บทที่ 1199 นี่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ปัญหาการวางไข่ของปลาไส้ตันฟลอริดาได้เอาเวลาส่วนใหญ่ของฉินสือโอวไป เขาคอยเฝ้าควบคุมตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ตำแหน่งปากทางเข้าสู่ทะเลก็มีงูเหลือมทะเลควบคุมไว้ เพราะมีปลากะพงญี่ปุ่นและปลาแซลมอนว่ายตามกระแสน้ำเข้ามา ดังนั้นเขาจึงเตรียมการปกป้องไว้

หลังจากที่เป็นพ่อมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ มีสาเหตุที่ทำให้ปลาชนิดนี้ขาดแคลน ซึ่งครั้งนี้ไม่สามารถตำหนิมนุษย์ที่เข้ามาตกปลาได้ เพราะความสามารถในการมีชีวิตรอดของพวกมันแย่มาก!

ถ้าแค่พูดถึงความสามารถในการอยู่รอด จริงๆ แล้วปลาคาพีลินแย่ยิ่งกว่า แต่ถึงอย่างไรปลาไส้ตันฟลอริดาก็สามารถเติบโตได้ถึงสามสิบเซนติเมตร ถือว่าเป็นปลาขนาดใหญ่ในแม่น้ำจืด ปลาไส้ตันฟลอริดาสามารถเติบโตได้มากขึ้นอีกสิบเซนติเมตร

แต่ความสามารถในการสืบพันธุ์ของปลาคาพีลินนั้นทรงพลังมาก ปลาตัวเมียหนึ่งตัวสามารถสืบพันธุ์ไข่ปลาได้ครั้งละหลายล้านฟอง นอกจากนี้แม้ว่ากำลังต่อสู้ของพวกมันจะไม่ดี แต่ความสามารถในการเคลื่อนไหวกลับค่อนข้างดีมากจนสามารถหนีเอาชีวิตรอดออกจากปากของวาฬได้อีกด้วย

นิสัยของปลาไส้ตันฟลอริดาเชื่องมาก สังเกตได้จากพฤติกรรมของปลาตัวเมียที่วางไข่และปลาตัวผู้ก็เคลื่อนไหวให้อาหารอยู่รอบๆ นอกจากนี้ความสามารถในการสืบพันธุ์ของพวกมันยังไม่แข็งแรงพอ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ถูกกำหนดให้เป็นส่วนล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่น่าล่ะจำนวนของมันถึงไม่เพิ่มขึ้นเลย

เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม อากาศค่อนข้างร้อน ฉินสือโอวจึงตั้งร่มกันแดดบนชายหาด ปูเสื่อปิกนิกและนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในร่ม ข้างๆ ก็มีเสี่ยวเถียนกวาอยู่ วินนี่ก็กำลังเตรียมตัวสู้รบกับการเลือกตั้งเมืองและเขาก็ต้องทำหน้าที่ดูแลลูกสาว

เมื่อเสี่ยวเถียนกวามีพลังงานเต็มอิ่ม เธอจึงนั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ หลังจากเล่นไปสักพัก เธอก็รีบลุกขึ้นและคลานไปทั่วชายหาดอย่างรวดเร็ว

ฉินสือโอวผิวปากเรียกหู่จือและเป้าจือให้ตามเสี่ยวเถียนกวาไปและหยอกล้อเธออย่างเซื่องซึม เมื่อเธอเข้าใกล้น้ำทะเล พวกมันจึงจะคาบเธอกลับมา

เสี่ยวเถียนกวาค้นพบวิธีการเล่นแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เป้าจือใช้อุ้งเท้าขุดหลุมและขุดเจอปูก้ามดาบสองตัวออกมา หลังจากที่ปูก้ามดาบตัวเล็กโผล่หัวออกมา มันก็ยกก้ามใหญ่ตั้งขึ้นเหมือนโล่ป้องกันขึ้นและจ้องมองไปที่หู่จือและเป้าจือสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ทั้งสองตัวอย่างกับไม้ขีดไฟพร้อมกับคุ้มกันตัวเองอย่างแน่นหนา

เสี่ยวเถียนกวาไม่เคยเห็นปูก้ามดาบมาก่อน แต่หลังจากที่เธอได้เห็นในตอนนี้แล้ว เธอรู้สึกสงสัยมาก ปูก้ามดาบทั้งสองตัวนั้นวิ่งหนีไป เธอจึงนั่งลงและขุดทรายหาพวกมันเอง

แหล่งทรัพยากรปูก้ามดาบในฟาร์มปลามีความอุดมสมบูรณ์มาก เสี่ยวเถียนกวาจึงสามารถขุดได้ตามใจชอบ จากนั้นก็ขุดเจอหลุมของปูก้ามดาบ

หลังจากขุดปูก้ามดาบออกมาเธอจึงหัวเราะคิกคักพร้อมกับยื่นมือไปจับ แต่ปูก้ามดาบตัวน้อยโกรธมาก ดังนั้นผลที่ตามมาจึงร้ายแรงมาก ซึ่งก็คือเธอโดนก้ามปูหนีบ มือเล็กๆ อันบอบบางของเสี่ยวเถียนกวามีเลือดออกมาทันที จากนั้นเธอจึงเปิดปากส่งเสียงร้องไห้ โอ๊ย เจ็บ!

ฉินสือโอวตกใจเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวร้องไห้ เขาจึงลุกขึ้นไปดูและเห็นว่ามือของลูกสาวเต็มไปด้วยเลือด!

“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น?” ฉินสือโอวเข้าไปกอดเสี่ยวเถียนกวาและรีบหาอะไรบางอย่างมาห้ามเลือดของลูกสาว แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ จึงทำได้เพียงแค่เอาเสื้อผ้ามาปิดแผลที่มือของเธอ

หู่จือที่คาบอาชกรตัวร้ายไว้อยู่ในปาก ก็โยนมันไปไว้ต่อหน้าฉินสือโอว จากนั้นก็ร้องคำรามด้วยความโกรธ เป้าจือก็ร้องคำรามตามเช่นกัน พร้อมกับทำท่าทางเกลียดชัง

เจ้าเด็กน้อยทั้งสองตัววางแผนได้อย่างชัดเจน ฉินสือโอวให้พวกมันมาดูแลลูก แต่ลูกกลับประสบอุบัติเหตุและพวกมันจะต้องความรับผิดชอบ

ฉินสือโอวจ้องไปที่เจ้าเด็กน้อยทั้งสองตัวและอุ้มลูกสาววิ่งกลับไปที่บ้าน วินนี่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เธอได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวดังมาจากไกลๆ เธอมองไปที่มือเล็กๆ ของลูกสาวที่เต็มไปด้วยเลือดและพูดด้วยความกังวลในทันทีว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ความรับผิดชอบกลับสลับกัน ตอนนี้ความรับผิดชอบตกมาอยู่ที่ฉินสือโอว เขารู้ว่าต่อจากนี้จะต้องเป็นพายุที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน จึงพูดพร้อมขมวดคิ้วว่า “ไม่มีอะไร ลูกสาวเราไปขุดหลุมแล้วเจอปู ก็เลยถูกมันหนีบนิ้วเข้า”

พ่อฉินและแม่ฉินก็ออกมาดูเช่นกัน ทั้งสองคนตกใจยิ่งกว่าและร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฉินสือโอว แกดูแลลูกอย่างไร?”

วินนี่หายาฆ่าเชื้อของเด็กมาทำแผลให้เสี่ยวเถียนกวา จากนั้นก็ใช้ผ้าก๊อซพันไว้ พ่อฉินจึงถามว่า “ไปเช็กที่โรงพยาบาลหน่อยไหม? ถึงอย่างไรโรงพยาบาลก็อยู่ใกล้ๆ กับตัวเมือง”

วินนี่ยิ้มอย่างฝืนใจแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ ในขณะที่หัดคลาน เด็กๆ มักจะประสบอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เสมอ ไม่เป็นไรนะคะ หลังจากฆ่าเชื้อโรคแล้วจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอนค่ะ”

ฉินสือโอวรีบแสดงความรับผิดชอบของตัวเองอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่ไปก็ให้โอดอมมาตรวจดูอีกสักหน่อยไหมล่ะ? ถ้าไม่ไปก็ให้ฆ่าเชื้ออีกครั้ง”

วินนี่แสดงท่าทางความเป็นลูกสะใภ้ออกมาได้อย่างชัดเจน เมื่อปฏิบัติต่อพ่อฉินและแม่ฉิน แต่จะต่างออกไปเมื่อเธอปฏิบัติกับฉินสือโอว เธอกัดฟันและพูดออกมาทีละคำว่า “ไม่จำเป็นแล้ว!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้อง” ฉินสือโอวยักไหล่ใส่

เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงตัวน้อยได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอคลาน สิ่งของทุกอย่างที่บ้านได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ อย่างมากก็แค่ล้มแต่ไม่เจ็บมาก แต่ครั้งนี้คงจะเจ็บมากจริงๆ เธอถึงกับมุดเข้าไปร้องไห้ในอ้อมแขนของวินนี่ไม่หยุด

พ่อฉินและแม่ฉินเข้าไปหยอกเธอ วินนี่จึงพูดว่า “ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะพ่อแม่ เสี่ยวเถียนกวาให้ฉันจัดการ พวกคุณไปตำหนิฉินสือโอวเถอะ ต้องให้เขาเพิ่มความจำ เขาไม่ได้ตั้งใจดูแลลูกเลยสักนิด!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวก็กระวนกระวายใจทันที ให้ตายเถอะ ไม่ใช่ว่าบอกไว้แล้วเหรอว่าต้องจะเป็นเทวดาของทั้งคู่? ภรรยาสุดที่รักทำไมถึงพูดแบบนี้?

