ตอนที่ 3170

War sovereign Soaring The Heavens

หลังหว่านชิงชิงถูกส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเพราะอยู่ครบกำหนดเวลา ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางย้อนกลับไปยังค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว หมายใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับออกไปด้านนอก

 

ก็อย่างที่หว่านชิงชิงบอกไว้

 

ด้วยคะแนนสะสมในปัจจุบันของเขา เรียกว่า อันดับ 1 เป็นอะไรที่แน่นอนแล้ว

 

ถึงจะอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเพื่อหาแต้มต่อไปก็ไร้ความหมาย

 

ดังนั้นออกมาก่อนยังดีซะกว่า

 

และเมื่อต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับมาถึงค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว เหล่าขุนนางอมตะ 10 ทิศในค่าย ก็ทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยความเคารพ แววตามากล้นไปด้วยความเลื่อมไส “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”

 

ตอนนี้พวกมันทุกคนได้รับแจ้งเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณหมดแล้ว ทำให้พวกมันบังเกิดความนับถือเลื่อมไสชายหนุ่มอายุไม่ถึง 100 ปีผู้นี้จากใจ

 

ถึงแม้อีกฝ่ายสมควรเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวของมันจ้างมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับความนับถือส่วนนี้

 

วิ้งงง!!

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว ร่างของเขาก็ถูกส่งออกมายังตำหนักเคลื่อนย้ายที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

 

และทันทีที่เขาปรากฏตัว ก็มีคนร้องเรียกชื่อเขากันใหญ่ สายตานับร้อยพันคู่พากันมองจ้องมาที่เขาด้วยความเร่าร้อน จากนั้นผู้คนก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาห้อมล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ราวเขาเป็นดาราดัง

 

“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก! คะแนนสะสมทะลุพันแต้มท่านทำไปได้อย่างไร!!”

 

“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ด้วยคะแนนสะสมของท่าน เดือนนี้ท่านถูกกำหนดให้เป็นอันดับที่ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแน่นอนแล้ว!!”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ข้าจะยึดท่านเป็นแบบอย่างไปชั่วชีวิต!!”

 

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียน เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็บังเกิดความคึกคักกันนัก หลายต่อหลายคนมองต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย ราวกับยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นแบบอย่างชั่วชีวิตแล้วจริงๆ!

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ข้าชมชอบท่าน!”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ท่านใช่มีคู่เต๋าแล้วหรือไม่?”

 

กระทั่งเหล่าศิษย์สตรีของคฤหาสน์เฉวียนโยวเอง ก็มีไม่น้อยที่บังเกิดความหาญกล้า เบียดผู้คนมากมายและเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ว่าต้วนหลิงเทียนใช่มีคู่เต๋าแล้วหรือไม่ เห็นชัดว่าขอเพียงต้วนหลิงเทียนเอ่ยปาก พวกนางพร้อมถวายตัวเป็นคู่เต๋าให้ทันที

 

ถึงแม้ก่อนจะกลับออกมา ต้วนหลิงเทียนจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าไม่พ้นต้องเป็นจุดสนใจของทุกคนแน่นอน

 

แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวจะเป็นเอามากขนาดนี้!

 

โดยเฉพาะศิษย์สตรีของคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งหลายย พวกนางจะไม่กระตือรือร้นเกินไปหน่อยหรือไร? ที่แท้เขาเป็นผู้ชายหรือพวกนางเป็นผู้ชายกันแน่?

 

หากพวกนางเป็นผู้หญิง แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงกลายเป็นรุกเก่งขนาดนี้?

 

“ต้วนหลิงเทียนข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจักสามารถจัดการซีเหมินฮ่าวซวนผู้นั้นได้!”

 

อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เคยทำหน้าที่ลงทะเบียนให้ต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่ก้าวออกมาช่วยแก้ไขสถานการณ์โดนเหล่าศิษย์รุมล้อมให้ต้วนหลิงเทียน  เมื่อมันแหวกเหล่าศิษย์เป็นทางจนเดินมาหาต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ก็มองกล่าวด้วยน้ำเสียงแววตาชื่นชม

 

“ข้าก็แค่โชคดีน่ะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนคล่ยิ้มบางๆ “นอกจากนั้นหากไม่ใช่เพราะมีหว่านชิงชิงคอยสนับสนุน อาศัยข้าคนเดียวก็คงยากจะจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้”

 

“เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย หลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ทราบมีกี่คนต่อกี่คนแล้วที่ร่วมมือกันเพื่อจัดการยอดฝีมือทั้ง 6 นั่น…อนิจจาแต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จหามีไม่! ในเมื่อเจ้ากับหว่านชิงชิงทำได้ ก็บอกให้รู้ว่าพวกเจ้ามีสามารถจริงๆ! ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว!!”

