มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1624

ในขณะที่ดื่มสุรา หลัวซิวก็ไม่ลืมที่จะฝึกตน เขาแทบทนไม่ไหวอยากจะทะลวงแดนเทพฟ้าอยู่แล้ว

หากผลการฝึกตนสามารถบรรลุถึงแดนเทพฟ้า ไม่เพียงแค่พลังการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอีกขั้นใหญ่ จะยังจะสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาจุดลมปราณในบทที่สองได้ เปิดสิบแปดจุดแขนขวา

เคล็ดแสงดาวเทียนเต้ากับเคล็ดวิชาจุดลมปราณสอดคล้องกัน ตามหลังแล้วน่าจะมีแดนเทพฟ้าตอนที่สอง เพียงแต่ตอนที่สองนั้นเขาหามันไม่เจอ ดังนั้นจึงไม่มีวิธีการหลัก ๆ ในการฝึกฝน

“หากว่าหาตอนที่สองของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าไม่พบ เช่นนั้นในแดนเทพมารข้าก็คงไม่สามารถบรรลุความบริบูรณ์ถึงขีดสุดอย่างในแดนเทพมารได้”

หลัวซิวมุ่งมั่นที่จะไล่ตามจุดสูงสุดของโลกยุทธ์ ไล่ตามความสมบูรณ์แบบถึงขีดสุดในทุก ๆ ก้าว ตอนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา

หากมีเบาะแสก็ยังดี ปัญหาก็คือเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าตอนที่สองนั้น ไม่มีเบาะแสใด ๆ อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

“เรื่องนั้นพักเอาไว้ก่อน ทุกปัญหาล้วนมีทางออก ข้าบรรลุถึงแดนเทพฟ้าก่อนแล้วค่อนว่า”

วางแก้วสุราลง หลัวซิวลุกขึ้นและจากไป ทะลวงแดนเทพฟ้านั้นเป็นเรื่องสำคัญ เขาต้องตามหาสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกตนทะลวงขั้น

โลกะอัมพรเทวนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่ขณะเดียวกันนั้นมีนักยุทธ์อยู่จำนวนมาก สถานที่ที่มีปราณทิพย์ฟ้าดินอันเข้มข้น ล้วนแล้วแต่มีเจ้าของอยู่แล้ว ถูกคนยึดครอง เปิดเป็นสำนัก หรือไม่ก็สร้างเป็นถ้ำ

เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องหาพื้นที่ที่มีปราณทิพย์ฟ้าดินอันเข้มข้นเพื่อทะลวงแดนใหญ่ เพราะตอนที่ทะลวงนั้นจะมีพลังแห่งฟ้าดินถ่ายเทเข้าสู่ร่างกาย อยู่ในพื้นที่ที่ปราณทิพย์ยิ่งหนาแน่น พลังแห่งฟ้าดินที่จะต้องถูกถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายก็จะยิ่งมากขึ้น สามารถผ่านช่วงเวลาที่อ่อนแอหลังจากการบรรลุขั้นไปได้เร็วยิ่งขึ้น

หลัวซิวไม่ได้มีความต้องการสูงนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยความเข้มข้นของปราณทิพย์ฟ้าดินก็ต้องอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ถึงจะได้ ขอเพียงปราณทิพย์ฟ้าดินมีความเข้มข้นเล็กน้อย เช่นนั้นเขาก็สามารถใช้แก้วเทวมาเติมเต็มในส่วนที่ไม่พอของปราณทิพย์ได้

แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่ที่ขาดแคลนปราณทิพย์นั้นต้องพูดกันอีกอย่าง หากต้องใช้หินเทวมากเกินไป ต่อให้เป็นหลัวซิวเองก็ไม่อยากจะสิ้นเปลืองไปง่าย ๆ แบบนั้น

ทันใดนั้น กระแสสัมผัสตัวสำนึกของหลัวซิวได้สัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของกฎอย่างรุนแรง ในระหว่างที่เขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว ก็ได้พบกับสภาพการณ์ที่อลหม่านวุ่นได้

มันคือการต่อสู้ระหว่างนักยุทธ์นับร้อยคน มีผู้คนแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝั่งหนึ่งโจมตี อีกฝั่งตั้งรับ

ฝ่ายที่ตั้งรับอยู่นั้นเป็นสำนักเล็ก ๆ สำนักหนึ่ง มีชื่อว่าสำนักไป๋หยุน ที่ตั้งของสำนักนั้น แม้ว่าอยู่ในโลกะอัมพรเทวจะไม่เรียกว่ารวบรวมไว้ด้วยปราณทิพย์ฟ้าดิน แต่หากจัดไว้ในโลกเสวียนเทียน นับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกตนอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน

นักยุทธ์ของฝ่ายที่โจมตีนั้นสวมชุดสีดำ บอกว่าเป็นนักยุทธ์จากปราสาทดาร์กเดวิล รอบตัวของพวกเขารายล้อมไปด้วยความดุร้ายอันแรงกล้า จะต้องเป็นพวกที่โหดเหี้มอำมหิต เข่นฆ่าชีวิตมามากมายอย่างแน่นอน

ยอดฝีมือของทั้งสองฝ่าย มีผลการฝึกตนในแดนราชาเทพขั้นปฐมภูมิ ผลการฝึกตนเช่นนี้ในโลกะอัมพรเทว สามารถประจำตำแหน่งในสำนักเล็ก ๆ ได้

หลัวซิวมองไปดู ก็มองออกแล้วว่าสำนักไป๋หยุนตกอยู่ในอันตราย เพราะปราสาทดาร์กเดวิลมีราชาเทพขึ้นปฐมภูมิอยู่สองคน คนหนึ่งราชาเทพขั้นหนึ่ง อีกคนราชาเทพขั้นสอง เจ้าสำนักของสำนักไป๋หยุนมีผลการฝึกตนที่แดนราชาเทพขั้นหนึ่ง ภายใต้การรุมโจมตีของทั้งสองคน ได้รับบาดเจ็บหนักเป็นที่เรียบร้อย ชีวิตตกอยู่ในอันตราย

“เขาไป๋หยุนสามารถให้ข้าใช้เพื่อทะลวงขั้นได้”

หลัวซิวได้กระจายตัวสำนึกออกไป สัมผัสได้ถึงปราณทิพย์ที่ค่อนข้างจะเข้มข้นของเขาไป๋หยุน รอยยิ้มบาง ๆ ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ได้เหาะลอยตัวขึ้น และมุ่งหน้าไปยังเขาไป๋หยุน

“ใครกัน? เรื่องของปราสาทดาร์กเดวิล ผู้ไม่เกี่ยวข้องถอยไป!”

การปรากฏตัวขึ้นของหลัวซิว เป็นธรรมดาที่จะดึงดูดความสนใจของทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ว่าสำนักไป๋หยุน แทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปใจ ยอดฝีมือจ้าวนภาผู้หนึ่งของปราสาทดาร์กเดวิลได้ลอยเหาะเข้ามา ขวางทางของหลัวซิวเอาไว้

“ข้าถูกใจเขาทิพย์แห่งนี้เข้า พวกเจ้าจากไปเสียเถอะ”

หลัวซิวชี้ไปที่เขาสำนักของสำนักไป๋หยุน และกล่าวด้วยสีหน้าเรียบ ๆ