ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง สัมผัสได้ถึงความสามารถที่ใกล้จะทะลวงถึงแดนเหนือมนุษย์ในร่างกายกษัตริย์ซ่านกวน ล้วนท่าทางตื่นตกใจหมด
ไม่ผิด กษัตริย์ซ่านกวนใกล้จะทะลวงสู่แดนเหนือมนุษย์แล้ว เข้าใกล้ธรณีประตูของแดนเหนือมนุษย์แล้ว คล้ายว่าขอเพียงมุ่งหน้าอีกก้าวหนึ่ง ก็สามารถก้าวเข้าไปได้
ผู้แข็งแกร่งของสามฝ่ายใหญ่ แม้กระทั่งมีภาพลวงตาอย่างหนึ่งว่า กษัตริย์ซ่านกวนทะลวงสู่แดนเหนือมนุษย์แล้ว มิฉะนั้นบนตัวของเขา ไม่อาจครอบครองแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้
“ฝ่ายบาทวางใจได้ครับ ขอเพียงพวกเรายังมีชีวิตอยู่ จะไม่ใช้คนนอกทำลายราชวงศ์ได้สักนิดเด็ดขาดครับ!”
ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ต่างแสดงท่าทีออกมาหมด
“ดี!”
กษัตริย์ซ่านกวนพยักหน้า
ทันใดนั้น เขาขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง “เตรียมรบ!”
ตามมาด้วยเขาเพิ่งพูดจบลง แรงกดดันวิถีบู๊อันน่าสยองขวัญส่วนหนึ่ง ปกคลุมทั้งคฤหาสน์ซ่านกวน
ในเวลาเดียวกัน ยังมีแรงกดดันวิถีบู๊ของแดนเทพชั้นยอดมากมาย ก็ปรากฏอยู่ที่ราชวงศ์ซ่านกวนแล้ว
“นี่คือ……”
ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ตกใจค้างหมดแล้ว
ในบรรดาพวกเขา โดยพื้นฐานเป็นการมีอยู่ของแดนเทพชั้นยอด แต่ว่าตอนนี้ สัมผัสถึงแรงกดดันวิถีบู๊อันน่าสยองขวัญยิ่งกว่าเข้าแล้ว แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับแรงกดดันวิถีบู๊ของกษัตริย์ซ่านกวนที่เพิ่มให้พวกเขาเมื่อสักครู่นี้ ยังจะแกร่งกว่าด้วย
“เจ้าหนูหยางเฉิน ไสหัวออกมาโดนฆ่าเถอะ!”
เสียงตะโกนเดือดดาลเสียงหนึ่ง ดุจฟ้าร้องกึกก้อง ระเบิดดังกลางท้องฟ้าของราชวงศ์ซ่านกวน
กษัตริย์ซ่านกวนรีบพาผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากในคฤหาสน์ เห็นเพียงด้านหน้า เป็นผู้อาวุโสที่ลมหายใจเลือนราง กำลังยืนอยู่ตรงนั้น หลี่เจียงสงผู้นำของตระกูลหลี่ คาดไม่ถึงติดตามอยู่ข้างกายคนผู้นี้อย่างระมัดระวัง
ส่วนด้านหลังสองคนนี้ ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพสิบกว่าคน ในนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดเกือบหนึ่งในสาม
ด้านจำนวนของผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอด ถึงแม้ไม่มากเท่าราชวงศ์ซ่านกวน แต่แล้วอย่างไรล่ะ ผู้อาวุโสที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ทั่วทั้งตัวล้วนเป็นกลิ่นอายของแดนเหนือมนุษย์
คนเดียว สังหารการมีอยู่ของทั้งราชวงศ์ซ่านกวนทิ้งได้เลย!
“คุณคือเหล่าจู่ตระกูลหลี่ ท่านหลี่จ้งสินะ?”
กษัตริย์ซ่านกวนจ้องมองผู้อาวุโสถามขึ้น
หลี่จ้งขมวดคิ้ว จ้องกษัตริย์ซ่านกวนด้วยสายตาเย็นเฉียบ “นึกไม่ถึง ฝ่าบาทยังจำตาแก่คนนี้ได้!”
แน่นอนว่ากษัตริย์ซ่านกวนจำหลี่จ้งได้ ตอนแรกที่เขาเป็นพระโอรส และหลี่จ้งยังเป็นผู้นำของตระกูลหลี่ สามารถพูดได้ว่า หลี่จ้งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในสมัยกษัตริย์องค์ก่อน
แน่นอนว่าหลี่จ้งก็จำกษัตริย์ซ่านกวนได้เหมือนกัน ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะรุ่งโรจน์แค่ไหน ตระกูลหลี่ก็ยังเป็นเพียงตระกูลที่ได้รับการจัดการจากราชวงศ์ซ่านกวน ตอนนั้นกษัตริย์ซ่านกวนในฐานะว่าที่กษัตริย์ สถานะสูงส่ง ถึงแม้เป็นตอนนั้น เขาเจอกษัตริย์ซ่านกวนแล้ว ก็ต้องโค้งตัวต้อนรับ
“ฝ่าบาท ตระกูลหลี่ไม่ยินยอมเป็นศัตรูต่อราชวงศ์ ยังขอให้ฝ่าบาทมอบตัวคนออกมาด้วยครับ!”
