เส้นสีทองเส้นหนึ่งตัดทะลุเวิ้งฟ้า ฉายส่องท้องฟ้าเหนือสมรภูมิเก้าดินแดน

ผู้แข็งแกร่งที่พกป้ายคำสั่งเซียนเหินล้วนเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด ประหนึ่งถูกพลังลึกลับจับจ้อง

เปรี้ยง!

เสียงสัทครรลองมหามรรคดั่งอสนีบาตดังสะเทือนไปทั้งท้องนภา ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่กระจายตัวอยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดนต่างตื่นตกใจในชั่วขณะนี้

“มาแล้ว!”

“สมรภูมิเซียนเหินจะเปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ใครจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของเก้าดินแดนกัน”

“แน่ใจได้เลยว่าหลินสวินนั่นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

“การชิงชัยอันหาได้ยากเช่นนี้ แต่พวกเรากลับเข้าร่วมไม่ได้ เป็นความเสียใจครั้งใหญ่ไปชั่วชีวิตจริงๆ”

เสียงต่างๆ ดังขึ้น สายตานับไม่ถ้วนพากันมองไปเหนือท้องฟ้า

ก็เห็นว่าที่มาพร้อมกับเสียงมรรคคือไอขุ่นมัวตลบอบอวล สะท้อนเงาโลกลึกลับสุดหยั่งแห่งหนึ่งให้พอเห็นได้รำไร ดึงดูดให้ทุกคนจินตนาการ

ทันใดนั้นก็เห็นว่ากลางเงาโลกอันลึกลับนั้น รุ้งเทพสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา โรยตัวจากท้องฟ้าสู่พื้นที่ต่างๆ ในสมรภูมิเก้าดินแดน

มีรุ้งเทพสามสายในนั้นพุ่งไปยังเมืองอารักษ์มรรคโลกรกร้างโบราณด้วย อาบชโลมหลินสวินไว้ภายใน

แทบจะในขณะเดียวกัน หลินสวินรวมถึงเสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนที่จำศีลอยู่ในจิตรับรู้ของเขาต่างจิตใจสั่นระรัว จากนั้นร่างกายก็เหมือนสูญเสียการควบคุม ถูกพลังของรุ้งเทพนั้นเหนี่ยวนำทะลวงเมฆขึ้นไป

เหนือกำแพงเมือง เนตรดาราของจ้าวจิ่งเซวียนจับจ้องเงาร่างที่จากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ พึมพำในใจว่า ‘เจ้าต้องรอดชีวิตกลับมาให้ข้านะ…’

‘พี่หลิน รักษาตัวด้วย!’

ในเมืองอารักษ์มรรค ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณนับไม่ถ้วนภาวนาเงียบๆ ในใจ

ขณะเดียวกันในโลกขุมอุดร เหล่ามกุฎอริยะอย่างคุนเซ่าอวี่ ชืออู๋ซู่ จู้อิ้งคง เซวี่ยชิงอีก็ต่างทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างต่อเนื่อง

วันนี้สมรภูมิเซียนเหินมาเยือน ทุกคนที่พกป้ายคำสั่งเซียนเหินต่างถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในนั้น ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งเก้าดินแดน

มีเพียงพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ไม่ได้พกป้ายคำสั่งเซียนเหินไว้กับตัว จึงไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายพาตัวไปด้วย

และวันนี้เอง ในค่ายทัพแปดดินแดนผู้แข็งแกร่งมารวมตัวกันเหมือนกระแสน้ำ โถมคำรามไปยังที่เดียวกัน

เสียงแตรสัญญาณไร้ขอบเขต ไอพิฆาตพุ่งทะลุเมฆา ทำลายบรรยากาศที่เดิมเงียบสงบเกือบครึ่งปีลงโดยสมบูรณ์

กองทัพแปดดินแดนรวมทัพ มุ่งไปยังโลกรกร้างโบราณ!

ในขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณทุกคนต่างอารักขาในเมือง ดำเนินการป้องกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้การกำกับของเหล่ามกุฎอริยะอย่างเซ่าเฮ่า รั่วอู่

ชั่วขณะเดียวฟ้าดินสะท้าน ไอสังหารตลบอบอวลไปทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน

…..

สมรภูมิเซียนเหิน

ที่นี่เป็นโลกลึกลับแห่งหนึ่ง ลือกันว่าที่นี่มีปริศนาเซียนเหินฝังไว้ หากได้ล่วงรู้ก็จะแจ้งมรรคบรรลุเซียน!

แต่ตั้งแต่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรกจวบจนตอนนี้ ก็ยังไม่มีสักคนที่ได้ปริศนาเซียนเหินไป ส่งผลให้ข่าวลือนี้ยิ่งเหมือนคำพูดโคมลอยอันคลุมเครือ

ทว่าหลินสวินกลับรู้ดี ภายในสมรภูมิเซียนเหินมีสัตว์ประหลาดน่าหวาดหวั่นที่ถูกมองเป็น ‘วิญญาณเซียนเหิน’ อยู่

แต่ละตนล้วนมีพลังต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่ามกุฎอริยะ อีกทั้งยังมีจำนวนมหาศาล พบได้ทุกแห่งในสมรภูมิเซียนเหิน

กล่าวอย่างไม่เกินเลย ต่อให้คนอื่นมีโอกาสเข้าสมรภูมิเซียนเหิน แต่หากไม่มีพลังระดับมกุฎอริยะ มาแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

ตั้งแต่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรกเริ่มขึ้น สมรภูมิเซียนเหินก็ถูกมองเป็นสมรภูมิแห่งการชิงความเป็นหนึ่งระหว่างบุคคลชั้นยอดของเก้าดินแดน

ใครมีความสามารถกำราบหมู่ผู้กล้า ผงาดผยองไร้ศัตรู ผู้นั้นก็จะกลายเป็นอริยะแท้อันดับหนึ่งของเก้าดินแดน!

เมื่อหลินสวินเข้าไปในสมรภูมิเซียนเหิน สิ่งแรกที่เห็นคือทะเลกระดูกผืนหนึ่ง

โครงกระดูกสีขาวหนาแน่นกองสะสมไปทั้งแถบ ประหนึ่งทะเลไร้ขอบเขต จำนวนโครงกระดูกมากมายที่ลอยอยู่ภายในนั้น เพียงพอจะทำให้ศีรษะชาหนึบ

ฟ้าดินแห่งนี้หม่นมัว ในอากาศตลบอบอวลด้วยกลิ่นอายอึมครึมมืดมนอันน่าหดหู่ที่กดข่ม มหาสมุทรที่สร้างขึ้นจากโครงกระดูกขาวกองสุมนั้นย้อมที่นี่ให้เป็นเหมือนแดนผีแห่งหนึ่ง ไม่เหมือนโลกมนุษย์!

‘ทะเลทิ้งกระดูก…’

หลินสวินนิ่วหน้า ชั่วพริบตาก็ระบุตำแหน่งที่ตนอยู่ได้

ในสมรภูมิเซียนเหิน ทะเลทิ้งกระดูกเป็นพื้นที่มหาเคราะห์แห่งหนึ่ง ภายในโครงกระดูกที่ทับถมซ่อนวิญญาณเซียนเหินไว้ไม่รู้เท่าไร!

หลินสวินมองไปโดยรอบ ก็เห็นว่าหากใช้ตนเป็นศูนย์กลาง สีทิศแปดด้านถึงกับเป็นผืนทะเลสีขาวโพลนที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

“นายท่าน ข้ารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายที่นี่พิสดารนัก ออกไปเร็วๆ ดีกว่า”

เสี่ยวอิ๋นเคลื่อนตัวออกมา แววครัดเคร่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กหล่อเหลา บนไหล่เขาผีเสื้อมารแยกฟ้าหุบปีกลงยืนสงบนิ่ง

“ก็ดี”

