ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณขุมอุดรมีมกุฎอริยะห้าคนเป็นผู้นำ นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์อีกสามสิบกว่าคน

พลังระดับนี้ในขุมอำนาจอื่นๆ ของแปดดินแดน ก็นับเป็น ‘ขนาดเล็ก’ เท่านั้น

แต่สำหรับค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ กลับเป็นพลังน่ากลัวที่ทำให้พวกเขาได้แต่อดกลั้น ไม่กล้าออกจากเมืองไปสังหาร

แน่นอนว่าเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ไม่กลัว แต่ทั้งสองกังวลว่าหากตนออกไป ในเมืองจะขาดกำลังคนควบคุมสถานการณ์ จะถูกศัตรูฉวยโอกาสบุกเข้ามา เช่นนั้นผลลัพธ์ก็จะรุนแรงแล้ว

ด้วยเหตุนี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณต่างอัดอั้นและเดือดดาล

และผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณขุมอุดรกลุ่มนี้แต่ละคนล้วนไม่เกรงกลัว ยั่วยุจาบจ้วง ข้าศึกมาเยือนเมือง กลับไม่มีใครรับศึก นี่ทำให้ในใจพวกเขาเองก็มีความย่ามใจและดูถูกอย่างหนึ่ง

“เฮ้อ น่าผิดหวังจริงๆ เมื่อไหร่ดินแดนรกร้างโบราณของพวกเจ้าจะกล้าส่งคนมาต่อสู้ บางทียังสามารถทำให้พวกข้าชื่นชมสักหน่อย ตอนนี้หรือ… เหอะๆ พูดได้เพียงว่าพวกเจ้าก็คือพวกไร้ประโยชน์!”

ชายหนุ่มคนหนึ่งส่ายหน้าถอนหายใจ

“ด่าใครว่าไร้ประโยชน์”

และตอนนี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น

“แน่นอนว่าด่าดินแดนรกร้างโบราณของพวกเจ้า…”

ชายหนุ่มเอ่ยตามจิตใต้สำนึก เพิ่งพูดถึงครึ่งหนึ่งก็ตระหนักได้ พลันเดือดดาลยกใหญ่ สายตาหันขวับไปมอง

ก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายรูปลักษณ์หล่อเหลาสะอาดสะอ้านที่สวมชุดสีขาวพระจันทร์คนหนึ่งได้ปรากฏในระยะที่ไม่ไกลนัก ท่าทางนิ่งสงบใจเย็น

ชายหนุ่มที่เดิมกราดเกรี้ยวพลันอึ้งงัน จากนั้นหัวเราะฮ่าออกมา “ถึงกับมีพวกไร้ประโยชน์กล้าออกจากเมืองจริงๆ!”

เขาหัวเราะยกใหญ่ เผยสีหน้าตื่นเต้น

ยั่วยุท้าทายอยู่นาน กลับไม่มีคนกล้ารับศึกเสียที ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนกระโดดออกมา ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างคาดไม่ถึง

เพียงแต่ชายหนุ่มยังคงไม่สังเกตเห็น ว่ามกุฎอริยะห้าคนที่อยู่รอบๆ เขาต่างสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

“กล้าดีนี่!”

ชายหนุ่มชูนิ้วโป้งขึ้นยิ้มตาหยีแล้วพูด “มาๆๆ บอกมาซิว่าเจ้าอยากตายด้วยวิธีใด ข้าจะให้เจ้าทั้งหมด”

ประโยคเดียวทำเอาริมฝีปากของเหล่ามกุฎอริยะที่อยู่ข้างๆ เขายังอดกระตุกไม่ได้

เพี๊ยะ!

ชายชรารูปร่างอ้วนคนหนึ่งสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของชายหนุ่ม “หุบปาก!”

ชายหนุ่มอึ้งงันไปทันที กุมพวงแก้มอย่างงุนงง

ทันใดนั้นเขาพลันสังเกตเห็นว่าสีหน้าของพวกพ้องที่อยู่ข้างๆ ล้วนเปลี่ยนไปมาก เคร่งเครียดอย่างที่สุด แม้แต่มกุฎอริยะห้าคนนั้น แต่ละคนราวกับเผชิญศัตรูยิ่งใหญ่ พลังขับเคลื่อนรอบตัวกึกก้อง

“เจ้า… เจ้าคงไม่ใช่…”

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวชายหนุ่ม พลันร้องเสียงหลงออกมา

“หลินสวิน!”

“ฮ่าๆๆ พี่หลินกลับมาแล้ว!”