หลี่จ้งจ้องกษัตริย์ซ่านกวนไว้ พูดจาเสียงเย็นชา
กษัตริย์ซ่านกวนย่อมรู้ดี คนที่หลี่จ้งอยากให้เขามอบออกมา คือหยางเฉินแน่นอน
เมื่อสักครู่เขารู้สึกถึงว่า กลิ่นอายวิถีบู๊บนตัวของหยางเฉินกระเพื่อมรุนแรงอย่างยิ่ง กลัวว่าใกล้จะทะลวงแล้ว ปัจจุบันนี้ในเมื่อหยางเฉินไม่ได้เป็นฝ่ายปรากฏตัวเอง ย่อมยังไม่ได้บรรลุเป็นแน่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาย่อมจะไม่ขัดจังหวะการฝึกฝนของหยางเฉินอย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพึ่งพาหยางเฉินได้ ต่อให้ต้องจัดการตระกูลหลี่ทิ้ง เขาก็ยินยอมอย่างมาก
“คุณหยางเป็นแขกพิเศษของราชวงศ์ผม ท่านพูดมาประโยคเดียว อยากให้ผมส่งคนออกมา ค่อนข้างไม่เห็นราชวงศ์อยู่ในสายตาเกินไปหรือเปล่า?”
กษัตริย์ว่านกวนพูดแบบท่าทางนิ่งเฉย
หลี่จ้งขมวดคิ้วแล้ว หลี่เจียงสงที่อยู่ข้างกายเขารีบก้าวมาข้างหน้าทันที พูดอย่างโมโห “ลูกชายผมตายอยู่ในมือของหยางเฉิน หรือว่าฝ่าบาทยังอยากปกป้องเขา?”
กษัตริย์ซ่านกวนหัวเราะเยาะ “หลี่เจียงสง ลูกชายนายตายอย่างไร นายควรจะถามตัวนายเอง ไม่ใช่ว่ามาหาฉัน”
หลี่เจียงสงเป็นคนแบบไหน กษัตริย์ซ่านกวนไม่รู้แจ่มแจ้งได้อย่างไร?
“ฝ่าบาท นี่คือคุณหมายความว่าอะไร?”
หลี่เจียงสงลูกตาหดตัว ตอนที่มองทางกษัตริย์ซ่านกวน แววตาลึกมีแรงอาฆาตแวบผ่านนิดๆ
“หลี่เจียงสง เรื่องบางอย่าง ฉันไม่ยอมพูดให้กระจ่างเกินไป เพียงแค่อยากจะไว้หน้านายบ้าง”
กษัตริย์ซ่านกวนพูดจาเสียงเย็นชา “ผมคิดว่าท่านผู้อาวุโสหลี่คงไม่ยินยอมให้ผมพูดแจ่มแจ้งจนเกินไปเหมือนกันมั้ง? แน่นอนว่าถ้าท่านผู้อาวุโสหลี่ยินยอม ผมสามารถนำหลักฐานส่วนหนึ่งออกมาได้”
“เพียงแค่ ถึงตอนนั้นตระกูลหลี่ขายหน้าจนไม่เหลือศักดิ์ศรี จะโทษผมไม่ได้นะ”
พูดแบบนี้ออกมา มุมปากหลี่เจียงสงกระตุกนิดหน่อย ในใจหวาดวิตกเพิ่มอีกระดับหนึ่งทันใด
เขารู้ชัดแน่นอน หลักฐานที่กษัตริย์ซ่านกวนพูดถึงหมายความว่าอะไร
เขาคิดเองว่าการตายของหลี่หยาง จัดการได้เรียบร้อยดีมาก จะไม่หลงเหลือหลักฐานใดๆ โดยเด็ดขาด
แต่ว่า ตอนนี้ฟังกษัตริย์ซ่านกวนพูดขนาดนี้ ในใจเขาไม่มีความมั่นใจเอามากๆ เช่นกัน
เหตุผลที่พวกเขากล้ามาจัดการราชวงศ์ซ่านกวนแบบกำเริบเสิบสาน สาเหตุหลักอันหนึ่ง คือนำการตายของหลี่หยางโยนให้ราชวงศ์ซ่านกวน ถึงตอนนั้นต่อให้ผู้รักษากฎปรากฏตัว ก็สามารถผลักความรับผิดชอบนี้ให้ราชวงศ์ซ่านกวนได้
แต่ถ้าในมือกษัตริย์ซ่านกวนมีหลักฐาน ไม่เพียงตระกูลหลี่จะอับอายขายขี้หน้า กลัวว่าผู้รักษากฎ คงไม่ปล่อยตระกูลหลี่ไว้เช่นกัน
“เหอะ!”
