บทที่ 2101 ป้องกันอย่างไรก็ไม่หมด + ตอนที่ 2102 ความหวาดกลัวของอู่เจิ้งซือ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2101 ป้องกันอย่างไรก็ไม่หมด

อู่เยวี่ยเห็นประกาศของเหมยเหมยทางทีวีก็พลันรู้สึกกังวลว่าอู่เจิ้งซือจะรับมือได้หรือไม่

น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้จึงให้คำแนะนำอู่เจิ้งซือไม่ได้เลย หวังว่าโอหยางเซี่ยงหมิงจะสามารถทนต่อแรงกดดันและถ่วงเวลาไปได้อีกสักพัก และหวังว่าอู่เจิ้งซือจะไม่ยอมแพ้แล้วรีบถ่ายโอนทรัพย์สินของบริษัทโดยเร็วที่สุด

ส่วนจะฟ้องร้องชนะคดีหรือไม่ อู่เยวี่ยไม่สนใจเลยสักนิด

เธอแค่ต้องการเงิน ละครเรื่องซินเดอเรลล่าทำเงินได้มากมายแล้ว ขอเพียงแค่ยืนหยัดต่อได้อีกสักระยะหนึ่งจะต้องทำเงินได้มากขึ้นแน่นอน มีเงินพวกนี้เธอถึงจะมีทางหนีทีไล่เอาตัวรอดได้!

ฟ้องร้องคดีแพ้แล้วอย่างไรล่ะ?

ต่อให้ศาลพิพากษาให้บริษัทต้องชดเชยเงินให้กับจ้าวเหมย ขอเพียงแค่ทรัพย์สินของบริษัทถ่ายโอนเรียบร้อยเหลือเพียงความว่างเปล่า แล้วจะเอาอะไรไปชดเชยให้ได้ล่ะ?

ถึงแม้ว่าอู่เยวี่ยจะมีความคิดมากมายแต่ตอนนี้เธอออกไปไหนไม่ได้จึงหาทางติดต่ออู่เจิ้งซือไม่ได้เลย เธอไม่เชื่อมั่นในความสามารถของอู่เจิ้งซือเลยสักนิด ไม่ได้การล่ะ เธอต้องหาวิธีติดต่อกับโลกภายนอก

ณ เขตกองกำลังทหารทางตอนใต้ เหยียนหมิงต๋าเพิ่งเสร็จจากการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ในอีกสองเดือนทีมเสวี่ยอิงจะมีการคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถในกองทหารทั่วประเทศ เหยียนหมิงต๋าใฝ่ฝันที่จะเป็นสมาชิกของทีมเสวี่ยอิง ดังนั้นหลังจากเขากลับไปที่กองทัพ เขาก็เพิ่มจำนวนการฝึกฝนในทุกวันเป็นสองเท่าจนกลายเป็นคนบ้าการฝึกไปเลย

เขาจัดตารางจนแน่นทุกวัน นอกจากการนอนและการกินแล้ว เวลาที่เหลือก็คือการฝึกฝนจนไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่นเลย

“เหยียนหมิงต๋า มีจดหมายส่งมาหานาย!”

มีทหารคนหนึ่งถือจดหมายซองหนาอยู่ในมือแล้วยื่นส่งให้เหยียนหมิงต๋า มีคนแซวว่า “ตัวหนังสือดูน่ารักดีนะ คงไม่ใช่แฟนนายเขียนมาใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นต๋ายิ้มอย่างเขินอาย “ไร้สาระน่า ฉันจะเอาแฟนมาจากไหน น่าจะเป็นคุณย่าฉันเขียนมามากกว่า”

เขารับจดหมายมา แต่พอเห็นลายมือสวยงามที่คุ้นตาสีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก เขาคว้าจดหมายแล้วรีบวิ่งไปหาที่เงียบ ๆอ่านจดหมายฉบับนี้

ทหารที่ส่งจดหมายเห็นพฤติกรรมแปลก ๆของเขาก็พูดติดตลกว่า “แล้วบอกอีกว่าไม่ใช่แฟน แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงเขียนมา แล้วจะปิดซ่อนสายตาอันเฉียบคมของฉันไปได้อย่างไร?”

คนอื่น ๆก็พูดหยอกล้อติดตลกอยู่อีกหลายประโยค

เหยียนหมิงต๋ากำจดหมายและวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในป่าเล็ก ๆของกองทหาร ที่นี่เงียบสงบมาก เวลาที่เขาอารมณ์ไม่ดีก็จะมานั่งเล่นที่นี่สักพัก

ลายมือบนจดหมายฉบับนี้เป็นของเยวี่ยเยวี่ย!

เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน!

เยวี่ยเยวี่ยไม่ได้ตายไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้วเหรอ?

