ตอนที่ 3167

War sovereign Soaring The Heavens

ร่างที่พึ่งเหินขึ้นมาจากด้านหลังเนินเขา และมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับหว่านชิงชิง ก็กำลังมองสำรวจต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายแผ่สำนึกเทวะออกมากวาดผ่านเขาวาบหนึ่ง ก่อนจะรั้งกลับไปเร็วไว

 

“อายุไม่ถึง 100 ปีจริงๆ…ต้วนหลิงเทียน นี่เจ้าเป็นคนของแดนสวรรค์ใต้จริงๆหรือ?”

 

ชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดจอมยุทธ์สีครามอุทานด้วยความตกใจคราหนึ่ง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย

 

“ก็ทำนองนั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบ

 

“ทำนองนั้น?”

 

ชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีครามหน้าตาหล่อเหลาผู้นี้ ก็คือศิษย์หลักมือดีของคฤหาสน์หงเอี้ย ซีเหมินฮ่าวซวน เมื่อได้ยินคำตอบคลุมเครือของต้วนหลิงเทียน มันก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

 

ลึกลงไปในแววตา เริ่มฉายให้เห็นสีสันแห่งความอยากรู้ชัดขึ้นเรื่อยๆ

 

“เจ้าตอบให้ละเอียดหน่อยไม่ได้หรือ?”

 

ซีเหมินฮ่าวซวนเอ่ยถามอย่างจริงจัง

 

“จะให้ข้าตอบอย่างละเอียดก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้…แค่เจ้าทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนนั่นเพื่อออกไปก่อน จากนั้นเจ้าก็แค่เดินทางมาหาข้าที่คฤหาสน์เฉวียนโยว แล้วข้าจะเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด เป็นไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มอ่อนๆ

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้!”

 

ซีเหมินฮ่าวซวนส่ายหัวไปมาทันที กล่าวตอบอย่างไร้ลังเล “หากเจ้าอยากได้คะแนนสะสมของข้า ก็ต้องดูว่าเจ้ากับหว่านชิงชิงร่วมมือกันแล้วมีพลังสามารถมากพอหรือไม่”

 

ต้วนหลิงเทียนก็แค่ถามออกไปอย่างนั้น เพราะเขารู้ดีว่าซีเหมินฮ่าวซวนไม่มีทางมอบคะแนนสะสมที่ลำบากหามาหลายวันให้เขา เพียงเพราะอยากรู้เรื่องแค่นี้หรอก

 

ดังนั้นพอซีเหมินฮ่าวซวนกล่าวประโยคนี้จบ บรรยากาศก็เริ่มตึงขึ้นเล็กน้อย

 

“ต้วนหลิงเทียน ซีเหมินฮ่าวซวนคนนี้มิได้เชี่ยวชาญกฏแห่งธาตุทั้ง 5 รวมถึงมิใช่กฏน้ำแข็ง สายฟ้า หรือกฏใดๆที่แตกมาจากธาตุทั้ง 5…แน่นอนว่ายังมิใช่กฏสูงสุดทั้ง 4 ประการ”

 

ในขณะที่บรรยกาศเริ่มตึงเครียดขึ้น ก็พอดีกับที่เสียงผ่านพลังของหว่านชิงชิงดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน

 

“กฏทำลายล้าง?”

 

ได้ยินวาจาผ่านพลังดังกล่าวของหว่านชิงชิง ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ทันทีว่ากฏที่ซีเหมินฮ่าวซวนเชี่ยวชาญ ไม่พ้นต้องเป็นกฏทำลายล้างแน่นอน! เพราะนอกเหนือจากฏแห่งธาตุทั้ง 5 และกฏที่แตกออกมาจากธาตุทั้ง 5 รวมกับกฏสูงสุดทั้ง 4 ประการแล้ว ก็เหลือแค่กฏทำลายล้างเท่านั้น!!