 

อาวุโสคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ และหลังจมอยู่ในวงล้อมผู้อาวุโสสักพัก เขาก็บอกปัดเรื่องไปหาที่สนทนากับเหล่าอาวุโสทั้งหลายต่อ ก่อนที่จะประสานมือขอตัวอำลา แล้วเร่งออกจากตำหนักเคลื่อนย้ายทันที

 

หลังเหินร่างออกจากบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

จะเหล่าศิษย์ก็ดีอาวุโสก็ดี คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนับว่าคึกคักกันเกินไป!

 

ยิ่งเหล่าอาวุโสแต่ละคนก็น่ากลัวเหลือเกิน พยายามจะยัดเยียดลูกสาวหลานสาวให้เขาไม่หยุด แต่ละคนทำราวกับทนมัดเขากลับบ้านไปทำลูกเขยไม่ไหวด้วยซ้ำ

 

“ผู้เฒ่าฉี”

 

หลังออกจากตำหนักเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็บึ่งตรงมายังสถานที่พักบ่มเพาะของฉีเทียนหมิงทันที ด้วยความที่สถานที่พักบ่มเพาะของอีกฝ่ายก็อยู่บนเกาะหลักเดียวกับตำหนักเคลื่อนย้ายจึงใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น

 

“ไฉนเจ้าออกมาเร็วนักเล่า?”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่นี่ ฉีเทียนหมิงก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่บ้าง “ไม่ใช่เจ้ายังเหลือเวลาอยู่ด้านในอีก 2 วันกว่าหรอกรึ?”

 

“ในเมื่อหว่านชิงชิงถูกส่งตัวออกมาแล้ว…ข้าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้ออกมาทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติต่อดีกว่า”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“ก็จริงของเจ้า…อย่างไรเสียด้วยคะแนนสะสมของเจ้าในปัจจุบัน เรื่องได้อันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ย่อมไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”

 

ฉีเทียนหมิงก็ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 มาตั้งแต่วันก่อนแล้ว กระทั่งยังส่งข้อความแสดงยินดีไปทันทีหลังทราบเรื่องราว

 

‘ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเจ้าหนูผู้นี้จักได้อันดับ 1 จริงๆ!’

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของเดือนนี้ มันนึกภาพตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 ไม่ออกด้วยซ้ำ

 

ตอนที่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี จนได้คะแนนสะสมจากคฤหาสน์หั่วหลีมากมายตั้งแต่วันแรก มันก็ยังไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะคว้าอันดับ 1 มาได้

 

เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะคว้าอันดับ 1 มาครอง!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคที่สำคัญก็คือ สุดยอดฝีมือทั้ง 6 นั่น!

 

สุดยอดฝีมือทั้ง 6 ยึดครอง 6 อันดับแรกมาหลายปีแล้ว ไม่มีผู้ใดเคยพ่ายแพ้หรือถูกกำจัดเลยสักครั้ง เอาแค่หลุดออกจาก 6 อันดับแรกก็ไม่มี!

 

เช่นนั้นพลังฝีมือพวกมันร้ายกาจขนาดไหน ย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก

 

ตอนที่รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนร่วมมือกับหว่านชิงชิง แต่ฉีเทียนหมิงก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากนัก แค่รู้สึกว่าอาจมีโอกาสสู้ 6 คนนั่นได้ก็เท่านั้น

 

“ข้าโชคดีน่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

หลังได้ประมือกับซีเหมินฮ่าวซวนมา ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบถึงพลังฝีมือของอีกฝ่ายชัดเจน เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดดูเบาสุดยอดฝีมือที่ยึดครอง 6 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมานานนับสิบปีที่เหลือเลย!

 

ไม่ว่าใครในบรรดา 6 คนนั่น รวมถึงซีเหมินฮ่าวซวนเอง หากเขาเจออีกฝ่ายตอนตัวคนเดียวล่ะก็ ถึงแม้เขาจะไม่แพ้พ่ายแน่ๆ แต่เขากไม่อาจจัดการพวกมันได้เลย

 

เพราะความเร็วของทั้ง 6 คนเหนือกว่าเขามาก!

 

ถึงเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเทพเบญจธาตุที่อยู่ในร่างเขาทั้ง 3 จนมีพลังโจมตีและพลังป้องกันมากพอจะสะกดข่มพวกมันทั้งหมด แต่การจะโจมตีให้โดนพวกมันนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย…

 

สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่รอโจมตีเพื่อสลายการโจมตีอีกฝ่าย หรือต้านรับเพื่อให้พวกมันไม่อาจทำอะไรเขาได้เท่านั้น

 

หากเขาคิดจะเอาชนะทั้ง 6 คนให้ได้ด้วยตัวคนเดียว ก่อนอื่นเลยเขาต้องเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเสียก่อน! ถึงตอนนั้นเขาจะมีพลังมากพอฉกฉวยโอกาสจัดการทั้ง 6 ด้วยตัวเอง!!