“ดูๆ เจ้าหมอนั่นโง่เขลาเพียงใด ด้วยพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ยังกล้าให้หลินสวินเลือกวิธีตาย สมองมีปัญหาหรืออย่างไร”

ในเมืองอารักษ์มรรคที่อยู่ห่างไป เสียงร้องยินดีหัวเราะลั่นระลอกหนึ่งดังสะเทือนฟ้าดิน

เซ่าเฮ่าและรั่วอู่ลอบโล่งอก ในใจสงบขึ้นมา

ไม่เจอหลายเดือน ในที่สุดหลินสวินก็กลับมาแล้ว!

ชั่วขณะนี้พวกเซ่าเฮ่าสังเกตเห็นอย่างฉับไวว่า ด้วยการกลับมาของหลินสวิน ทุกคนต่างรู้สึกสบายใจขึ้นราวกับยกภูเขาออกจากอก

ประหนึ่งว่าต่อให้เป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน ขอแค่มีหลินสวินอยู่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป!

ชายหนุ่มปานถูกฟ้าผ่า สีหน้าซีดเซียว ลูกตาแทบหลุดร่วงออกมา ถึงกับเป็นเจ้าหมอนั่นจริงๆ เขาไม่ปรากฏตัวหลายเดือนแล้วมิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้จู่ๆ ก็โผล่มา

เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณขุมอุดรแต่ละคนร่างกายยิ่งแข็งทื่อด้วยความตึงเครียด ไม่มีความย่ามใจ ได้ใจและดูหหมิ่นเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

แม้เป็นมกุฎอริยะเหล่านั้น สีหน้ายังอึมครึมไม่สามารถสงบได้ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตะลึงและตึงเครียด

ชื่อเสียงอันดุดันของหลินสวิน ทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนมีใครไม่รู้บ้าง

“ไป!”

มกุฎอริยะเหล่านั้นเลือกจะถอยหนีโดยแทบไม่มีความลังเลใด สะบัดแขนเสื้อหมายจะพาทุกคนเคลื่อนย้ายผ่าวห้วงอากาศหนีไป

ตูมโครม!

ก็เห็นหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ อากาศรอบๆ พลันยุบทลาย ประกายเทพเจิดจ้าพลิกตลบ ซัดมกุฎอริยะพวกนั้นจนถอยออกจากห้วงอากาศ

เพียงโจมตีง่ายๆ ก็เผยท่วงท่าผงาดกร้าวเต็มประดา!

“ข้าจัดการเอง”

ทว่าตอนที่หลินสวินจะลงมือสังหาร ก็เห็นจ้าวจิ่งเซวียนเข้ามาโดยพลัน ชุดม่วงโบกสะบัด ผมดำพลิ้วไหวราวกับเซียนมาเยือนโลก

“ได้ ข้าจะคอยเสริมให้เจ้า”

หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วเปิดทางให้

จ้าวจิ่งเซวียนเพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะ เขาเองก็อยากดูว่าหลังจากนางปลุกพลังพรสวรรค์ของสายเลือดเจินหลงขึ้นมาแล้ว พลังต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงใด

ตูม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่เหนือความคาดหมาย สะเทือนฟ้าดิน ประกายศักดิ์สิทธิ์ราวกับกระแสน้ำม้วนตัว

เดิมทีหากเผชิญหน้ากับหลินสวิน มกุฎอริยะดินแดนโบราณขุมอุดรเหล่านี้ไม่มีความมั่นใจสักนิด แต่พอคู่ต่อสู้เปลี่ยนเป็นจ้าวจิ่งเซวียน พวกเขาก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้นแล้ว

สู้หลินสวินไม่ได้ ยังจะสู้อริยะหญิงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ

เพียงแต่พอการต่อสู้ดำเนินไป สีหน้าของมกุฎอริยะห้าคนนี้ก็อดเปลี่ยนไปไม่ได้ ความกดดันค่อยๆ เพิ่มขึ้น!

