจของทั้ง 6 ตอนนี้ ยังเริ่มเสียใจอยู่บ้าง ที่ไฉนทำเป็นเก่งบอกอยากอยู่ช่วยแทนที่จะหนีไปก่อนหน้า เพราะการพูดกับมาเจอของจริงความรู้สึกมันช่างต่างกันลิบลับ!
“อ้อ…อีกไม่นานก็คงเกิน 50 แล้วล่ะ”
ได้ยินคำพูดของโม่ผิงจื่อต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มบางๆ ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างเขาก็เริ่มโคจรแล่นพล่านผ่านชีพจรสวรรค์ 99 สายดั่งน้ำหลาก ผสานธาตุมิติก่อเกิดเป็นเพลิงพลังสีเทาลุกโชนเร่าๆทั่วร่าง
ทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบร่างต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกระเพื่อมสั่นไหวสะท้าน จากนั้นก็เริ่มบิดเบือนปานแผ่นภาพถูกบิดม้วน
“เจ้า!”
สีหน้าโม่ผิงจื่อเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน เพราะคำพูดเมื่อครู่ ไม่ต่างอะไรกับบอกว่าจะจัดการพวกมันทั้ง 8 เลย!
เพราะมีแต่กำจัดพวกมันทั้ง 8 เท่านั้น ต้วนหลิงเทียนถึงจะพูดได้เต็มปากว่าสามารถจัดการคนคฤหาสน์หั่วหลีได้เกิน 50 คน! ขาดไปแม้แต่คนเดียวก็ไม่ได้!!
แต่ต้วนหลิงเทียนคนนี้ คิดว่าจะจัดการพวกมันทั้ง 8 ได้ง่ายๆ?
“โอหังนัก! เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถต่อกรกับศิษย์พี่ถานหยวนกับศิษย์พี่โม่ผิงจื่อที่ร่วมมือกันได้จริงๆ?”
“เด็กน้อยขนอุยอายุไม่ถึง 100 เช่นเจ้า มิพ้นต้องพบพานวาสนาปาฏิหาริย์มาถึงมีความสำเร็จเช่นนี้ได้! อย่างไรก็ตามให้เจ้าวาสนาดีเพียงใด แต่ต้องมาเจอศิษย์พี่ถานกับศิษย์พี่โม่ร่วมมือกัน เจ้าก็เสมือนถูกลิขิตให้พ่ายแพ้!!”
“ต้วนหลิงเทียน วันเวลาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ของเจ้า กำลังจะจบลงแล้ว”
“หากเจ้ายังรู้ว่าอะไรดีต่อตัว ก็เร่งทำลายป้ายหยกแล้วหลบหนีไปเสียประเสริฐกว่า…หากเจ้ารั้นจะประมือกับศิษย์พี่ถานกับศิษย์พี่โม่ ก็รังแต่จะหาเรื่องเจ็บตัวเปล่าๆ! มิสู้เก็บหน้าหล่อๆนั่นของเจ้ากลับไปเกี้ยวหญิงเถอะ!!”
…
ด้านศิษย์ฝ่ายในคฤหาสน์หั่วหลีทั้ง 6 พอได้ยินววาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน และตระหนักได้ถึงความหมายที่ต้วนหลิงเทียนจะสื่อ สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปเป็นห้าวหาญ ดั่งบังเกิดความกล้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน โพล่งคำเย้ยเยาะออกไปด้วยความมั่นใจในพลังฝีมือถานหยวนและโม่ผิงจื่อ ไร้ซึ่งความกลัวใดๆอีกต่อไป
“วาจาคุยโวโอ้อวดผู้ใดก็พูดได้…คิดจะจัดการพวกเรา นั่นก็ต้องดูว่าเจ้ามีพลังสามารถพอหรือไม่!”
ถานหยวนคลี่ยิ้มเย็นชา จากนั้นทั่วร่างของมันก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมาเจิดจ้า พริบตาคนก็คล้ายถูกสีทองทาฉาบไปทั่วร่าง เปล่งประกายราวกลับกลายเป็นมนุษย์ทองคำไปแล้ว!!
“ความลึกซึ้ง กายาทองคำ?”
เห็นการลงมือของของถานหยวนเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“หึ!”