หลินสวินเลือกทางหนึ่ง กำลังเตรียมตัวจะไป แต่ก็ในตอนนี้เองที่ทะเลกระดูกขาวเบื้องล่างพลันปั่นป่วน ส่งเสียงครึกโครม

โครงกระดูกขาวเปล่าเปลือยสวมชุดเกราะพังๆ ร่างหนึ่งแผ่ไอพิฆาตสะท้านฟ้าออกมาทั้งร่าง

โครงกระดูกนี้ถือกระบี่หักที่มีรอยสนิมกระดำกระด่างเล่มหนึ่ง ยามเดินกลางอากาศถึงกับทำให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความสง่างามราวผู้ฝึกกระบี่แห่งยุค

“ฆ่า!”

มันทะลวงอากาศมา ไอพิฆาตม้วนตลบฟ้าดิน กระบี่หักแผ่แสงสีเทาหม่นออกมา ตัดห้วงอากาศให้แยกออกจากกัน ดุดันหาใดเทียบ

วิญญาณเซียนเหิน!

เสี่ยวอิ๋นพลันส่งเสียงหึหยัน กระโจนไปรับหน้าทันควัน

“เฉือน!”

กระบี่เทพโปร่งแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นในมือเสี่ยวอิ๋น โฉบผ่านร่างวิญญาณเซียนเหินตนนั้นทันใด

โครม!

โครงกระดูกวิญญาณเซียนเหินพลันกระจัดกระจาย

ริมฝีปากเสี่ยวอิ๋นปรากฏแววถากถาง “อ่อนแอ”

แต่พอเสียงพูดเงียบลง ดวงตาเขาก็หดเกร็ง โครงกระดูกกระจัดกระจายนั้นดันรวมตัวกันใหม่อีกครั้ง คืนสภาพดังเก่า

จากนั้นวิญญาณเซียนเหินนั่นก็บุกเข้ามาอีกครั้ง!

ต่อให้เป็นหลินสวินยังผิดคาดอย่างเลี่ยงไม่ได้ เผยสีหน้าตกตะลึง วิญญาณเซียนเหินนี้ไม่ธรรมดาดังคาด ไอพิฆาตพันไปทั้งตัว แม้ร่างกายจะพัง แต่ขอเพียงไอพิฆาตพิสดารนั้นไม่มลายไป ไม่นานก็จะฟื้นขึ้นมาอีก

“เฉือน!”

ใบหน้าเล็กหล่อเหลาของเสี่ยวอิ๋นเย็นชา เข้าประจัญบานอีกครั้ง

คราวนี้เขาเปลี่ยนกลยุทธ์ สังหารไอพิฆาตที่ปกคลุมรอบวิญญาณเซียนเหินนั้น

จนกระทั่งประกอบร่างกลับมาเป็นร้อยครั้ง วิญญาณเซียนเหินนี้จึงจะถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์ ซากกระดูกไม่ดำรงอยู่ แม้แต่กระบี่หักยังถูกสลายกลายเป็นจุน

ในขณะเดียวกันชะตามรรคผลงานรบปรากฏขึ้นในป้ายคำสั่งเซียนเหินที่อยู่กับตัวเสี่ยวอิ๋น ป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นนี้เดิมก็เป็นของหลินสวิน เพียงมอบให้เสี่ยวอิ๋นพกไว้เท่านั้น

เช่นเดียวกัน ผีเสื้อมารแยกฟ้าก็มีป้ายคำสั่งเซียนเหินอยู่กับกับตัว ชิ้นที่เดิมเป็นของเจี้ยนชิงเฉิน

ส่วนป้ายคำสั่งเซียนเหินที่หลินสวินพกไว้มาจากแม่นางอาหู

“เจ้าของเล่นนี้ไม่เพียงพลังต่อสู้แข็งแกร่ง ยังฆ่ายากกว่ามกุฎอริยะทั่วไปเสียอีก”

เสี่ยวอิ๋นนิ่วหน้า “ตัวเดียวยังพอว่า ถ้าปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ก็ยุ่งยากแล้ว…”

