บทที่ 2139 กำลังจะเรียนจบ + ตอนที่ 2140 ฉีฉีเก๋อรีบแต่งงาน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2139 กำลังจะเรียนจบ

 เป็นอีกหนึ่งปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยกำลังจะสิ้นสุดลง ภาคเรียนสุดท้ายเพื่อนร่วมชั้นต่างเริ่มยุ่งมากขึ้น บ้างก็ยุ่งหางาน บ้างก็ยุ่งสอบเข้าเรียนปริญญาโท บ้างก็ใช้เส้นสาย บ้างก็เลิกรากันไป…

รั้วมหาวิทยาลัยที่เงียบสงบ เนื่องด้วยฤดูกาลรับปริญญาที่กำลังจะมาถึงทำให้ผู้คนต่างจิตใจล่องลอย ต่างไปจากเดิมที่ครึกครื้นราวกับละครฉากเศร้า

“ฉีฉีเก๋อ หลังจากเรียนจบเธอกับพี่ฉางจะอยู่ที่เมืองหลวงต่อไหม?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามไถ่

“ต้องอยู่ต่อสิ หรือจะให้พวกเราเป็นเหมือนหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า[1]หรือไง!” ฉีฉีเก๋อมองเธออย่างระอาพร้อมตอกกลับไปอย่างโมโห

ฉางชิงซงเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เป็นศิลปินของสตูดิโอภาพยนตร์จิงตู ว่ากันว่าทำงานได้ไม่เลว มีส่วนร่วมในการผลิตภาพยนตร์หลายเรื่อง นับว่าการงานมั่นคงอยู่บ้าง

“แล้วงานของเธอติดต่อเรียบร้อยหรือยัง?” เหมยเหมยถาม

ปีนี้เธอยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อน ๆเลย เนื่องจากปีนี้ถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ไปแล้ว 5 ซีซั่น และปิดฉากจบลงอย่างสมบูรณ์ เรตติ้งของซีซั่นแรกพุ่งทะยานขึ้นสู่คะแนนสูงสุดของละครโทรทัศน์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา และเกรงว่าในระยะนี้คงยากที่จะมีคนเอาชนะได้

เนื่องจากเจ้าหญิงอัปลักษณ์ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ในปีนี้ละครรักวัยรุ่นที่สร้างแรงบันดาลใจคล้าย ๆกันก็ค่อย ๆปรากฏขึ้นทีละเรื่อง บ้างก็สรรค์สร้างด้วยใจรัก บ้างก็ทำสุกเอาเผากินเหมือนเรื่องซินเดอเรลล่าของอู่เจิ้งซือ แม้แต่ความน่าสนใจในการรับชมของผู้ชมก็ยังไม่เป็นที่เอ่ยถึงเลย

กล่าวได้ว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นผลงานบุกเบิกของละครวัยรุ่นรักใส ๆในเมืองหลวงเลยก็ว่าได้ ทั้งยังเชื่อว่าอีกหลายปีต่อมาคงมีแต่คนลอกเลียนแบบแต่ไม่มีทางแซงนำลิ่วได้อย่างแน่นอน

เพราะพระเอกของละครเรื่องนี้คือหานจื่อจวิน ซึ่งเป็นไปได้มากที่จะไม่ได้เห็นเขาในละครจอเล็กแบบนี้อีก เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นละครทีวีเรื่องแรกของเขาและก็ถือว่าเป็นละครเรื่องสุดท้ายของเขาเช่นกัน

แค่จุดนี้ก็ทำให้ละครประเภทเดียวกันนั้นยากที่จะเอาชนะได้แล้ว

มีละครวัยรุ่นรักใส ๆเรื่องไหนบ้างที่จะสามารถเชิญเทพบุตรรุ่นใหญ่อย่างหานจื่อจวินมาได้?

ไม่มีอีกแล้วล่ะ!

ส่วนนางเอกสาวโจวซิงเอ๋อร์ เนื่องจากการแสดงที่สมบทบาทของตัวละครเรื่องนี้จึงทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกจนกลายเป็นนางเอกหน้าใหม่แห่งยุคสมัยใหม่ มีงานต่าง ๆทยอยเข้ามาไม่ขาดสายยาวเหยียดไปอีกสองปี

แต่โจวซิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงสุขุมที่มีความคิดเป็นของตัวเองจึงไม่ถูกฟองสบู่ตรงหน้ามอมเมาจนลุ่มหลง เธอแค่ออกงานกิจกรรมโปรโมทเจ้าหญิงอัปลักษณ์เท่านั้น ส่วนงานนอกเธอก็คัดสรรเข้าร่วมเฉพาะบางงาน เวลาที่เหลือก็ตั้งใจเรียนเหมือนเด็กนักเรียนทั่ว ๆไป เข้าเรียนทุกวัน แต่งกายเรียบง่าย เหมือนกับฟองน้ำทะเลที่คอยดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการเรียนรู้

