“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”
…
ต้วนหลิงเทียนพึ่งเคลื่อนย้ายมาโผล่ในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวได้มาทันไร ก็ได้ยินเสียงคำทักทายจากเหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวในค่าย
น้ำเสียงของพวกมันยังฟังดูเคารพนับถือนัก
“อืม”
เห็นเหล่าศิษย์ทักทายกันด้วยใบหน้าชื่นชมแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มบางๆก่อนพยักหน้าให้พวกมันเบาๆ จากนั้นก็เตรียมจะออกจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อไปเก็บคะแนนสะสมทันที
“น่าเสียดายที่ไม่มีวิธีใดให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนหาแม่นางหว่านชิงชิงของคฤหาสน์อู่จ้านพบเพื่อร่วมมือกัน…หาไม่แล้วหากทั้งคู่ร่วมมือกันไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงนั่น ต่อให้เป็นกงซุนอู๋จี๋ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเหินร่างออกนอกค่าย ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่งก็กล่าวออกมาด้วยความเสียดาย
“นั่นสิ หลายปีที่ผ่านมาคฤหาสน์ปี้ชิงมันมาดักหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา 3 ครั้ง…ตลอด 3 ครั้งนั่นมีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราไม่กี่คนเท่านั้น ที่กล้าออกไป”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวีนนโยวข้างๆก็ถอนหายใจ
ถึงแม้ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง การไปดักหน้าค่ายผู้อื่น ก็ไม่ต่างอะไรจากไม่ไว้หน้าผู้อื่น และลูบคมคฤหาสน์อมตะนั้นๆ
จึงมีไม่กี่คนที่กล้าทำ
อย่างไรก็ตาม หากเป็นคฤหาสน์อมตะ 2 แห่งที่มีเรื่องบาดหมางกันแต่แรก นับว่าเป็นเรื่องปกตินักที่จะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น!
ในเมื่อคฤหาสน์อมตะทั้งสองเดิมก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว เช่นนั้นจะมีเรื่องเพิ่มก็ไม่นับเป็นอะไร ไหนเลยต้องกลัวอีกฝ่ายเอาคืนด้วย!
และศิษย์คนหนึ่งของคฤหาสน์ปี้ชิงนาม กงซุนอู๋จี๋ ผู้ที่รั้งอยู่ใน 6 อันดับแรกมาหลายสิบปี ทุกคราที่ศิษย์ในคฤหาสน์ปี้ชิงล่วงรู้ตำแหน่งค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว มันก็จะได้รับแจ้ง จากนั้นก็จะเดินทางไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวตลอด
และภายในคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ไม่มีใครเป็นคู่มือให้กงซวุนอู๋จี๋ได้เลย ดังนั้นหากกงซุนอู๋จี๋มาดักหน้าค่าย คฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่มีปัญญาจะตอบโต้
ทำได้เพียงซ่อนตัวหลบอยู่ในค่าย ไม่กล้าออกไป!
“หืม? เจ้ารู้หรือว่าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงอยู่ตรงไหน?”
เมื่อได้ยินเรื่องที่ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคุยกัน ต้วนหลิงเทียนพลันชะงักร่างลง ก่อนจะหันไปมองถามพวกมันทันที ยังถามออกไปตรงๆไม่อ้อมค้อม
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน พอดีเมื่อวานสหายข้าบังเอิญผ่านไปแถวค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง จึงโดนพวกมันเล่นงานเกือบตาย…โชคดีที่สหายข้าทำลายป้ายหยกจนหนีออกมาได้ทัน มันก็เลยรู้ว่าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงอยู่ไหน ยังจำทางได้แม่น ขอเพียงอยากไปก็ไม่ยาก”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ออกมาคนแรก พอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ก็รีบตอบกลับมาเร็วไว
พอกล่าวจบ มันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกรอบ “น่าเสียดายที่ไม่มีใครในคฤหาสน์เฉวียนโยวเรารวดเร็วเท่าหว่านชิงชิง…หาไม่แล้วคงสามารถร่วมมือกับศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน เพื่อไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงนั่นบ้าง”
“แล้วค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงอยู่ไหน จากที่นี่ต้องมุ่งไปทิศทางใด?”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน พวกเรารู้ว่าพลังฝีมือของท่านร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว…แต่ท่านอย่าลืมว่าคฤหาสน์ปี้ชิงยังมีกงซุนอู๋จี๋…”
ลูกตาศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวหรี่ลง กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม “พลังฝีมือของกงซุนอู๋จี๋นั่น ไม่ได้ด้อยไปกว่าซีเหมินฮ่าวซวนเลย!”