ทำไมถึงยังเขียนจดหมายถึงเขาได้อีกล่ะ?

เหยียนหมิงต๋าดูแสตมป์จ่าหน้าซองจดหมายก็เห็นว่าเป็นของไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง และมันถูกส่งมาจากเมืองหลวง เขาอดใจไม่ไหวรีบเปิดซองจดหมาย ด้านในมีเพียงกระดาษจดหมายแผ่นเดียวและเขียนเพียงประโยคเดียวว่า

“พี่หมิงต๋า ฉันคือเยวี่ยเยวี่ยนะ ฉันถูกกักบริเวณ รีบมาช่วยฉันหน่อยสิ ฉันกลัว…”

หลังประโยคนี้ยังมีการวาดรูปใบหน้าที่ร้องไห้อยู่หลายที่ บนกระดาษยังมีคราบน้ำตาอีกด้วย หัวใจของเหยียนหมิงต๋าบีบแน่นขึ้นมาทันที

หรือว่าสามปีก่อนเยวี่ยเยวี่ยไม่ได้ตายจริง แต่โดนคนจับไปขังไว้?

ลายมือพวกนี้เป็นของเยวี่ยเยวี่ยจริงแท้แน่นอนเพราะเขาคุ้นเคยกับตัวหนังสือของเยวี่ยเยวี่ยมาก ตัวอย่างเช่นตอนเขียนชื่อของเขาจะตั้งใจเขียนคำว่าหมิงต๋าเชื่อมติดกัน และเขียนคำว่าต๋าตวัดลากยาวโค้งสวยงาม

นี่คือลายเซ็นที่เยวี่ยเยวี่ยออกแบบให้เขาเป็นพิเศษ ทั้งยังบอกให้วันหลังเขาเซ็นชื่อแบบนี้ เพียงแต่ที่เขาเขียนมันไม่สวยเท่าของเยวี่ยเยวี่ย

พอเหยียนหมิงต๋านึกถึงอดีตอันแสนหวานก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ในไม่ช้าหัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงอีกครั้ง สีหน้ากลัดกลุ้ม

ไม่ได้การล่ะ เขาต้องรีบไปเมืองหลวงเพื่อช่วยเยวี่เยวี่ย!

เขาต้องรู้ให้ได้ว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทำไมเมื่อสามปีก่อนพี่ใหญ่ถึงต้องโกหกเขาว่าเยวี่ยเยวี่ยตายไปแล้วด้วย

…………………………………………..

ตอนที่ 2102 ความหวาดกลัวของอู่เจิ้งซือ

เหมยเหมยยื่นฟ้องบริษัทหวนอวี่ต่อศาลในช่วงกลางเดือนสิงหาคม อู่เจิ้งซือผู้เป็นนิติบุคคลของบริษัทหวนอวี่มาถึงเมืองหลวงก่อนกำหนด ในสามปีที่ผ่านมาอู่เจิ้งซือไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก

ยังคงสง่างามเหมือนเมื่อสามปีก่อน แต่ว่าที่จอนผมสองข้างมีหงอกขึ้นประปราย

หลังจากที่เขาทะเลาะใหญ่โตกับเหมยซูหานเมื่อสามปีก่อนและออกจากบริษัทหัวหยู่อย่างโกรธแค้น ตอนเดินจากมาอู่เจิ้งซือเต็มไปด้วยความทระนง เขารู้สึกว่าด้วยพรสวรรค์และเส้นสายของเขาต่อให้ต้องเริ่มก่อตั้งบริษัทอย่างหัวหยู่ก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย!

อู่เจิ้งซือเอาเงินทั้งหมดที่เขาหาได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาลงทุนกับบริษัทใหม่ เตรียมตัวตั้งรับด้วยจิตใจอันฮึกเหิม แต่ความเป็นจริงกลับตบหน้าเขาอย่างรุนแรง

เขานึกว่าตนมีเส้นสายที่ดี แต่นั้นคือตอนที่เขาเป็นผู้จัดการของบริษัทหัวหยู่ พอเขาเลิกเป็นผู้จัดการของบริษัทหัวหยู่ ลูกค้าที่มักเรียกเขาว่าเพื่อนรัก อย่างดีที่สุดพวกเขาก็แค่พยักหน้าให้หรือมองผ่านไปแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเลย

อู่เจิ้งซืออยากจะสร้างละครทีวี ในเมื่อมีสคริปต์บทละครแล้ว การหานักแสดงและผู้กำกับก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขาไม่เจอนักลงทุนเลย เงินเขาแค่นั้นถ้าใช้แค่กินดื่มก็อยู่ได้สบาย ๆแต่หากใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจอาจจะน้อยไปหน่อย ไม่พอใช้เลยด้วยซ้ำ