โม่ผิงจื่อเองก็พ่นลมสบถเย็นๆคำหนึ่ง จากนั้นทั่วร่างของมันก็ปรากฏไอพลังสีฟ้าคละคลุ้ง และพริบตาคนก็คล้ายถูกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำใสๆ ราวกับมันอยู่ในก้อนน้ำ!
วูบ!
ร่างถานหยวนสั่นไหวคราหนึ่ง จากนั้นคนก็คล้ายกลับกลายเป็นประกายแสงสีทอง! พุ่งทะยานข้ามฟ้าจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนเร็วรี่!!
ขณะร่างห้อตะบึงข้ามฟ้ามา ในมือยังควบแน่นพลังแสงสีทอง ก่อเกิดเป็นดาบทองมีสภาพเล่มเขื่อง พุ่งออกมาด้วยสภาวะเจาะทะลวงปานกระสุน!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ดาบสีทองพุ่งทะลวงนำมาดั่งประกายแสงสีทอง ทิ้งเส้นสายสีทองพร่างพราวค้างไว้กลางหาว แลดูงดงามพิกล!
ครืน! ครืน!
ด้านโม่ผิงจื่อที่คนคล้ายถูกม่านน้ำปกคลุมก็ลงมือตามมาติดๆ ไอพลังหลั่งไหลออกมาทะลักทลายปานคลื่นสมุทร ก่อนที่คนในม่านน้ำจะห้อเหยียดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนพร้อมมวลน้ำ! แลไปคล้ายคนในฟองอากาศกำลังโต้คลื่น!!
ซู่มมม!!
พุ่งมาได้ไม่ทันไร มวลคลื่นเบื้องหลังก็แบ่งตัวฉีกออกซ้ายขวา ก่อนจะม้วนวนดั่งเกลียวสว่าน พุ่งทำลายไปทางต้วนหลิงเทียน ปานมังกรวารี 2 ตัวโจนทะยานโผล่พ้นลำน้ำ!
การลงมือของทั้ง 2 คน เรียกว่ามาถึงก็ไม่มีออมรั้งยั้งมือ และพริบตากระบวนท่าดุร้ายดังกล่าว ก็เจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนแล้ว!
วูบ!
อย่างไรก็ตามเมื่อกระบวนท่าทรงพลังของทั้งคู่ กำลังจะถล่มซัดร่างต้วนหลิงเทียน อยู่ๆคนก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าหน้าตาเฉย!
พอปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ไปหยุดอยู่ด้านหลังถานหยวนกับโม่ผิงจื่อเสียแล้ว!
เปรียะ!
ทันใดนั้นห้วงอากาศเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนพลันปริแตกแยกร้าว ก่อนจะปรากฏคมมีดมิติสีเทาหนึ่งจู่โจมทำลายออกมาจากด้านใน!
เห็นได้ชัดว่าหลังเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาปรากฏด้านหลังทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งผ่ามิติทันที!
“นี่มัน…ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!”
ด้านศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ของคฤหาสน์หั่วหลี พึ่งจะตระหนักได้ว่วาต้วนหลิงเทียนได้วูบร่างหลบกระบวนท่าเกรี้ยวกราดของศิษย์พี่ทั้ง 2 ไปโดยการใช้เคลื่อนมิติ!
ดีที่พวกมันเตรียมใจพบเจอต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนย้ายข้ามมิติมาแต่แรก พวกมันจึงสามารถดึงสติให้กลับมาได้ในเวลาอันสั้น ไม่แตกตื่นตกใจอะไรนานนัก
แต่กระนั้น นี่ก็นับเป็นครั้งแรกเลย ที่พวกมันเห็นใครใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ทำให้การที่อยู่ๆมาเห็นร่างต้วนหลิงเทียนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ก็เลยอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ครืน! ครืน! ครืน!