“ใช่แล้วศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน คฤหาสน์ปี้ชิงไม่เหมือนคฤหาสน์หั่วหลี เพราะคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคฤหาสน์หั่วหลีก็คือถานหยวนที่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับกงซุนอู๋จี๋เลย”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวอีกคนก็เอ่ยเตือนต้วนหลิงเทียน
“แต่กงซุนอู๋จี๋นั่นก็แค่พอๆกับซีเหมินฮ่าวซวนไม่ใช่รึไง?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ “บอกข้ามาเถอะว่าจะไปค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงนั่นยังไง…ส่วนเรื่องอื่นพวกเจ้าไม่ต้องกังวล”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยืนกรานจะรู้ให้ได้ว่าจะไปค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงยังไง ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่กล้าปิดบัง จึงบอกเส้นทางไปค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวแต่โดยดี
“ขอบใจเจ้ามาก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณด้วรอยยิ้มจบ ก็วูบร่างออกจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน…
“เจ้าว่า…ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนใช่จะไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงรึเปล่า?”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยยวคนหนึ่งกืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ค่อยถามออกมาอย่างยากลำบาก
“มิน่าใช่…ถึงพลังฝีมือศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจ แต่ให้สู้กับกงซุนอู๋จี๋นั่นก็ไม่น่าจะไหว เว้นแต่จะมีผู้ช่วยหาไม่แล้วคงยากจะประสบผลเลิศล้ำอะไรถ้าไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวอีกคนกล่าว
เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่เหลือก็รู้สึกเหมือนกันเป็นธรรมดา
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปไม่หยุดยั้ง พริบตาก็ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งวัน
ถึงแม้ชื่อต้วนหลิงเทียนจะปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับตั้งแต่วันแรก และไต่อันดับขึ้นมาด้วยความเร็ว
อย่างไรก็ตามไม่มีใครได้ยินว่าเขาไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว
ด้วยวิธีนี้เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวจึงเริ่มเชื่อกันไปมากขึ้นทุกที ว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องคิดไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงหลังจากหาคนช่วยได้ซะก่อน
“กงซุนอู๋จี๋ของคฤหาสน์ปี้ชิงก็เข้ามาแล้ว”
ขณะเดียวกัน หลานคนในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ก็สังเกตเห็นว่าชื่อของกซุนอู๋จี๋แห่งคฤหาสน์ปี้ชิงก็ปรากฏขึ้นบนตารางจัดอันดับแล้วเช่นกัน กระทั่งยังไต่อันดับขึ้นไปด้วยอัตราเร็วที่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียนซะอีก
หลังผ่านไปอีกวัน มันก็สามารถแซงต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ
ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าไม่รู้เรื่องเลย
ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปเรื่อยในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง หากพบเจอศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็จะพยักหน้าทักทาย บ้างก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หากพบเจอคนนอกก็จัดการไปตามประสา
ระหว่างนั้นเขาก็ได้พบกับศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงด้วย
หนึ่งในนั้นต้วนหลิงเทียนเพียงกำจัดมันออกไป เพราะอีกฝ่ายไม่มีใจจะสู้
ส่วนอีกคนทั้งๆที่ดูเหมือนจะรู้จักเขา แต่ในแววตายังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงฆ่ามันทิ้งทันที
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ
ว่ากับคนหลังนั่น หากพลังฝีมือเขาด้อยกว่ามัน อีกฝ่ายไม่พ้นต้องฆ่าเขาทันทีแน่!