หลี่จ้งกลับไม่ได้ตื่นตระหนกไปกับคำขู่ พูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อฝ่าบาทเอาหลักฐานออกมาได้ งั้นก็เอาหลักฐานออกมาก็พอ ผมอยากรู้เหมือนกัน การตายของหลานชายผม สรุปเป็นใครที่ทำ”
ครั้งนี้ ถึงตากษัตริย์ซ่านกวนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว เมื่อสักครู่เขาเพียงแค่อยากหลอกหลี่เจียงสงสักหน่อย ให้ตระกูลหลี่รู้สึกหวาดกลัว
หลี่เจียงสงตกใจเข้าแล้ว แต่หลี่จ้งไม่ได้ตกใจ กลับให้เขาเอาหลักฐานออกมา
หลี่เจียงสงเวลานี้ได้สติกลับมาแล้ว ท่าทางโกรธเคืองฉับพลัน “ฝ่าบาท ไม่ใช่ว่าคุณมีหลักฐานเหรอ? งั้นก็รีบเอาออกมาสิ!”
“ในเมื่อเจ้าบ้านหลี่ต้องการหลักฐาน งั้นฉันจะให้พวกคุณเอง!”
ในเวลานี้ เสียงเย็นชาดังขึ้น ในสายตาของผู้คน ภาพคนอายุน้อยคนหนึ่ง ค่อยๆ ก้าวเดินออกมา
ได้ยินเสียงนี้ คนทั้งเหตุการณ์ต่างตื่นตกใจ
สายตาของทุกคน ตกอยู่บนตัวของหญิงสาวที่กำลังก้าวเดินมาคนนั้น
“โหรวเอ๋อร์!”
หลังกษัตริย์ซ่านกวนมองเห็นซ่านกวนโหรว ในสายตาหนักหน่วงระดับหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าซ่านกวนโหรวมีหลักฐานจริง หรือว่าจงใจหลอกลวงตระกูลหลี่
สีหน้าของหลี่จ้งและหลี่เจียงสงต่างอึมครึมไร้ที่เปรียบ โดยเฉพาะหลี่เจียงสง สีหน้าดูแย่มาก คนที่จัดฉากการตายของหลี่หยางคือเขา ถ้าเกิดเรื่องนี้ถูกคนหาหลักฐานเจอ ต่อให้ตระกูลหลี่สามารถแทนที่ราชวงศ์ซ่านกวนได้ เขาก็คงกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองราชวงศ์ซ่านกวน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่หยางเป็นลูกชายของเขา เพื่ออำนาจแล้ว คาดไม่ถึงเขาจะกล้าลงมือฆ่าลูกชายของตนเอง
“หลักฐาน? น่าตลกสิ้นดี!”
หลี่เจียงสงไม่ได้พูดอะไร เหล่าจู่ของตระกูลหลี่หลี่จ้งพูดขึ้นก่อน ในสายตาเปล่งประกายแรงอาฆาตดุเดือดอยู่
“แม่หนู ดีที่สุดเธอคิดให้ชัดเจนนะ ถ้าเธอกล้าใส่ร้ายตระกูลหลี่ของพวกฉัน ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปเด็ดขาด!”
ในคำพูดของหลี่จ้งเต็มไปด้วยการข่มขู่
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของกษัตริย์ซ่านกวนเปลี่ยน พูดอย่างโมโห “หลี่จ้ง คุณข่มขู่หลานสาวผม?”
หลี่จ้งไม่มองกษัตริย์ซ่านกวนสักแวบ ดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตคู่นั้น จ้องซ่านกวนโหรวอยู่ตลอด ไม่มีใครสงสัย ถ้าหลี่จ้งอยากฆ่าเธอจริง เธอไม่มีทางรอดเด็ดขาด
ซ่านกวนโหรวกลับทำหน้าไม่หวาดกลัว พูดจาเย็นชา “พาคนเข้ามา!”
หลังจากที่เธอเพิ่งพูดจบ ชายวัยกลางคนที่นั่งบนรถเข็น ถูกคนเข็นเข้ามาแล้ว
บนศีรษะของชายวัยกลางคนยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ ขาทั้งสองใส่เฝือกไว้ ยังมีแขนข้างขวา ก็ใส่เฝือกเหมือนกัน
ลักษณะหน้าบวมช้ำ พอมองก็รู้ว่าเป็นคนได้รับบาดเจ็บหนัก
เวลานี้ เขาทำหน้าโกรธแค้น กัดฟันแน่นจ้องทุกคนทางฝั่งตระกูลหลี่
“ลุงหวง คุณเล่าความจริงออกมาได้อย่างวางใจเต็มที่เลยค่ะ”
ซ่านกวนโหรวเอ่ยปากบอกกับชายวัยกลางคน