 

กฏทำลายล้าง นับเป็นกฏที่พิเศษมาก

 

มันไม่ได้เกิดขึ้นจากธาตุทั้ง 5 และไม่ใช่กฏสูงสุด 4 ประการ

 

ไม่เหมือนกฏแห่งธาตุทั้ง 5 รวมถึงมีกฏแห่งธาตุทั้ง 5 เป็นฐาน ที่สามารถทำความเข้าใจผ่านวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังได้ มันจำเป็นต้องบังเกิดความตระหนักรู้ด้วยตัวเอง! อย่างไรก็ตามความเร็วในการทำความเข้าใจยังเหนือกว่ากฏสูงสุดทั้ง 4 ประการมาก!!

 

กระทั่งไม่ช้าไปกว่าการทำความเข้าใจกฏแห่งธาตุทั้ง 5 และธาตุอื่นๆเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่พลังอานุภาพแล้ว มันถือว่าทรงพลังกว่ากฏแห่งธาตุทั้ง 5 อยู่บ้าง แต่ก็พอๆกับกฏน้ำแข็งและกฏสายฟ้า เรียกว่านอกจากฏสูงสุดแล้ว มีแค่กฏที่พัฒนามาจาก 5 ธาตุเท่านั้นที่เทียบได้

 

อย่างที่ทุกคนก็รู้กันดี

 

กฏสายฟ้ากับกฏน้ำแข็งนั้น ถึงจะไม่ใช่กฏแห่งธาตุทั้ง 5 แต่หากกล่าวโดยต้นกำเนิดแล้ว มันก็ก่อเกิดมาจากธาตุทั้ง 5 เพียงแค่ทรงพลังกว่ากฏแห่งธาตุทั้ง 5…

 

และกฏทำลายล้างก็ทรงพลังพอๆกัน เช่นนั้นมันมีพลังอานุภาพเท่าไหร่ก็พอทราบได้คร่าวๆ

 

‘กฏทำลายล้าง เป็นกฏที่เหล่าผู้เดินในวิถีอมตะทั้งหลายบังเกิดความตระหนักรู้ หลังจดจ่อกับศาสตราชนิดใดชนิดหนึ่งและแสวงหาการโจมตีที่รุนแรงทั้งมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้…’

 

ต้วนหลิงเทียนยังจดจำได้ว่าตอนที่เขาอยู่ในนิกายยอมตะเป้าผู่ เขาก็เคยอ่านเจอเรื่องบันทึกข้อมูลของกฏทำลายล้างในหอตำราฝ่ายใน

 

‘ยกตัวอย่างเช่นมือกระบี่ นักดาบ มือหอก พลอง  ทวน ฯลฯ…ทั้งหมดมุ่งเสาะแสวงหาการโจมตีอันทรงพลังและมีประสิทธิภาพที่สุด และหลังจากฝึกปรือทำความเข้าใจไปถึงระดับหนึ่ง ก็จะมีโอกาสตระหนักรู้ถึงกฏทำลายล้าง กระทั่งเข้าถึงมัน’

 

นึกถึงจุดนี้ สายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองซีเหมินฮ่าวซวนก็เคร่งขึ้นเล็กน้อย

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ใครก็ตามที่เข้าใจกฏทำลายล้าง บ่งบอกว่าคนผู้นั้นได้ฝึกฝนอาวุธคู่กายจนช่ำชองเป็นที่สุด และยังทุ่มเทมุ่งมั่นให้กับมรรคาศาสตรานั้นๆเป็นอย่างมาก

 

ตัวตนเช่นนี้ ไม่มีใครเหลาะแหละแน่นอน!

 

“ต้วนหลิงเทียน พวกเรามาเดิมพันอะไรกันสักหน่อยดีหรือไม่?”

 

และในขณะที่หว่านชิงชิงกับต้วนหลิงเทียน เดินพลังเตรียมพร้อมประมือกับซีเหมินฮ่าวซวน อยู่ๆซีเหมินฮ่าวซวนก็ปริปากกล่าวคำออกมาอีกครา และกล่าวทำนองคิดชักชวนให้ต้วนหลิงเทียนเดิมพันอะไรบางอย่างกับมัน

 

“เดิมพัน? ยังไง?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง เอ่ยถามออกไปด้วยความสนใจ

 

“หากวันนี้ข้าเอาชนะเจ้าที่ร่วมมือกับหว่านชิงชิงได้…เจ้าก็บอกความเป็นมาที่แท้จริงของเจ้าให้ข้าฟัง แต่ถ้าข้าเป็นฝ่ายแพ้เจ้า ข้าจะมอบลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกการประมือระหว่างผู้ใช้กฏแห่งมิติ 2 คนที่เข้าใจความลึกซึ้งทั้ง 9 ประการของกฏแห่งมิติทั้งคู่ให้เจ้าเป็นไง?”