…
ไม่ว่าจะเป็นถานหยวนหรือโม่ผิงจื่อ เมื่อพบว่ากระบวนท่าที่ปลดปล่อยออกไปของตัวเองนั้นจั่วลมครั้งใหญ่ และตระหนักได้ชัดเจนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่เบื้องหน้าแล้ว พวกมันก็เร่งหันหลังกลับมาทันที
เป็นธรรมดาดาว่าถานหยวนหันกลับมาได้ก่อน เพราะไม่ว่าจะความเร็วหรือปฏิกิริยาตอบสนองมันล้วนเหนือกว่าโม่ผิงจื่ออย่างเห็นได้ชัด
และเมื่อมันหันหลังกลับมา มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนได้จู่โจมออกมาแล้ว!!
ที่สำคัญเพื่อการจบการต่อสู้ในเวลาอันสั้น ต้วนหลิงเทียนยังให้เพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับผสานพลังไปกับการโจมตีของเขา ทำให้คมมีดมิติที่ปรากฏออกมาไม่เพียงดูดกลืนพลังจากเขตแดนมิติบิดเบือน ยังปรากฏม่านพลังดั่งเพลิงสีทองปกคลุมไว้อีกชั้น
“นั่นมันอะไรกัน!?”
พอเห็นว่าคมมีดมิติพุ่งมาพร้อมมีเพลิงพลังสีทองฉาบเคลือบ ไม่ว่าจะเป็นถานหยวน โม่ผิงจื่อ รวมถึงศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนของคฤหาสน์หั่วหลี ก็ไม่อาจทราบได้ว่าต้วนหลิงเทียนผสานพลังอะไรลงไปในคมมีดมิติกันแน่!
อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่พวกมันยืนยันได้ชัดเจน!
เปลวเพลิงสีทองที่ห่อหุ้มปกคลุมคมมีดมิตินั่น ไม่ใช่พลังจากกฏมิติแน่นอน!!
แน่นอนว่าพวกมันไม่คิดว่านั่นจะเป็นพลังภายนอกไปได้ เพราะในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ ไม่อาจใช้พลังภายนอกใดๆได้เลย
ไม่ต้องกล่าวถึงโอสถอมตะ ยันต์อมตะด้วยซ้ำ กระทั่งอุปกรณ์อมตะใดๆก็ไม่อาจใช้งานได้!
ซัวว!!
คมมีดมิติดังกล่าวดั่งจะมีดวงตางอกเงยเพ่งเล็งร่างถานหยวนกับโม่ผิงจื่อเอาไว้เขม็ง พาลให้ทั้คู่รู้สึกเสมือนต่อให้คิดจะหลบ ก็ไม่อาจหลบหนีไปที่ใดได้!!
“ศิษย์น้องโม่ ลงมือเต็มกำลัง! ทำลายคมมีดมิติมันเสีย!!”
ถานหวนตอบสนอเร็วไว เร่งปะทุพลังชั่วชีวิตรวมรั้งออกกระบวนท่า พลางตะโกนสั่งโม่ผิงจื่อดังลั่น!
ด้านโม่ผิงจื่อที่เดิมทีอารามหวั่นหวาดหลังพบว่าคมมีดมิตินั่นเสมือนเพ็งเล็งกักร่างจนมันไร้หนทางหลบหนี มันจึงแลดูเอื่อยเฉื่อยทำอะไรไม่ถูก พอเสียงตะโกนดั่งลันของถานหยยวนสะท้านแก้วหูมัน คนก็ดึงสติกลับมาได้ทันที รูม่านตาควบแน่นในฉับพลัน
ราวกับกำลังรอคำนี้ของถานหยวนอยู่
ครืนนน!
ครืนนน!
…
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
โม่ผิงจื่อกับถานหยวนปะทุพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ คมดาบสีทองสว่างเจิดจ้าถูกควบสร้างขึ้นมหาศาล คลื่นน้ำมหึมาปานถล่มทลายมาจากห้วงสมุทคุ้มคลั่งก็เริ่มก่อเกิด จากนั้นก็ร้อยเรียงโถมถันเข้าใส่คมมิติสีเทาอันห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพลังสีทองอย่างเกรี้ยวกราด!!
เดิมทีทั้งคู่คิดว่าการผสานพลังจู่โจมทำลายเช่นนี้ ต้องทำลายกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนได้แน่นอน
แต่หลังจากนั้นไม่ทันไร พวกมันก็ตระหนักว่าพววกมันคิดง่ายเกินไป!
ซัว!!