ครู่ต่อมาเสี่ยวอิ๋นก็อึ้งไป เห็นว่าวิญญาณเซียนเหินตนแล้วตนเล่าพุ่งออกมาจากในทะเลกระดูกขาวสี่ทิศแปดด้าน

ทุกตนต่างหักพัง บ้างเป็นร่างคน บางเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ประหลาดต่างๆ พิสดารร้อยแปด มีมากกว่าหลายสิบตน

“ปากเสีย”

ผีเสื้อมารแยกฟ้าบินขึ้นอย่างว่องไว ทั้งร่างแผ่พลานุภาพคับฟ้า

“ข้าจะไปคิดได้อย่างไรว่าคราวนี้จะโชคดีขนาดนี้เสียได้…”

เสี่ยวอิ๋นจนคำพูดไปครู่หนึ่ง

“รีบไปเถอะ”

หลินสวินส่ายหัว พาทั้งสองกระโจนไปข้างหน้า

วิญญาณเซียนเหินฝูงหนึ่งพุ่งมา ไอสังหารพลุ่งพล่าน

หลินสวินไม่หลบไม่หนี ปราณกระบี่เจิดจ้าพลันผุดออกมาจากร่างราวกระแสน้ำซัดสาดรุนแรง ปกคลุมไปทั่วทิศ

ปึงๆๆ!

ก็เห็นว่าทุกทิศวิญญาณเซียนเหินตนแล้วตนเล่าระเบิดออก ถูกปราณกระบี่ดุดันหาใดเทียบบดทำลาย แม้แต่เศษซากยังไม่เหลือ

ในขณะเดียวกันป้ายคำสั่งเซียนเหินที่อยู่กับตัวหลินสวินพลันมีชะตามรรคผลงานรบเพิ่มขึ้นมาสิบเก้าสาย

“ยังเป็นนายท่านที่โหดร้ายทารุณ!”

เสี่ยวอิ๋นสีหน้าเลื่อมใส

หลินสวินเขกหัวเสี่ยวอิ๋น พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ชมไม่เป็นก็อย่าชม! โหดร้ายทารุณหรือ ข้าเหมือนคนแบบนั้นหรือ”

เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนพากันพยักหน้า “เหมือน”

หลินสวินเริงร่าอย่างอดไม่อยู่

ระหว่างสนทนาพวกเขาพุ่งดิ่งไปข้างหน้า หลินสวินจงใจผ่อนความเร็ว หมายจะลองเชิงพลังต่อสู้ของวิญญาณเซียนเหินเหล่านั้น

ก็พบว่าระหว่างทางวิญญาณเซียนเหินตนแล้วตนเล่าพุ่งออกมา ทุกตนไอพิฆาตทะลวงฟ้า กลิ่นอายแข็งกล้าจนน่ากลัว

ทว่ายังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวิน ก็ถูกปราณกระบี่ไท่เสวียนที่ซัดออกมาสายแล้วสายเล่ากำจัดพินาศยับเยิน ไม่อาจสร้างอุปสรรคใดๆ ได้

นี่ทำให้หลินสวินออกจะใจเต้นอย่างอดไม่ได้ หากอยู่ที่ทะเลทิ้งกระดูกแห่งนี้ เกรงว่าไม่ถึงวันก็เก็บรวบรวมชะตามรรคผลงานรบได้พันสายแล้วกระมัง

พอคิดถึงตรงนี้แสงโลหิตบาดตาหาใดเทียบสายหนึ่งก็พลันพุ่งออกมาจากทะเลกระดูกขาวที่อยู่ไม่ไกล ซากกระดูกแน่นขนัดในบริเวณใกล้เคียงกลับมามีชีวิต ทะยานขึ้นฟ้าฟึ่บๆๆ กองสุมทับซ้อนกัน

ชั่วพริบตาเท่านั้น ‘ยักษ์’ ที่สูงถึงพันจั้ง ก่อขึ้นจากกระดูกขาวนับไม่ถ้วนตนหนึ่งปรากฏตัวกลางฟ้าดิน เหมือนวิญญาณเทพดึกดำบรรพ์แท้ๆ เพียงแค่นัยน์ตายังใหญ่กว่าทะเลสาบ

ตูม!