 

ซีเหมินฮ่าวซวนพอกล่าวออกมาอีกครั้ง ไม่เพียงจะบอกว่าเดิมพันอะไรและยังไง กระทั่งยังกำหนดสิ่งเดิมพันออกมาเสร็จสรรพวว่าหากมันชนะแล้วต้องการอะไร กลับกันถ้ามันแพ้มันจะให้อะไร

 

‘ลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกการประมือระหว่างผู้ใช้กฏแห่งมิติ 2 คนที่เข้าใจความลึกซึ้งทั้ง 9 ประการของกฏแห่งมิติทั้งคู่?’

 

สิ้นคำกล่าวของซีเหมินฮ่าวซวน สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววจ้าขึ้นมาโดยพลัน

 

ลูกแก้วเงาลอยที่อีกฝ่ายกล่าวถึง นับเป็นอะไรที่ตัวเขาตอนนี้ต้องการเป็นที่สุด! เพราะหากได้มา มันก็จะช่วยให้เขาเห็นแนวทางความลึกซึ้งอีก 2 ประการที่เหลือ ทำให้ช่วยเขาตอนทำความเข้าใจพวกมันไม่น้อย!!

 

“ตกลง!”

 

ต้วนหลิงเทียนก็เลยตอบตกลงไปอย่างไร้ลังเล!

 

“ดี! จัดไป!!”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนตอบรับเร็วไว ซีเหมินฮ่าวซวนก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความสมใจ “ต้วนหลิงเทียน…ไม่ว่าวันนี้พวกเจ้าจะแพ้หรือเป็นข้าที่ปราชัย…หลังข้าออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณไปแล้ว ข้าจักไปสนทนาร่ำสุรากับเจ้าที่คฤหาสนืเฉวียนโยวสักครา”

 

“หวังว่าถึงตอนนั้นเจ้าอย่าได้ไม่ต้อนรับข้าซะเล่า…!”

 

ซีเหมินฮ่าวซวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ข้ายินดีต้อนรับเจ้าแน่นอน”

 

คนที่มีลักษณะเปิดเผยพูดตรง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รังเกียจแต่อย่างไร มองย้อนกลับไปสหายของเขาแต่ละคนน ก็พูดกันตรงๆไม่อ้อมค้อมทั้งนั้น

 

“พวกเจ้าที่ร่วมมือกัน หว่านชิงชิงสมควรทำหน้าที่สนับสนุน คอยถ่วงรั้งพัวพันและพยายามควบคุมข้า ส่วนเจ้าสมควรเป็นคนรับหน้าที่จู่โจมเป็นหลักสินะ…ในเมื่อเป็นแบบนั้นข้าไม่ระวังก็คงไม่ได้ เช่นนั้นข้ามิสู้ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าลงมือประเสริฐกว่า!!”

 

ซีเหิมฮ่าวซวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม และพอกล่าวจบคำคนก็ปะทุพลังชิงลงมืออัศจรรย์ปานอัสนีฟาด! ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนกับหว่านชิงชิงทันใดตั้งตัว!!

 

ปงงงง!! ซู่มมม!!

 

เสียงอากาศแตกระเบิดสนั่นก้องฟ้า สายลมวิปริตปานมหาพายุกวาดซัดไปทั่ว! พริบตาดุจละอองไฟวาบดับ ร่างซีเหมินฮ่าวซวนอันโจนทะยานจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนฉับไวปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร ก็บรรลุมาเจียนถึงตัวต้วนหลิงเทียนแล้ว!

 

เผชิญหน้ากับซีเหมินฮ่าวซวนที่บึ่งเข้ามาฉับไวปานเส้นสายอัสนีฟาดผ่า ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันประการหนึ่ง! ราวกับที่โถมเข้ามาไม่ใช่ผู้คน แต่เป็นศาตราวุธอันทรงพลัง!!