คมมีดมิตินั้นสามารถผ่าทำลายคลื่นน้ำ ทั้งดาบสีทองมากมายที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างไร้เรื่องราว มองไปประหนึ่งมัจฉาเทวะเทาทองกำลังบุกฝ่าข่ายดาบทะเลคลั่งอย่างห้าวหาญ
และถึงแม้เพลิงพลังสีทองที่ปกคลุมคมมีดมิติจะสลายหายไป หากแต่คมมีดมิติสีเทากลับเปี่ยมล้นไปด้วยพลังสภาวะเข้มแข็ง!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า…
การผนึกกำลังจู่โจมของพวกมัน 2 คน ทำได้แต่สลายพลังดั่งเพลิงสีทองที่ปกคลุมไปทั่วคมมีดมิติเท่านั้น…ไม่ได้บั่นทอนพลังสภาวะใดๆของคมมีดมิติแม้เพียงเสี้ยวเศษ
หากว่าเป็นแค่ไม่อาจทำอะไรคมมีดมิติได้ก็แล้วไป แต่ซ้ำร้ายก็คือคมมีดมิตินั่นยังเข่นฆ่าเข้าหาพวกมันสืบต่อ! ความเร็วยังไวฟ้าผ่าราวระยะทางไม่มีอยู่จริง!!
วู้มมม!!
เมื่อเผชิญหน้ากับคมมีดมิติที่ทรงพลังน่ากลัว ถานหยวนตัดสินใจได้แทบจะทันที ทั่วร่างปะทุแสงพลังสีทองเจิดจ้า จากนั้นร่างคนก็พุ่งฉากออกไปด้านขวาปานลำแสงสีทอง หมายหลบหนี!!
ฉัวะ!!
อย่างไรก็ตามถานหยวนที่ฉากหลบมาดั่งลำแสงสีทองยังได้ยินเสียงบางสิ่งเฉือนผ่านเลือดเนื้อบริเวณจุดที่มันยืนอยู่ได้ชัดถนัดถนี่!
จากนั้นต้นแขนซ้ายของมันก็ร้อนลวกปานมีเพลิงไฟแผดเผา! มองไปจึงพบว่าต้นแขนปรากฏบาดแผลสยดสยองราวเนื้อถูกคว้านหายไปแถบหนึ่ง เลือดพุ่งทะลักออกมาปรี๊ดๆ จากนั้นก็แตกตัวซ่านกระเซ็น ดั่งบุปผาโลหิตเบ่งบานกลางอากาศ พอต้องสะท้อนแสงพลังสีทองจากร่าง ก็เปล่งประกายระยิบระยับแลดูงดงามพิกล…
ฉัวะ!!
เสียงเชือดเฉือนอีกหนึ่งเสียงพลันดังขึ้นติดๆ เป็นโม่ผิงจื่อที่ความเร็วรวมถึงปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้ากว่าถานหยวน พอความคิดหลบหนีพึ่งจะปรากฏ ก็ไม่ทันเสียแล้ว…
ตอนนี้กลางอกของมันปรากฏรอยขวางยืดยาวหนึ่ง โลหิจพุ่งทะลักออกมาปานเขื่อนแตก แลดูสยดสยองนัก!
อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย คมมีดมิติที่เดิมสมควรตัดผ่านร่างมันให้เป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย กลับอันตรธานหายไปปรากฏเบื้องหลังมันอย่างประหลาด! จากนั้นก็ตีวงโค้งพุ่งกลับไปปานเส้นสายอัสนี ก่อนจะไปม้วนวนรอบมือต้วนหลิงเทียน ปานเกลียวพลัง…
“ขอบคุณเจ้าที่เมตตาละเว้นข้า!”
โม่ผิงจื่อเร่งประสานมือกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าซีดเซียว มันยังหวาดกลัวไม่หายจริงๆ ตอนนี้เหงื่อกาฬทะลักออกมาพลั่กๆจนร่างมันเปียกซ่ก ยามสายลมพัดผ่าน ชวนให้บังเกิดเป็นความหนาวสะท้านจับใจนัก!
และมันมันรู้แก่ใจดี…
เมื่อครู่หากไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนเมตตาปราณี…ตอนนี้มันคงตกตายไปแล้ว!!