อีกฝ่ายราวกับเซียน ร่างกายมีละอองแสงพร่างพรม ใบหน้างามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังจากลงมือ พลังกลับราวกับภูเขาถล่มสมุทรทลาย น่ากลัวอย่างที่สุด

ราวกับมีเงามายาเจินหลงมากมายวนเวียนอยู่รอบตัวนางรางๆ เงยหน้าครวญคำราม อานุภาพตะลึงฟ้า ทุกการโจมตีล้วนมีพลังทำลายล้างที่ผลาญภูผาต้มสมุทร ทำให้สรรพสิ่งดับสลาย

“เป็นพลังพรสวรรค์ของเผ่าเจินหลง… แดนเจินหลง! อภินิหารนี้หากฝึกถึงขีดสุด พลังอภินิหารสามารถเปิดแดนมังกรแห่งหนึ่ง ฝูงมังกรซุ่มซ่อนอยู่ภายใน หากศัตรูติดอยู่ในนั้นก็มีแต่ตายกับตาย”

ดวงตาคู่งามของรั่วอู่วับวาว ความตะลึงแวบผ่าน “อภินิหารระดับนี้ มีความมหัศจรรย์ที่มีคุณสมบัติเดียวกับเขตแดนมหามรรค ซึ่งราชันอริยะสามารถครอบครองได้!”

“คิดไม่ถึงว่าคนรู้ใจของพี่หลินคนนี้ถึงกับเป็นลูกหลานเผ่าเจินหลง เท่าที่ข้ารู้บนทางเดินโบราณฟ้าดารา เผ่าเจินหลงเป็นเผ่าที่อิทธิพลสูงส่ง ความหนาแน่นของรากฐานพลังเหนือกว่าหมื่นเผ่าในฟ้าดารามากมาย”

เซ่าเฮ่าเองก็อดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้

มังกรเจินหลงก็เหมือนกับหงส์เซียน ล้วนเป็นเผ่าที่เป็นดั่งตำนาน น้อยมากที่จะปรากฏในโลก แต่ไม่ว่าใครล้วนไม่สามารถปฏิเสธความแข็งแกร่งของเผ่านี้ได้!

ส่วนผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนอื่นๆ ที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างอึ้งตาค้างไปแล้ว

จ้าวจิ่งเซวียนก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะ เดิมก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ที่แสดงออกมายิ่งทำให้พวกเขาตะลึง

มีเพียงหลินสวินที่นิ่งกว่าไม่น้อย เขารู้ดีว่าบิดาของจ้าวจิ่งเซวียนเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิที่สมดั่งคำร่ำลือมานานแล้ว และมารดาก็เป็นบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ตอนนี้ต่างมุ่งหน้าไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราพร้อมกับชายหนุ่มจักจั่นทอง

มีบิดามารดาที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดคู่หนึ่ง รากฐานพลังและพรสวรรค์ของจ้าวจิ่งเซวียนจะด้อยได้อย่างไร

ทว่าหลินสวินก็ยังดูออกว่าจ้าวจิ่งเซวียนยังไม่สามารถควบคุมพลังระดับอริยะได้อย่างแท้จริง ทำให้ในการต่อสู้พลาดโอกาสดีในการสังหารศัตรูหลายครั้ง

นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ระดับอริยะและระดับราชันอมตะเคราะห์เป็นสองระดับที่แตกต่างกันโดยสมบูรณ์ จ้าวจิ่งเซวียนสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็สุดยอดมากแล้ว

ผลลัพธ์ของการต่อสู้ไม่ได้เหนือความคาดหมาย มกุฎอริยะสามคนถูกจ้าวจิ่งเซวียนฆ่าด้วยตัวเอง สองคนที่เหลือก็ถูกหลินสวินที่คอยช่วยอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดลงมือจัดการ

สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์เหล่านั้น ต่างเหมือนมดที่ถูกดีดนิ้วกำจัด

คืนนั้นการกลับมาของหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนได้รับการต้อนรับจากกลุ่มสหาย รวมตัวกันดื่มเหล้าพูดคุยอย่างมีความสุข

ในงานเลี้ยงหลินสวินเองก็ได้รู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกรกร้างโบราณในช่วงนี้

“คราวก่อนแดนลับนรกโลกันตร์มาเยือน ขุมอำนาจแปดดินแดนก็เคยบุกเข้าโลกรกร้างโบราณ คว้าวาสนาบรรลุมกุฎอริยะทั้งหมด ครั้งนี้แดนลับสนามแม่เหล็กกำลังจะมาเยือน หากพวกเขาอยากขัดขวางโอกาสบรรลุมกุฎอริยะของผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราเหมือนครั้งก่อน เช่นนั้นก็คิดผิดมหันต์แล้ว”

หลินสวินพูดเสียงเรียบ

เขาเคยรับปากนานแล้วว่าจะช่วยผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณช่วงชิงโอกาสบรรลุมกุฎอริยะ จะยอมให้แดนลับสนามแม่เหล็กถูกศัตรูแปดดินแดนควบคุมได้อย่างไร