 

ฟุ่ฟฟ!

 

ร่างซีเหมินฮ่าวซวนไม่เพียงโจนทะยานเข้ามาฉับไวปานอัสนี ท่วงท่าความเคลื่อนไหวของมันยังลื่นไหลไวว่องปานอสรพิษเปรียว แต่เมื่อบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน คนคล้ายกลับกลายเป็นแกร่งกร้าวหาใดเปรียบ!!

 

พริบตาต่อมาไอพลังสีมืดที่ลุกโชนทั่วร่าง ปานเพลิงทมิฬก็เริ่มกระเพื่อม จากนั้นกก่อตัวเป็นกระบี่หนักมหึมาเล่มหนึ่งเร็วไว ใบกระบี่ของมันทั้งกว้างและยาวแทบจะปกคลุมร่างซีเหมินฮ่าวซวนได้มิด!

 

ขวับ!!

 

มือขวาที่กุมกระบี่หนักเล่มเขื่องของซีเหมินฮ่าวซวน ตวัดฟันออกมาฉับไวปานฟ้าผ่า ราวกระบี่เล่มเขื่องในมือไม่ต่างขนนกเบาหวิว เป็นฟันหนักเสมือนเบาอันร้ายกาจ! กลิ่นอายพลังทำลายร้างเริ่มแผ่เข้ามาครอบงำจิตใจต้วนหลิงเทียน!!

 

เรียกว่าหนึ่งกระบี่ที่ฟันฟาดออกมาครานี้ ในสายตาต้วนหลิงเทียนประหนึ่ง มันจะยอมสีสันโลกหล้าให้มืดดำในบัดดล!

 

ยังมีเจตนากระบี่อันแข็งกร้าวน่ากลัวไม่ใช่ชั่ว!

 

ในอดีตตอนอยู่ในระนาบเซียน ต้วนหลิงเทียนที่ได้รับสืบทอดมรดกของฟงชิงหยาง เขาก็นับว่าได้ย่างเท้าในมรรคากระบี่ระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่อาจเทียบได้กับซีเหมินฮ่าวซวนในตอนนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่ามรรคากระบี่ของซีเหมินฮ่าวซวนร้ายกาจขนาดไหน

 

ฟั่ฟฟฟ!!

 

หนึ่งกระบี่ฟาดมา ดั่งจะฟันเฉือนแยกฟ้า ความว่างเปล่ายังคล้ายจะถูกคมกระบี่สะบั้น!

 

กลิ่นอายพลังอันท่วมท้นไปด้วยเจตนากระบี่อันคมกล้าเป็นที่สุด พอตกกระทบใบหน้า ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนหนังศีรษะกลายเป็นด้านชา จากนั้นก็เร่งใช้หนึ่งห้วงคิดอาศัยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างหลบออกไปทันที!!

 

ครืนนนนน!!

 

ต้วนหลิงเทียนที่วูบร่างหายไปอย่างอัศจรรย์ ก็ไปผุดโผล่ด้านหลังซีเหมินฮ่าวซวน 100 หมี่ ชุดคลุมสีม่วงกระพือสะบัดว้าวุ่น ไอพลังทั่วร่างปะทุออกมาเต็มกำลัง แผ่ออกไปก่อสร้างเขตแดนมิติเร็วไว

 

เมื่อเขตแดนมิติอุบัติขึ้นมา ความว่างเปล่าในอาณาบริเวณกินรัศมี 10 หมี่โดยยึดร่างเขาเป็นจุดศูนย์กลางก็เริ่มกระเพื่อมสั่นไหว คล้ายในความว่างแฝงเร้นไปด้วยพลังผันผวนของห้วงมิติ พร้อมฉีกกระชากป่นทำลายสรรพสิ่งที่ล่วงล้ำเข้ามา

 

“สมแล้วที่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติขึ้นชื่อว่าเป็นความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ได้พิสดารและลี้ลับที่สุดในสวรรค์และโลก…นับว่ายากรับมือจริงๆ!”