เหมยเหมยพึงพอใจต่อท่าทีของโจวซิงเอ๋อร์ในตอนนี้มาก แสดงให้เห็นว่าโจวซิงเอ๋อร์เป็นคนมองการณ์ไกล ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มองตื้น ๆเพียงปลายจมูก

แม้ว่าความนิยมจะจางหายไปในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ว่าจะอาชีพไหนขอแค่อดทนต่อความโดดเดี่ยวได้ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แถมโจวซิงเอ๋อร์อายุยังน้อยหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก!

ตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะพัฒนาที่สุดคือความสามารถในการแสดง วางรากฐานให้ดี เช่นนั้นแล้วหนทางข้างหน้าถึงจะมั่นคงและไปได้ไกลกว่านี้!

ยุ่งมาตลอดทั้งปีตอนนี้เพิ่งจะได้พัก

ฉีฉีเก๋อยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ฉันไม่หางานทำแล้ว ฉันจะเป็นศิลปินอิสระ รุ่นพี่ฉางมักจะออกไปตามสถานที่ต่าง ๆกับทีมงานอยู่บ่อยครั้ง ฉันก็จะตามไปกับเขาด้วย ทุก ๆที่ก็คือบ้านของเรา!”

เหมยเมหยไม่แปลกใจเลยที่เธอตัดสินใจเช่นนี้ ฉีฉีเก๋อไม่ชอบการผูกมัด หากให้เธอไปนั่งทำงานแปดชั่วโมงทุกวัน เกรงว่าเธอจะอกแตกตายเสียก่อน

ถึงอย่างไรทางบ้านของเธอก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินสักหน่อย เอาที่เธอสบายใจเลยแล้วกัน!

“เออใช่ หลังเรียนจบฉันกับรุ่นพี่ฉางจะไปจดทะเบียนสมรสกัน เราจะไปจัดงานมงคลที่บ้านเกิดของเขา จากนั้นค่อยกลับไปที่ทุ่งหญ้า ในเมืองหลวงคงไม่จัดแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นค่อยมาร่วมโต๊ะทานข้าวดื่มฉลองด้วยกันนะ!”

ฉีฉีเก๋อเผยคำพูดชวนตะลึงออกมา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและเหมยเหมยตกใจยกใหญ่ จู่ ๆนึกอยากจะแต่งก็แต่งเลยเหรอ?

……………………………………………………………

ตอนที่ 2140 ฉีฉีเก๋อรีบแต่งงาน

 “ตอนนี้เหลืออีกแค่สองเดือนก็จะเรียนจบแล้ว นี่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลยนะ เธอนี่มันจริง ๆเลย!”

ฉีฉีเก๋อหัวเราะร่า “มีอะไรให้ต้องเตรียมล่ะ ขอแค่มีฉันกับรุ่นพี่ฉางอยู่ มีพวกเธออยู่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ผู้หญิงแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิต ฉะนั้นจะทำแบบสุกเอาเผากินไม่ได้

“ไม่ได้ พวกเธอกลับไปจัดที่บ้านเกิดพวกฉันคงยุ่งไม่ได้ แต่ในเมืองหลวงจะทำแบบลวก ๆไม่ได้ อย่างไรเสียงานแต่งก็ต้องจัด กว่าเธอจะได้แต่งงานมันไม่ง่ายเลยนะ อย่างน้อยต้องใส่ชุดแต่งงานบ้างล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตีหน้านิ่งสั่งสอน และเริ่มรู้สึกไม่พอใจต่อฉางชิงซง

ต่อให้สภาพการเงินไม่เอื้ออำนวย แต่จัดงานแบบง่าย ๆก็ได้นี่นา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสำคัญของพิธีกรรมนี้ แต่ไม่ใช่ฉากบังหน้าที่สวยงาม

แต่ฉางชิงซงกลับคิดที่จะกินข้าวมื้อหนึ่งดื่มเหล้ามื้อหนึ่งก็จบสิ้นกันไป ช่างไม่ใส่ใจอะไรเลยจริง ๆ!

ฉีฉีเก๋อได้ฟังตอนแรกยังรู้สึกตื้นตันใจ แต่พอฟัง ๆไปกลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงเบิกตากว้าง

“กว่าฉันจะได้แต่งงานมันไม่ง่ายเลยหมายความว่าไง ในบรรดาพวกเราสามคนฉันเป็นคนแรกที่แต่งงานนะ แถมตอนที่อยู่ทุ่งหญ้า ไม่เห็นหรือไงว่ามีชายหนุ่มตั้งมากมายอยากจะขอฉันแต่งงาน เพียงแต่ฉันไม่ได้ชอบพวกเขาเท่านั้นเอง!”