“ต้วนหลิงเทียน…”
ณ คฤหาสน์อู่จ้าน ก่อนที่หว่านชิงชิงจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง นางก็สังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนติดอยู่ใน 10 อันดับแรกแล้ว
‘หากพบเจอมันแล้วได้ร่วมมือกับมันอีกครั้งคงดี…อย่างไรก็ตามแดนสวรรค์ใต้โบราณกว้างใหญ่ไม่ใช่เล่น คิดจะเจอมันอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย’
หว่านชิงชิงก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นนางจึงไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอต้วนหลิงเทียนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้งง่ายๆ
“บ้าเอ๊ย ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นมันร้ายกาจจริงๆ…ข้าเกือบถูกมันฆ่าทิ้งโดยที่ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ! หากไม่ใชเพราะเมตตายั้งมือ ข้าดับอนาถแน่!!”
“ในอดีตข้าตอนได้ยินเรื่องราวความร้ายกาจของมันข้ายังฟังหูไว้หู…วันนี้ข้าเชื่อแล้ว!”
“เห็นว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังโจมตีร้ายกาจ แต่ความเร็วยังไม่อาจเทียบได้กับระดับ 2 ของยอดฝีมือทั้งหมดไม่ใช่รึไง? ข้าเร็วพอจะถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ไฉนยังทำอะไรมันไม่ได้เลยเล่า?”
“มารดามันเถอะ ข้าอุตส่าห์เก็บแต้มแทบตายกว่าจะไต่ขึ้นมาติด 20 อันดับแรกได้…แต่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนนั่นมันก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ความเหนื่อยากที่ผ่านมาของข้ากลายเป็นหมอกควันเสียฉิบ!”
…
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็มียอดฝีมือหลายคนของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ต่างๆถูกต้วนหลิงเทียนจัดการ
และคนเหล่านี้ก็ตกใจกับความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนนัก
บางคนถึงกับคิดว่า…
ต่อให้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ร่วมมือกับหว่านชิงชิง ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ยอดฝีมือทั้ง 6 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไม่ได้!
หลังเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ 6 วัน ต้วนหลิงเทียนก็ไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 7 ได้สำเร็จ
และคะแนนสะสมของเขาก็มี 383 แต้ม ซึ่งทิ้งห่างระดับ 8 ไปไม่น้อย
ทว่าตอนนี้เอง สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ
อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับมาที่ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ท่านติดอันดับ 7 อีกแล้ว!”
“ยินดีด้วยศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”
…
ในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว เหล่าศิษย์ที่เห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาก็เร่งกล่าวแสดงความยินดีกันยกใหญ่ หลายคนยังงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตานับถือเลื่อมไสมากขึ้น
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนคราวนี้ดูเหมือนจะไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 7 ได้โดนไม่ร่วมมือกับผู้ใด…ช่างร้ายกาจนัก!”
“อย่างไรก็ตามหากเทียบกับซีเหมินฮ่าวซวน กงซุนอู๋จี๋แล้วประสบการณ์ของศิษย์พี่ดูเหมือนจะขาดไปอยู่บ้าง…หาไม่แล้วในเมื่อเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาพร้อมๆกัน อันดับคงไม่อยู่แค่ที่ 7 เช่นนี้”
“เหอะๆ เรื่องนี้มันต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์…แค่นี้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนก็ทำได้ดีมากแล้ว”
…
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายออกจากค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวไป ศิษย์ในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวก็เริ่มคุยกันอีกครั้ง
สำหรับสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนจะทำหลังกลับออกไปด้านนอก ไม่มีใครล่วงรู้เลย
การเคลื่อนย้ายกลับมาของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าทำให้ศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวให้ความสนใจไม่น้อย
ทว่าต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยผู้คนที่โร่เข้ามาถามเขาด้วยความกระตือรือร้นทั้งหลาย เพียงหันไปมองจ้องตารางงจัดอันดับที่อยู่ไม่ไกล
‘ซีเหมินฮ่าวซวนไต่มาถึงอันดับที่ 3 แล้ว ส่วนกงซุนอู๋จี๋นั่น…อันดับ 2 รึ?’