 

ซีเหมินฮ่าวซวนไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่กระบี่ของมันฟันจั่วลมดังขวับ เพราะหากต้วนหลิงเทียนไม่อาจรับได้แม้แต่กระบี่แรกของมัน เช่นนั้นชื่อเสียงที่เลื่องลือก็เป็นเรื่องน่าหัวเราะแล้ว!

 

“เช่นนั้นลองรับกระบี่ข้าดูอีกครา!”

 

กล่าวจบคำทั่วร่างซีเหมินฮ่าวซวนก็เริ่มสั่นไหว รัศมีพลังสีมืดปานเพลิงทมิฬพลันลุกโหมท่วมไปทั่วเรือนกาย!

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายพลังน่ากลัวชวนสยองก็เริ่มกำจายออกมาจากร่างซีเหมินฮ่าวซวน!

 

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

 

 

กระบี่หนักเล่มเขื่องโปร่งแสงเริ่มควบรวมก่อเกิดจากพลังทมิฬรอบกายซีเหมินฮ่าวซวนเล่มแล้วเล่มเล่า จากนั้นพวกมันก็เริ่มม้วนวนรอบๆกายซีเหมินฮ่าวซวนเร็วรี่!

 

กระบี่ยิ่งหมุนวนเร็วขึ้นเท่าไร แสงกระบี่ก็ยิ่งสาดส่องเจิดจ้ามากขึ้นเท่านั้น กลิ่นอายพลังปานจะทำลายล้างได้ทุกสิ่งยิ่งมายิ่งแผ่กวาดออกไปทั่วสารทิศ!

 

“ฮึ!!”

 

ในขณะที่ร่างซีเหมินฮ่าวซวนกำลังสั่นไหวเพราะเร่งเร้าพลังสภาวะอยู่นั้น เสียงสบถเย็นชาด้วยความไม่สบอารมณ์หนึ่งพลันดังขึ้น เป็นเสียงของหว่านชิงชิงนั่นเอง!

 

การชิงลงมือจู่โจมในฉับพลันเมื่อครู่ของซีเหมินฮ่าวเฉิน กระทั่งหว่านชิงชิงเองก็แทบตอบสนองไม่ทัน

 

อย่างไรก็ตาม พอหว่านชิงชิงเห็นว่าหลังกระบี่แรกล้มเหลวแล้ว ซีเหมินฮ่าวเฉินที่เร่งเร้าพลังสภาวะเตรียมลงมือออกกระบวนท่าที่ 2 นั้น ยังคงเพ่งเล็งแต่ต้วนหลิงเทียน ทำเหมือนนางไม่มีตัวตนอยู่เลย ใบหน้าหว่านชิงชิงก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาปานมีชั้นน้ำแข็งเคลือบทันที!!

 

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

 

 

พริบตาต่อมาประหนึ่งมรมสุมลมหนาวห่าใหญ่พัดกวาด เป็นหว่านชิงชิงที่พุ่งร่างด้วยความเร็วสูงปานพายุ ห้อตะบึ้งเข้าใส่ซีเหมินฮ่าวซวนด้วยสภาวะพลังอันเกรี้ยวกราด!

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

ในขณะที่ร่างบางของหว่านชิงชิงห้อเหยียดมาฉับไวปานพายุ พลังสีเขียวปานมรกตก็ลุกโชนขึ้นมาท่วมร่าง เป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานเข้ากับพลังธาตุไม้!

 

พริบตาต่อมา

 

ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก!

 

 

พลังสีเขียวมรกตที่ลุกโชนท่วมร่างบาง เริ่มควบรวมผนึกแน่น จากไร้สภาพสู่มีสภาพ บังเกิดเถาวัลย์สีเขียวเส้นเขื่องเท่าแขนผู้ใหญ่งอกเงยจากความว่างเปล่านับสิบๆ พุ่งเข้าใส่ซีเหมินฮ่าวซวน ปานจะทิ่มแทงรัดพันผู้คน!!

 

“หว่านชิงชิง เจ้าจับข้าไม่ได้หรอก!”

 

ซีเหมินฮ่าวซวนเหลือบไปมองเถาวัลย์มหึมาที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางด้วยสายตาเฉยเมย มุมปากยกยิ้มแสยะหยันเบาๆ ทันใดนั้นกระบี่พลังสีดำเล่มหนึ่งที่โคจรหมุนวนอยู่รอบกายเร็วรี่ คล้ายจะมีชีวิตขึ้นมา มันพุ่งทะยานออกไปฉับไวปานมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง!