ต่อมากว่าจะเจอนักลงทุนก็ยากลำบากพอสมควร ถ่ายทำละครทีวีต้นทุนต่ำอย่างค่อนข้างสะดุดกระท่อนกระแท่น แต่วิสัยทัศน์ของเขาแย่เกินไป ละครที่ผลิตออกมาไม่มีสถานีโทรทัศน์ใดยินดีที่จะซื้อเลย

ไม่มีใครซื้อก็หมายถึงการสูญเงินเปล่า นักลงทุนโกรธมากจนอยากจะฆ่าอู่เจิ้งซือทิ้ง แต่หลังจากนั้นก็ให้เขาไปถ่ายละครรักโรแมนติกสำหรับครอบครัว แต่วิสัยทัศน์ของเขาก็ยังไม่ได้เรื่อง พล็อตเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อไม่มีอะไรใหม่ ๆ ทำให้ไม่สามารถเชิญดาราดังมาร่วมงานได้ ละครทั้งเรื่องไม่มีจุดเด่นอะไรเลยแต่กลับมีสถานีโทรทัศน์ซื้อมัน ทว่าเรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนน่าตกใจ

สถานีโทรทัศน์โกรธมากจนอยากจะด่าบุพการีของเขา ทำให้บริษัทของอู่เจิ้งซืออยู่ในบัญชีดำถาวร!

ยืนหยัดได้แค่สองปีในที่สุดบริษัทของอู่เจิ้งซือก็ไปไม่รอดประกาศล้มละลายอย่างสมศักดิ์ศรี และเขายังขายบ้านพักของเขาเพื่อชำระหนี้ที่บริษัทติดค้างไว้ สุดท้ายเขาก็กลับมายากจนอีกครั้ง

ตอนที่อู่เยวี่ยปรากฏตัวต่อหน้าอู่เจิ้งซือด้วยสถานะของโอหยางซานซาน เขากำลังทำงานอยู่ที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งซึ่งฝืนทำเพื่อเลี้ยงปากท้องไปวัน ๆ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของโอหยางซานซาน แต่สำหรับคนจนตรอกอย่างอู่เจิ้งซือไม่ว่าจะเป็นจริงหรือเท็จ เขาต้องกอดขาของโอหยางซานซานไว้ให้แน่น ๆก่อนอยู่แล้ว!

เขาต้องการกลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกครั้ง!

อู่เจิ้งซือคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จในครั้งนี้อย่างแน่นอน เขามองบ้านพักที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในเมืองจินแล้วด้วยซ้ำ ขอแค่เงินส่วนแบ่งมาอยู่ในมือ เขาก็จะทำการซื้อบ้านใหม่ทันทีและลืมตาอ้าปากใหม่ได้อีกครั้ง!

แต่ไม่ทันไรเขาก็โดนจ้าวเหมยฟ้องเสียแล้ว!

เขาไร้ซึ่งความมั่นใจ เขาไม่อยากจะกลับไปทรมานแล้วจริง ๆ!

เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวก่อนขึ้นศาลอู่เจิ้งซือรู้สึกกระวนกระวายใจจึงแวะร้านกาแฟใกล้โรงแรม เขาอยากจะดื่มกาแฟเย็น ๆสักแก้วให้ใจสงบลง

พอเขาได้รับหมายเรียกจากศาลก็อยากติดต่อโอหยางซานซานทันที อยากจะถามเธอว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี แต่ส่งเพจหาโอหยางซานซานเท่าไรเธอก็ไม่โทรกลับมาสักที อู่เจิ่งซือจึงตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิม

เขากลัวว่าโอหยางซานซานจะหนีและปล่อยให้เขาเป็นแพะรับบาปคนเดียว!

เขาไม่อยากไปอยู่ในห้องขังอีกหรอกนะ!

อู่เจิ้งซือกำลังดื่มชาด้วยท่าทีเหม่อลอย แต่อยู่ดี ๆก็โดนใครบางคนชนเข้า อู่เจิ้งซือเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นเขาก็รีบร้อนจากไปแล้ว ทว่ามองจากเงาแผ่นหลังของเขาน่าจะเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่

บนโต๊ะกลับมีกระดาษโน้ตเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแผ่น

“ไปพบทนายสวีที่ล็อบบี้โรงแรม เขาจะสอนคุณว่าต้องทำอย่างไร!”

ชื่อที่เขียนทิ้งไว้คือโอหยางซานซาน

อู่เจิ้งซือมีความมั่นใจขึ้นมาในทันที ดื่มชาในถ้วยจนหมดแล้วไปที่ล็อบบี้ของโรงแรมอย่างดีใจ

…………………………………………..