เมื่อเห็นอันดับของกงซุนอู๋จี๋ มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มแสยะขึ้นมา
‘ได้เวลาแล้ว…’
‘หากล่าช้าไปกว่านี้…เกิดมันอยู่ห่างเกินไป อาจจะย้อนกลับมาที่ค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงไม่ทัน’
ท่ามกลางสายตางุนงงสงสัยของเหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งออกมายืนนิ่งได้ไม่ทันไร ก็วูบร่างไปยังแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายใกล้ๆ และใช้งานมันเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้ง
ด้านเหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวในค่ายก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสายตาอื้ออึง ด้วยไม่เข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนที่พึ่งออกไป ไฉนถึงกลับมาเร็วนัก? เรียกว่าผายลมยังไม่ทันสิ้นกลิ่นด้วยซ้ำ…
และคราวนี้ไม่ทันที่พวกมันจะได้กล่าวถามอะไร ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายไปต่อหน้าต่อตาพวกมันทันที
หนึ่งวันต่อมา…
‘ค่ายคฤหาสน์ปี้ชิง’
ต้วนหลิงเทียนที่เร่งรุดเดินทางมาตามทิศทางที่ได้รับทราบจากศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ในที่สุดก็เดินทางมาถึงหน้าค่ายคฤหาสน์ปี้ชิงเรียบบร้อย
และเขายังเผยตัวออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่คิดจะซุ่มซ่อนใดๆ
จากนั้นสักพัก ก็มีศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงกำลังเหินร่างออกมาจากค่ายตามประสา
ซัวว!!
ทว่าพวกมันพึ่งจะออกมาได้ไม่ทันไร ความว่างเปล่าเบื้องหน้าก็แหวกเปิดเป็นทาง จากนั้นก็ปรากฏคมมีดมิติสีเทาหนึ่งพุ่งออกจากรอยแยกมิติฉับไว ซัดเข้ากลางอกของพวกมันจนทิ้งบาดแผลลึกชวนสยองเอาไว้
ซูว! ซูว!
สีหน้าท่าทีศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงทั้ง 2 เปลี่ยนไปใหญ่หลวง พวกมันขมึงตึงเครียดปานกำลังพบเจอศัตรูตัวฉกาจ ขณะเดียวกันแววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัวจับใจ
เพราะพวกมันรู้ดี
เมื่อครู่หากผู้ลงมือไร้ปราณี พวกมันคงตายเป็นผีโง่งมไปแล้ว!
ไฉนจึงกลายเป็นผีโง่งมน่ะหรือ?
เพราะจนบัดนี้พวกมันยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนเล่นงานพวกมัน!
วูบ!
เมื่อศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงกกำลังหวาดกลัวจับใจ ร่างของต้วนหลิงเทียนก็ผุดโผล่ขึ้นเบื้องหน้าพวกมันปานภูตผี
“ไสหัวกลับไปคฤหาสน์ปี้ชิงเสีย…ไม่งั้นตาย!”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องพวกมันตาเขม็ง กล่าวออกไปเสียงเย็น
“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน?!”
เมื่อได้ยินคำขู่เสียงเย็น รวมถึงแลเห็นป้ายที่ห้อยแขวนบิรเวณเอวของผู้มาใหม่ สีหน้าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงก็ยิ่งซีดไปกันใหญ่! พวกมันเร่งรุดเหินร่างกลัเข้าค่ายไปทันที!!
และถึงแม้เสียงขู่ของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่คนในค่ายของคฤหาสน์ปี้ชิงก็ได้ยินกันชัดเจน
จนเมื่อศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงทั้ง 2 หนีเตลิดกลับเข้ามาในค่าย ทุกคนที่ออกมาชมดูเรื่องราวก็เห็นต้วนหลิงเทียนลอยร่างดักอยู่หน้าค่าย!