 

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

 

 

พลานุภาพของกระบี่หนักสีดำเล่มเขื่องที่พุ่งออกมาร้ายกาจแทบตายแล้วจริงๆ! ตัวกระบี่ยังไม่บรรลุถึงด้วยซ้ำ อาศัยแค่รังสีกระบีที่แผ่พุ่งนำออกไป ยามปะทะเข้ากับห่าเถาวัลย์เส้นเขื่องที่ทะลวงฟ้าเข้ามานับสิบๆ ก็ป่นปี้จนเถาเขียวทั้งหลายแหลกเป็นผงในบัดดล!!

 

อย่างไรก็ตามหลังเถาวัลย์สีมรกตเส้นเขื่องถูกทำลายไปแล้ว ธุลีละอองพลังสีเขียวที่ซ่านกระเซ็นไปทั่วนั้น คล้ายกลายเป็นแผ่นดินผืนใหม่ ปรากฏเถาวัลย์เขียวเส้นเขื่องอีกชุดงอกเงยออกมาอยย่างอย่างอัศจรรย์ จี้เข้าใส่ซีเหมินฮ่าวซวนสืบต่อ!!

 

“ไร้ประโยชน์!”

 

เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว ซีเหมินฮ่าวซวนก็ไม่ได้ยึดถือเป็นจริงจัง กล่าวเสียงเฉยจบ มือเพียงโบกขึ้นเบาๆ พลังความลึกซึ้งจากกฏทำลายยล้างขุมหนึ่ง ก็เริ่มควบรวมก่อเกิดกระบี่หนักอีกเล่มเบื้องหน้า

 

ฟั่ฟฟฟ!!

 

ซีเหมินฮ่าวซวนคว้ากระบี่หนักเล่มดังกล่าวมาตวัดฟันจากซ้ายไปขวาอย่างไร้เรื่องราว ก็อุบัติเป็นคลื่นพลังกระบี่เกรี้ยวกราดขุมหนึ่งระเบิดกวาดออกไปเป็นวงรอบกาย ถล่มทำลายเถาวัลย์มรกตที่พุ่งแทงออกจากความว่างเปล่าจนแหลกกระจุย!

 

แต่ทันใดนั้นเอง

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

รัศมีแสงขจีปานมรกตสดใส พลันสาดส่องลงมาจากฟากฟ้า ประหนึ่งพุทธองค์ที่กำลังประทานพรให้แก่สรรพสัตว์ แสงพลังพร่างพราวช่างงดงามและเอ่อล้นไปด้วยพลังชีวิตนัก!

 

และรัศมีแสงมรกตเจิดจรัสพอสาดส่องลงมาแล้ว จะละอองพลังสีเขียวที่เกิดจากเถาวัลย์ถูกป่นทลายก็ดี หรือเถาวัลย์ที่พึ่งถูกคลื่นกระบี่ป่นปี้จนพินาศก็ดี พวกมันเสมือนได้รับพลังชีวิตห่าใหญ่!

 

ทันใดนั้นละอองพลังธุลีสีเขียวทั้งหลายก็เกาะกลุ่มควบรวมในฉับพลันก่อเกิดเป็นเถาวัย์เส้นเขื่องอีกครา

 

ไม่เว้นเศษเถาวัลย์ที่ถูกคลื่นกระบี่ทำลายล้างสีดำหั่นแหลกเมื่อครู่ บ้างงอกเงย บ้างเชื่อมต่อ สุดท้ายก็คืนสภาพเป็นเถาวัลย์เขียยวเส้นเขื่อง ฟื้นความปราดเปรียวประหนึ่งอสรพิษมีชีวิต!!

 

ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก!

 

 

พริบตามวลเถาวัลย์มหาศาลก็พุ่งไปถักทอสานพันรอบๆกายซีเหมินฮ่าวซวน ไม่ทันไรซีเหมินฮ่าวซวนก็ถูกกรงเถาวัลย์สีมรกตกักขังเอาไว้เสียแล้ว!!