“นี่ก็คือความรู้สึกของการควบคุมเทียนเต้าหรือ?” หลัวซิวเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขานึกถึงสายจ่างเทียนเต้าขึ้นมา ควบคุมเทียนเต้า ก็เท่ากับได้ควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดาราจักรวาล

ที่ต่างกันก็คือ ที่หลัวซิวควบคุมนั้นเป็นเทียนเต้าห้วงดาราที่แปรเปลี่ยนมาจากร่างกายของตัวเอง ส่วนสิ่งที่สายจ่างเทียนเต้าในสมัยโบราณต้องการควบคุมนั้นเป็นเทียนเต้าทั้งหมดในจักรวาล

“เป็นพลังแห่งกฎที่เข้มข้นมากจริง ๆ!”

ในตอนนี้เอง เงาร่างสายหนึ่งได้เดินเข้ามาในห้อง สัมผัสได้ถึงกฎอันไร้ที่สิ้นสุดที่แผ่ซ่านอยู่ที่แห่งนี้

นี่เป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง เป็นศิษย์ตระกูลจ้าวที่หลัวซิวได้พบในตอนแรกนั่นเอง

ตอนที่หลัวซิวได้ใช้ลูกแก้วความเป็นตายเข้ามาค่ายต้องห้ามได้มีประตูเปิดอยู่แห่งหนึ่ง ประตูใหญ่ของห้องได้เปิดออก คนผู้นี้ถึงได้เข้ามาได้

วินาทีที่เขาเดินเข้ามาในห้องนั่นเอง สายตาของเขาก็ได้สังเกตเห็นห้วงดาราที่แผ่ขยายอยู่ท่ามกลางทะเลกฎ

“แปรเปลี่ยนร่างกายให้เป็นห้วงดารา ช่างมีความทะเยอทะยานยิ่งนัก!” สายตาของชายหนุ่มตระกูลจ้าวเป็นเหมือนดั่งกระแสไฟ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ดาวดวงหลักที่แปรเปลี่ยนมาจากช่องจิตของหลัวซิว ที่อยูใจกลางของห้วงดารา

วินาทีที่ถูกสายตาของชายหนุ่มตระกูลจ้าวจับจ้องมานั้น หลัวซิวรู้สึกเหมือนสัมผัสได้ถึงกระแสจิตอันแหลมคมราวกับหอกเทพ ทิ่มแทงเข้าใส่ดวงจิตของตนเอง

ชายหนุ่มตระกูลเจ้าผู้นี้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขามีผลฝึกตนในแดนราชาเทพ แม้ว่าจะมีกฎเกณฑ์ในตำหนักวัฏสงสารกดลงมาเหลือเพียงเทพมาร แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ

“ไสหัวไป!”

หลัวซิวส่งเสียงออกมาด้วยห้วงความคิด ส่งเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ของชายหนุ่มตระกูลจ้าวโดยตรง สำหรับกระแสจิตเหมือนดั่งหอกเทพที่ทิ่มแทงเข้ามาในดวงจิต ภายใต้การโจมตีของห้วงความคิดของเขา ได้พังทลายลายลงไปภายในพริบตา

คำว่าไสหัวไป เป็นเหมือนดั่งค้อนอันหนึ่ง ทุบตีเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของชายหนุ่มตระกูลจ้าว ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปสองก้าว

“ในโลกะอัมพรเทวไม่เคยมีผู้ใดกล้าปฏิบัติเช่นนี้กับข้ามาก่อน ใจช่างกล้ายิ่งนัก!”

ชายหนุ่มตระกูลจ้าวสีหน้าเย็นชา ยื่นมือออกไปคว้า หอกเทพที่มีสีเขียวไปทั้งเล่มได้ปรากฏขึ้นมาในมือ ปลดปล่อยกระแสพลังอันแรงกล้าจนถึงขีดสุดออกมา เป็นราชาแห่งศัสตราวุธระดับสูงสุด

เขาไม่ได้ลงมือ แต่ได้จ้องเขม็งไปที่ห้วงดาราที่แปรเปลี่ยนมาจากร่างหลัวซิว เหมือนกับหวาดเกรงอะไรบางอย่าง

“ไสหัวไป มิเช่นนั้นตาย!”

หลัวซิวส่งเสียงผ่านห้วงความคิดออกมาอีกครั้ง ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวได้กลายเป็นแรงกดดัน กลายเป็นกลายเป็นใบหน้า จ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มตระกูลจ้าว

“สร้างสถานการณ์เพื่อขู่ขวัญ ดูแล้วเจ้าน่าจะฝึกฝนวรยุทธ์ลึกลับอะไรบางอย่าง มิเช่นนั้นเจ้าคงลงมือกับข้าไปนานแล้ว”

ชายหนุ่มตระกูลจ้าวดวงตาเป็นประกายขึ้นมา หอกเทพที่อยู่ในมือพลันกลายเป็นลำแสงสีขาวสายหนึ่ง และพุ่งแทงเข้ามาในทันที

“รนหาที่ตาย!”

ไอสังหารของหลัวซิวแผ่ซ่านไปทั่ว ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการฝึกตนจริง ๆ ดวงดาวของจุดลมปราณที่สิบแปดของร่างใกล้จะควบแน่นสำเร็จอยู่แล้ว

“ครืนนนน……”

ภายใต้การขับไล่ของห้วงความคิดของเขา ดวงดาวสีทองทั้งสิบแปดต่างได้ลอยขึ้นมา อานุภาพของดวงดาวแต่ละดวงนั้นเหมือนดั่งอัญเทพฟ้า ดวงดาวสิบแปดดวงรวมเข้าด้วยกัน จัดตามกฎการจัดลำดับการรวมตัวของค่ายกล กลายเป็นคายกลป้องกัน

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ห้วงดาราที่หลัวซิวแปรเปลี่ยนสั่นสะท้าน หอกที่ชายหนุ่มตระกูลจ้าวผู้นั้นได้แทงออกมา ถูกดวงดาวสีทองทั้งสิบแปดดวงรวมกันขัดขวางเอาไว้

ชายหนุ่มตระกูลจ้าวมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา รัศมีพลังที่อยู่โดยรอบได้เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ชี่เขียวได้ลอยออกมาจากร่างกายของเขา วนล้อมรอบอยู่บนศีรษะ

“ดูท่าจะเป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ ตอนนี้เจ้าไม่อาจลงมือได้ หากเพียงแค่ป้องกัน จะสามารถทนรับการโจมตีของข้าได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มตระกูลจ้าวหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ “ทั่วทั้งโลกะอัมพรเทวต่างก็รู้ว่าชี่รบของตระกูลจ้าวของข้านั้นทรงอานุภาพ เป็นพลังอมตะโจมตีที่เป็นหนึ่งในปฐพี เจ้ากล้าทำการป้องกันต่อหน้าของข้า เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!”

“ชี่รบมังกรเขียว!”

ชายหนุ่มตระกูลจ้าวตะโกนออกมา ชี่เขียวที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาพลันเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นมังกรเขียวตัวหนึ่ง รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับหอกเทพที่อยู่ในมือของเขา

ฮึ่ม!

เสียงร้องคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังก้องไปทั่ว หอกนี้ของชายหนุ่มตระกูลจ้าวเกือบจะเทียบได้กับการโจมตีของราชาเทพ ทำให้ดวงดาวสีทองทั้งสิบแปดดวงของหลัวซิวสั่นสะท้าน เกิดเป็นรอยแตกร้าวขึ้นมา!