 

“ไม่สำคัญว่าจักเป็นเพราะโชคดีหรืออันใด…สุดท้ายผลก็คือ เจ้าเป็นผู้ชนะอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้!”

 

ฉีเทียนหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส

 

และพอกล่าวจบคำทั้งยิ้มร่าไปไม่นาน ฉีเทียนหมิงก็คล้ายตระหนักใดใด รอยยิ้มมันชะงักค้าง พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเสียดายทันที “น่าเสียดายที่เจ้าคงร่วมมือกับหว่านชิงชิงได้แค่เดือนนี้เท่านั้น เดือนหน้าคงยากจะพบเจอนางและร่วมมือกันได้อีกครั้ง…”

 

“และในคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา ก็ไม่มีผู้ใดรวดเร็วเท่าหว่านชิงชิงเลย…”

 

ถึงแม้ฉีเทียนหมิงจะไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับหว่านชิงชิงร่วมมือกันท่าไหนถึงจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้ แต่ก็ไม่ยากที่มันจะคาดเดาได้ว่า ความเร็วของหว่านชิงชิงสมควรมีส่วนอย่างมาก!

 

หากไม่ต้องพึ่งพาความเร็วของหว่านชิงชิง ไฉนต้วนหลิงเทียนต้องร่วมมือกับหว่านชิงชิงด้วย?

 

“หากมีผู้ใดทำได้เท่าหว่านชิงชิงและสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ทุกเดือน รวมถึงโชคเจ้าไม่เลวร้ายจนเกินไป เช่นนั้นบททดสอบของท่านจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้แล้ว”

 

ฉีเทียนหมิงกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

บททดสอบที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยกำหนดให้ต้วนหลิงเทียน สำหรับมันแล้วเป็นเรื่องที่ยากเย็นจนแทบไม่เห็นทางที่ต้วนหลิงเทียนจะทำได้เลย

 

เพราะการที่จะให้ต้วนหลิงเทียนที่มีอายุไม่ถึง 100 ปี ทำบททดสอบนั่นได้สำเร็จ! แทบไม่ต่างอะไรกับพยายามเคี่ยวเข็ญให้คนธรรมดาปีนขึ้นสวรรค์!!

 

“ทัพมาตั้งทัพสู้ น้ำมาก่อทำนบกั้น…เรื่องนี้ไว้วันหน้าค่อยว่ากัน”

 

เทียบกับท่าทางหนักใจของฉีเทียนหมิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนแลดูเฉยๆไม่ได้เดือดร้อนอะไรแม้แต่น้อย “ผู้เฒ่าฉี พอดีข้าอยากไปนิกายอมตะเหอฮวน…หากท่านว่างช่วยพาข้าไปหน่อยได้หรือไม่?”

 

“ทำไมรึ? คิดไปหาสหายเก่าของเจ้าคนนั้น?”

 

หลังเกิดเรื่องเมื่อวันก่อน ฉีเทียนหมิงก็รู้แล้ว

 

ว่าต้วนหลิงเทียนมีสหายสนิทในนิกายอมตะเหอฮวนนามว่า หวงเจียหลง

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“ย่อมได้ ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวที่นั่นเอง”

 

ฉีเทียนหมิงกล่าวตอบ จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวไปเยือนนิกายอมตะเหอฮวน และอาศัยความเร็วของฉีเทียนหมิง ไม่ถึง 3 วันมันก็พาต้วนหลิงเทียนมาถึงนิกายอมตะเหอฮวนแล้ว

 

ฉีเทียนหมิงผู้เป็นถึง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวมาเยือนนิกายอมตะเหอฮวนแบบนี้ ทางนิกายอมตะเหอฮวนแน่นอนว่าประมุขลำดับที่ 1 และ 2 ก็ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

 

“อาจารย์ลุงฉี!”

 

“อาจารย์ลุงฉี!”

 

และไม่ว่าจะเป็นประมุขลำดับที่ 1 หรือลำดับที่ 2 ของนิกายอมตะเหอฮวน ล้วนมีลำดับอาวุโสด้อยกว่าฉีเทียนหมิงมาก เมื่อพบฉีเทียนหมิง จึงให้ความเคารพด้วยการเรียกหาว่า อาจารย์ลุง

 

“ด้านนี้สมควรเป็นศิษย์หลานต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่?”