“พี่หลิน กับเรื่องแดนลับสนามแม่เหล็ก เจ้ามีแผนการแล้วหรือ”

เซี่ยวชางเทียนถาม

สิ่งที่เขากับบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างพวกเยี่ยเฉิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอเป็นห่วงที่สุดก็คือโอกาสบรรลุมกุฎอริยะ

“ถึงตอนนั้นขอให้พี่เซ่าเฮ่าและแม่นางรั่วอู่คุมสถานการณ์เมืองอารักษ์มรรคด้วยกัน เลี่ยงไม่ให้ศัตรูฉวยโอกาสเข้ามาหลังจากแดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน”

หลินสวินเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ส่วนด้านแดนลับสนามแม่เหล็ก ข้าจะคอยดูแลด้วยตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็จะให้สหายมรรคที่มีคุณสมบัติช่วงชิงจุดเปลี่ยนบรรลุอริยะของดินแดนรกร้างโบราณของเรา ได้เข้าไปในแดนลับสนามแม่เหล็กทุกคน”

ประโยคเดียวทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ตื่นเต้นขึ้นมา

เซ่าเฮ่ากลับขมวดคิ้วพูด “หลังจากแดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน ศัตรูแปดดินแดนจะเคลื่อนกำลังมกุฎอริยะกลุ่มใหญ่ อาศัยเจ้าคนเดียวอันตรายเกินไป”

“ยังมีข้า”

จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มพูด

“แต่เจ้ากับเขารวมกัน ถึงอย่างไรก็มีแค่สองคน”

รั่วอู่อดพูดไม่ได้ “ต้องรู้ว่าครั้งนี้ไม่ได้มีเวลาให้พี่หลินได้วางกระบวนค่ายกล หากถูกศัตรูร่วมมือกันล้อมจู่โจม…”

ไม่รอพูดจบหลินสวินก็ตัดบทพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อข้ากล้าทำเช่นนี้ ในใจย่อมใคร่ครวญไว้แล้ว นอกจากนี้แม้มีความเสี่ยง ครั้งนี้ก็จะพลาดโอกาสเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กไม่ได้”

คำพูดของเขาราบเรียบ แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างหวั่นไหวอย่างไม่มีข้อยกเว้น ในใจตื้นตัน

ที่หลินสวินรู้ว่าอันตรายแต่ยังทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อบุคคลขอบเขตมกุฎแห่งดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขา เพื่อทั้งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ!

ความมุ่งมั่น ความองอาจและความทุ่มเทเช่นนี้ ใครจะไม่หวั่นไหว

มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่ในใจนิ่งสงบมาก แม้แต่เจี้ยนชิงเฉินยังถูกหลินสวินสังหาร มกุฎอริยะทั่วไปไม่อยู่ในสายตาของหลินสวินตั้งนานแล้ว!

ในหลายวันหลังจากนั้น ข่าวที่หลินสวินหวนกลับเมืองอารักษ์มรรคโลกรกร้างโบราณก็ถูกศัตรูแปดดินแดนทยอยรับรู้

ชั่วขณะเดียวศัตรูที่เดินทางมาท้าทายหน้าเมืองอารักษ์มรรคก็ลดลงไม่น้อย

แน่นอนว่าก็มีผู้แข็งแกร่งที่ไม่เชื่อ อยากจะมาทดสอบความสามารถของหลินสวิน ผลลัพธ์คือถูกสังหารที่นอกเมืองโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีใครรอดกลับไป

ทว่าพร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยไป โลกรกร้างโบราณก็กลายเป็นสถานที่แห่งลมพายุหนึ่งรางๆ มีผู้แข็งแกร่งจากค่ายทัพแปดดินแดนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าทยอยมาเยือน

แม้แต่ดินแดนโบราณมารโลหิตยังส่งกองกำลังมือฉมังกลุ่มหนึ่งมาภายใต้คำสั่งของเซวี่ยชิงอี

เป้าหมายของพวกเขาง่ายมาก ก็เพื่อแดนลับสนามแม่เหล็กที่กำลังจะมาเยือน

สำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น หลินสวินมองเห็นอยู่ในสาย แต่กลับไม่ได้โต้ตอบรุนแรงอะไร อยู่ในเมืองอารักษ์มรรคตลอดเวลา นั่งมองลมเมฆขับเคลื่อน

ยามที่แดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน ก็คือวันแห่งการออกโจมตีของเขา!

——