แม่ฉินลากฉินสือโอวมาแล้วเริ่มตำหนิ พ่อฉินก็โบกมืออย่างหงุดหงิดและพูดว่า “ต่อไปนี้จะไม่ให้แกดูแลหลานอีก พวกเราให้แกดูแลลูก นี่แค่ลูกเพิ่งจะคลานได้ยังเกิดเรื่องขนาดนี้ ต่อไปถ้าเดินได้แล้วให้แกดูแล จะไม่ทำลูกหายเลยเหรอไง?”

“เป็นไปไม่ได้ มีหู่จือเป้าจือคอยเฝ้าดูอยู่ จะหายได้อย่างไร?” ฉินสือโอวแก้ตัว

“นี่แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? คราวนี้โยนลูกให้สุนัขอีกแล้วใช่ไหม?” แม่ฉินถาม

หู่จือและเป้าจือนั่งลงอย่างเชื่อฟังด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก

โชคดีที่เวลานี้มีเสียงเครื่องรับส่งวิทยุดังขึ้น ทริกเกอร์พูดว่า “บอส มีคนมาหาคุณ มาจากบริษัททรีเอ็ม พวกเขามาหาคุณเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการโอนสิทธิบัตรของซูเปอร์กาว ผมจะพาพวกเขามาพบคุณได้ไหมครับ?”

“อืม ให้พวกเขาเข้ามา” ฉินสือโอวกล่าว

วินนี่อุ้มเถียนกวาขึ้นมาและพ่อฉินแม่ฉินก็ออกจากห้องนั่งเล่นไป ก่อนออกไปวินนี่จ้องมองเขาและทำปากพูดอย่างไม่มีเสียงว่า “เรื่องนี้ยังไม่จบนะคะ!”

ฉินสือโอวยื่นมือออกมาส่งจูบให้กับเธอพร้อมกับยังหัวเราะคิกคักและวางแผนที่จะเปิดเผยเรื่องนี้

บริษัททรีเอ็มส่งทีมงานมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการรับซื้อสิทธิบัตร จะเห็นได้ว่าพวกเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งพวกเขามีทั้งหมดห้าคน นำโดยหัวหน้าผู้ตรวจสอบของสาขาแคนาดาหนึ่งคนและอีกสี่คนที่เหลือก็เป็นช่างฝ่ายติดกาว ผู้ช่วยและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย

ชื่อของหัวหน้าผู้ตรวจสอบคือมารอน พอร์เตอร์ หลังจากพบกับฉินสือโอวแล้วเขาก็จับมือกันอย่างอบอุ่นและพูดว่า “คุณฉิน? คุณดูอายุน้อยและหล่อกว่าภาพในข่าวมาก ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับคุณ”

ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “คุณสุภาพไปแล้ว ผมขอถามหน่อยว่าพวกคุณต้องการซื้อสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับกาวชีวภาพคิวเอสใช่ไหมครับ?”

มารอนรู้สึกตะลึงอยู่เล็กน้อย เขาเคยมีประสบการณ์การเจรจาแบบตรงไปตรงมา แต่เขาไม่เคยเจอการเจรจาแบบตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน ฉินสือโอวยังไม่ได้แนะนำตัวเลยด้วยซ้ำก็โยนประเด็นสุดท้ายออกมาโดยตรงเลย นี่จึงทำให้เขาเริ่มคิดมากขึ้น ชายคนนี้คงกระตือรือร้นที่จะขายสิทธิบัตรกาวชนิดนี้ใช่ไหม?

ในขณะที่กำลังนึกถึงเรื่องนี้อยู่ มารอนก็เผยรอยยิ้มที่มีความสุขออกมาและพูด “อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะมาซื้อสิทธิบัตรกาวชีวภาพเป็นพิเศษหรอก พวกเราอยากจะมาเยี่ยมคุณและศาสตราจารย์แซนเดอร์สมากกว่า”

“อ้าว ไม่ใช่ว่ามาซื้อสิทธิบัตรกาวชีวภาพหรอกเหรอ? ถ้าอย่างขออภัยด้วย เราไม่ต้อนรับ ลาก่อน” ฉินสือโอวกล่าว

แม่เจ้า คุณนี่แตกต่างกว่าที่ผมคิดนะ? ยังมีความสุขดีใช่ไหม? พร้อมกับรอยยิ้มอันแข็งทื่อบนใบหน้าของมารอน…

…………………………………………………..