 

ประมุขลำดับที่ 1 ของนิกายยอมตะเหอฮวน หรือประมุขใหญ่ กงซุนเวิ่นฉิง คลี่ยิ้มอบอุ่นพลางกล่าวออกมาขณะหันมองไปทางต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ฉีเทียนหมิงจะไม่ทันได้แนะนำตัวอีกฝ่าย แต่มันก็สามารถคาดเดาตัวตนของชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ได้ไม่ยาก

 

“มิผิด เขาคือต้วนหลิงเทียน”

 

ฉีเทียนหมิงพยักหน้า

 

“ศิษย์หลานต้วน เจ้าประสบความความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ…เท่าที่ข้ารู้มา ไม่มีศิษย์คนใดของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้รับอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมานานนับพันๆปีแล้ว ผลงานของศิษย์หลานต้วนครานี้ นับว่าทำให้คฤหาสน์เฉวียนโยวได้หน้าครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ!!”

 

กงซุนเวิ่นฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ประมุขกงซุนกล่าวชมเกินไปแล้ว…จริงสิ ที่ข้ามารบกวนวันนี้เพราะคิดพบปะพี่เจียหลง ไม่ทราบว่า…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดยิ้ม รอฟังคำตอบของกงซุนเวิ่นฉิง

 

จะอย่างไรกงซุนเวิ่นฉิงก็เป็นประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน เขาก็ไม่คิดจะตัดบทด้วยการถามออกไปตรงๆ

 

“ข้าเรียกมันมาแล้ว”

 

หลังกงซุนเวิ่นฉิงกล่าวตอบและสนทนาเรื่องสัพเพเหระกับต้วนหลิงเทียนไปอีกสักพัก หวงเจียหลงก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาต้วนหลิงเทียน อารามคิดถึงที่ไม่พบเจอกันนาน หวงเจียหลงก็ก้าวอาดๆเข้ามากอดต้วนหลิงเทียนเสียแน่น

 

จากนั้นพวกฉีเทียนหมิงกับประมุขลำดับ 1 และ 2 ของนิกายอมตะเหอฮวน ก็จากไปอย่างรู้งาน

 

“น้องต้วน เจ้าช่างร้ายกาจเหลือเกิน…ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์แล้ว ว่าเดือนนี้เจ้าพึ่งเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นครั้งที่ 2 แต่เจ้ากลับคว้าอันดับ 1 มาได้!”

 

หวงเจียหลงมองต้วนหลิงเทียนอย่างทึ่งๆระคนยินดี  “เท่าที่ข้ารู้มา ในแดนสวรรค์ใต้โบราณล้วนมีแต่ยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งนั้น…หมายความว่าเรื่องที่อาจารย์บอกว่าเจ้าได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มา ก็เป็นเรื่องจริงสินะ?”

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“ให้ตายเถอะ…เช่นนั้นผลเทพสังเวยยสวรรค์นั่น ก็ช่วยให้เจ้าเข้าใจกฏแห่งมิติหรือ?”

 

หวงเจียหลงเอ่ยถามอีกครั้ง

 

และต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทันสังเกตเลยว่า

 

ในขณะที่หวงเจียหลงเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา สีหน้าของมันเริ่มเผยความจริงจัง สองตายังทอประกายวูบวาบราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่

 

“ก็ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“ไปกันเถอะ! ไปบ้านข้าก่อน!!”

 

หวงเจียหลงพอได้รับคำตอบ ก็ตัดบทด้วยการชวนต้วนหลิงเทียนไปบ้าน จากนั้นก็เหินร่างนำต้วนหลิงเทียนไปยังด้านในของนิกายอมตะเหอฮวน

 

ตอนนี้หวงเจียหลงเป็นศิษย์ส่วนตัวของกงซุนเวิ่นฉิง ทั้งยังเป็นศิษย์ปิดสำนักอีก สถานที่บ่มเพาะของมันก็ย่อมอยู่ด้านในของนิกายอมตะเหอฮวนเช่นกัน และเป็นบริเวณที่มีพลังวิญญาณฟ้าดินอุดมสมบูรณ์ที่สุด

 

ภายใต้การนำทางของหวงเจียหลง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เข้ามาในห้องรับแขกของอีกฝ่าย

 

ซูว!

 

สำนึกเทวะของหวงเจียหลงแผ่ออกไปฉับไว หลังจากพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องรับแขก รวมถึงมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้แล้วจริงๆ มันก็ยกฝ่ามือขึ้นมาแบหงายเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทันใดนั้น พลันปรากฏวัตถุสีดำรูปลักษณ์ปานเพชรหรือผลึกอะไรบางอย่างผุดโผล่ขึ้นมาวางกลางฝ่ามือ

 

“ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด!!”

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปรากฏบางสิ่งขึ้นบนฝ่ามือหวงเจียหลง เพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอันเป็นเทพเบญจธาตุ ที่อยู่ในร่างต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็โพล่งตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง!!