“แกร็ก!”

โล่ที่ชายชราผมเทาป้องกันร่างกายแตกสลาย สีหน้าสะพรึงกลัวถูกเผยออกมา ในตอนที่กำลังจะล่าถอย กลับรู้สึกถึงปริภูมิรอบกายถูกคุมขัง ,ประกอบกับเวลาค่อย ๆ ชะลอช้าลง ท่วงท่าเหมือนกำลังติดอยู่ในหล่ม

“กฎห้วงเวลา?”

ครั้งนี้ ชายชราผมเทาหวาดกลัวโดยสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าตนจะได้พบเจอกับราชาเทพที่เชี่ยวชาญกฎห้วงเวลา!

ตามที่เขาได้รู้มา ทั่วทั้งภายในโลกะอัมพรเทว ไม่มีผู้แข็งแกร่งสักคนที่เชี่ยวชาญกฎห้วงเวลา คนผู้นี้มาจากที่ใดกันแน่?

สีหน้าของหลัวซิวเย็นชา ฝ่ามือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด ครอบร่างของชายชราผมเทาให้จมลง

ภายใต้การหมุนเวียนของวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด การปะทะกันของสองสุดยอดกฎชีวิตและความตาย กำเนิดเป็นพลังทำลายล้างสรรพสิ่ง เพียงพริบตาก็บดขยี้ให้ร่างกายของชายชราผมเทากลายเป็นเถ้าธุลี ผลการฝึกตนและพลังชีวิตทั้งหมดของเขาถูกวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดบังคับดูดกลืนกลั่นแปรและผสานเข้าไปภายในร่างกายของหลัวซิว

พลังออร่าบนร่างของเขาพุ่งสูงขึ้น ภายใต้การปะทะกันของผลการฝึกตน ประตูแห่งกฎเกณฑ์ระหว่างเทพมารและเทพฟ้า เผยร่องรอยของความไม่มั่นคงออกมา

ดูดกลืนกลั่นแปรผลการฝึกตนและพลังชีวิตของผู้แข็งแกร่งราชาเทพผู้หนึ่งโดยตรง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่า เมื่อเทียบกับการดูดซับแก้วเทวสิบล้านชิ้น

นัยน์ตาของหลัวซิวเปล่งประกายเยือกเย็น วินาทีนั้นเอง ตัวสำนึกก็ตรึงไปยังราชาเทพทั้งสองของปราสาทดาร์กเดวิล

ในวินาทีที่เห็นชายชราผมเทาถูกฆ่าตาย ราชาเทพทั้งสองรวมถึงศิษย์ของชายชราผมก็หวาดผวาถึงขีดสุดอยู่แล้ว ความคิดแรกคือต้องสำแดงวิชาซ่อนตัว หมายว่าจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้

“ตรึง!”

หลัวซิวยกนิ้วขึ้นชี้ ราชาเทพทั้งสองของปราสาทดาร์กเดวิลที่ได้หนีไปไกลกว่าสิบลี้แล้วนั้น ร่างกายก็พลันถูกตรึงเอาไว้กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย

นี่คือพลังอมตะตรึงร่าง เป็นพลังอมตะที่หลัวซิวใช้กฎสองประเภทคือเวลาและปริภูมิเป็นฐาน และใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปก่อกำเนิดมันขึ้นมา

พลังอมตะประเภทนี้สำหรับผู้ที่มีแดนกฎสูงกว่าตนนั้นผลลัพธ์มีไม่มาก แต่สำหรับผู้ที่มีแดนกฎเท่ากับตนหรือว่าต่ำกว่าตน มันกลับเป็นการบดขยี้และควบคุมอย่างสมบูรณ์

“ตาย!”

เขาเหลือบมองไปที่นักยุทธ์หนุ่มที่บินหนีไปอย่างสิ้นหวัง คำพูดของเขาก็ไม่ต่างกับกฎแห่งฟ้าดิน ศิษย์ผู้นั้นของชายชราผมเทากรีดร้องโหยหวน ร่างกายระเบิดออกกลายเป็นละอองเลือด

สำหรับหลัวซิวในวันนี้ นักยุทธ์ที่แดนต่ำกว่าราชาเทพ สังหารได้ง่ายดายราวกับบี้มดสักตัวอย่างไรอย่างนั้น

ฉากนี้ ฉายอยู่ภายในสายตาของเจ้าสำนักไป่หยุน เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากกว่าฉากที่ทำให้ปราสาทดาร์กเดวิลตกใจจนถอยทัพออกไปในวันหนั้นหลายสิบหลายร้อยเท่า

ชายชราผมเทาผู้นั้น เขาเคยได้ยินมาก่อน เป็นถึงยอดฝีมือที่ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดท่ามกลางผู้บำเพ็ญตนอิสระ ผลการฝึกตนบรรลุถึงราชาเทพช่วงปลาย

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นชายชราผมเทา เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งลึกลับผู้นี้กลับต้านเอาไว้ได้เพียงไม่กี่ครั้งและถูกฆ่าตายในที่สุด คำพูดและการกระทำของเขาราวกับกฎ ราวกับผู้ครอบครองฟ้าดิน ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความลึกลับที่ไม่อาจคาดเดาได้

กระทั่งเจ้าสำนักไป่หยุนยังคิดว่า บางทีคนผู้นี้อาจจะเป็นมกุฎเทพ?

แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็ไม่น่าเป็นไปได้ ถึงอย่างไรมกุฎเทพก็คือการดำรงอยู่ ณ จุดสูงสุดของโลกะอัมพรเทวขั้นสูง แล้วเหตุใดจึงได้มายังเขาไป่หยุน สถานที่ที่ขาดแคลนปราณทิพย์เพื่อฝึกตน?

แต่สิ่งที่เจ้าสำนักไป่หยุนสามารถแน่ใจได้ก็คือ ผู้แข็งแกร่งลึกลับผู้นี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้แข็งแกร่งสูงสุดท่ามกลางราชาเทพช่วงปลายเป็นแน่ มีคนผู้นี้อยู่ สำนักไป่หยุนก็ไม่ต้องกังวลใจอีกว่าจะมีผู้ใดเข้ามาโจมตี

ราชาเทพช่วงปลายหนึ่งคน ราชาเทพช่วงต้นสองคน ผลการฝึกตนและพลังชีวีดั้งเดิมของราชาเทพทั้งสามต่างถูกหลัวซิวใช้วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดแย่งชิงและดูดกลืนจนสิ้น กลั่นแปรกลายเป็นเวทย์ผลการฝึกตน ทั้งหมดล้วนถูกเขานำมาใช้เพื่อทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์

แดนเทพมาร คือจุดเริ่มต้นในที่นักยุทธ์ตระหนักรู้กฎดั้งเดิมเพื่อออกจากวิถีของตนเอง เป็นเทพ หรือเป็นมาร ตัดสินด้วยจิตใจดวงเดียว

ส่วนแดนเทพฟ้า เติมคำว่าฟ้าลงไปก่อนหน้าเทพมาร คือแหล่งต้นน้ำของหนึ่งแดนใหญ่ เข้าใจกฎฟ้าดินในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ยืนอยู่บนท้องฟ้า ก้มลงมองเทพมาร!

ว่ากันว่า ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อบรรลุเทพฟ้า ตัวหยั่งรู้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง หลอมรวมเข้ากับวิถียุทธ์ของตน กลายเป็นวังอัมพรแห่งหนึ่ง!