เหมยเหมยยกยิ้มมุมปาก คำพูดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนี่ทำให้คนเกลียดได้จริง ๆ!

“รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในทุ่งหญ้าแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็พูดถูก งานแต่งควรจัด งานแต่งงานครั้งแรกในชีวิตจะจัดแบบลวก ๆไม่ได้เด็ดขาด งั้นเอาแบบนี้งานแต่งงานของเธอในเมืองหลวงให้ฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนจัดการแล้วกันนะ เธอกับฉางชิงซงเลือกวันมาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ แค่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวก็พอ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยสมทบ “ใช่ ฉันเองก็หมายความแบบนี้ ฉันกับเหมยเหมยจะรับผิดชอบงานแต่งแทนเธอเอง ถึงเวลานั้นจะต้องทำให้เธอเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลย!”

ฉีฉีเก๋อขอบตาแดงก่ำ สิ่งล้ำค่าและยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบสี่ปีที่เธอได้รับในรั้วมหาวิทยาลัย นอกจากฉางชิงซงแล้วก็คือสองเพื่อนรักนี่แหละ!

“งั้นฉันกลับไปปรึกษากับฉางชิงซงก่อนนะ…”

“ปรึกษาบ้าอะไรอีก เอาตามนี้แหละ เธอไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นเพราะฉันจะตัดสินใจแทนเธอเอง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบโต๊ะอย่างแรง ลักษณะท่าทีคล้ายคลึงกับพี่ใหญ่มาก

เหมยเหมยเองก็ช่วยพูดเกลี้ยกล่อม “เธอบอกฉางชิงซงก็พอ บอกว่าฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำให้เธอเป็นของขวัญ”

“อื้ม มีพวกเธออยู่นี่ดีจัง…”

ฉีฉีเก๋อเอ่ยติดสะอื้น

มีผู้หญิงคนไหนบ้างละที่จะไม่อยากมีงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการ เธอเองก็ไม่ต่างกัน

แต่ฐานะทางบ้านของฉางชิงซงไม่ค่อยดี แม้ว่าพ่อและแม่ของเขาจะมีงานทั้งคู่ แต่เมื่อปีที่แล้วแม่ของเขาถูกไล่ออกจากงานและได้รับค่าครองชีพเก้าสิบหยวนต่อเดือน สิทธิประโยชน์ในตำแหน่งงานของพ่อเขาก็ไม่ค่อยดี เงินเก้าร้อยหยวนต่อเดือน แถมยังจ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลาอีก

ในครอบครัวยังมีน้องสาวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เงินเดือนส่วนมากของฉางชิงซงล้วนส่งกลับไปให้ที่บ้าน เขาเองก็มักจะหางานนอกทำเพิ่มถึงจะเพียงพอเลี้ยงชีพได้

ตัวเธอไม่ขาดแคลนเรื่องเงินและอยากช่วยเหลือฉางชิงซงด้วย แต่ผู้ชายก็มีศักดิ์ศรี ฉีฉีเก๋อพบว่าฉางชิงซงไม่ค่อยชอบใจต่อการช่วยเหลือของฉีฉีเก๋อ เธอจึงทำได้แค่นำเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของ เช่นพวกสี แปรง เสื้อผ้า ของบำรุงต่าง ๆ

ส่วนเรื่องที่จะไม่จัดงานแต่งงานในเมืองหลวงฉีฉีเก๋อก็เป็นคนเสนอเอง เธอไม่อยากให้ฉางชิงซงลำบากใจ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอจงใจบอกว่าไม่สนใจพิธีรีตอง ขอแค่พวกเธอสองคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว!

แต่ฉีฉีเก๋อกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก

เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนรักจึงได้ระบายมันออกมา

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นเป็นปมพลันเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ยังไม่ทันแต่งงานก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าแต่งงานไปแล้วจะทำอย่างไร?

หย่าร้างงั้นเหรอ?

“ฉีฉีเก๋อ ที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องรีบแต่งงานหรอก ทำไมไม่รอให้ฉางชิงซงมั่นคงก่อนแล้วค่อยแต่งล่ะ?” เหมยเหมยพูดอ้อมค้อม

………………………………………………………….

[1] เป็นหนึ่งในนิทานพื้นบ้านของจีน และยังเป็นตำนานความรักที่เป็นที่มาของเทศกาลชีซี หรือวันวาเลนไทน์จีน