ร่างของมันดูเหมือนอ้วนท้วน แต่กลับปราดเปรียวอย่างน่าประหลาด ร่างกายทุกกระเบียดอบอวลไปด้วยแสงโลหิตน่ากลัวหาใดเทียบ ทำให้ฟ้าดินต่างถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นอายของมันยังแกร่งกล้าพิสดาร ทำเอาหลินสวินรู้สึกถึงพลังกดดันที่กดข่มลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

พลานุภาพเช่นนั้น มีแต่จะแข็งแกร่งกว่าระดับผู้นำอย่างพวกเจี้ยนชิงเฉิน!

“ที่นี่มันประตูมารจริงๆ คิดถึงอะไรก็มา…”

หลินสวินดวงตาหดรัด จนคำพูดไปครู่หนึ่ง

“นายท่าน จะหนีหรือสู้”

เสี่ยวอิ๋นถามอย่างอดไม่ได้

“ตอนนี้เป็นแค่สัตว์ร้ายเช่นนี้ตัวหนึ่ง เจ้าว่าในทะเลทิ้งกระดูกแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดจำพวกนี้ซ่อนอยู่มากแค่ไหน”

หลินสวินนิ่วหน้าเอ่ย

เพียงแค่คำถามข้อเดียวเท่านั้น แต่พอเพิ่งพูดจบในทิศทางอื่นมีเสียงร้องโครมครามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้น ‘ยักษ์’ ที่สุมขึ้นจากกระดูกขาวนับไม่ถ้วนตัวแล้วตัวเล่าทะยานฟ้าขึ้นมา แต่ละตัวแสงเลือดไหลทะลัก อานุภาพดุร้ายสะเทือนฟ้าดิน

ประตูมาร!

หลินสวิน เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนต่างล้วนหมดคำพูด

หลินสวินไม่ลังเลแม้สักนิด เคลื่อนตัวหนีด้วยความเร็วทั้งหมด

หากมีคู่ต่อสู้เพียงคนเดียว เขายังไม่กลัว แต่หากเป็นคู่ต่อสู้พรรค์นี้ฝูงแล้วฝูงเล่าปรากฏตัว แม้แต่เขายังทำได้เพียงเลือกหลบคมดาบของพวกมัน

โชคดีที่แม้ ‘ยักษ์’ เหล่านั้นกลิ่นอายน่ากลัว แต่ความเร็วในการเคลื่อนตัวกลับดูเฉื่อยอยู่บ้าง จึงถูกหลินสวินสลัดไว้ข้างหลังอย่างง่ายดาย

“สมรภูมิเซียนเหินแห่งนี้จะพิสดารและอันตรายเกินไปแล้ว ดูท่าชะตามรรคผลงานรบนั่นก็ไม่ได้สะสมได้ง่ายขนาดนั้น”

เสี่ยวอิ๋นทอดถอนใจเบาๆ ตลอดทาง

“ที่นายท่านมาคราวนี้ ไม่ใช่เพราะจะมาฆ่าวิญญาณเซียนเหินเก็บรวบรวมชะตามรรคผลงานรบ อย่าลืมเสียล่ะ แปดดินแดนอื่นมีคนเข้ามาเหมือนกัน”

เสี่ยวเทียนพลันเอ่ยขึ้น

ทันใดนั้นเสี่ยวอิ๋นก็ฮึกเหิมขึ้นมา “ปล้นพวกเขาดีไหม”

หลินสวินสีหน้าอึมครึม ตั้งแต่เสี่ยวอิ๋นบรรลุมกุฎอริยะ แม้แต่นิสัยใจคอยังเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หรือนี่จึงจะเป็นนิสัยที่แท้จริงของเผ่าหนอนกินเทพ

ฉับพลันทันใด เสียงขลุ่ยสูงต่ำเป็นท่วงทำนองเสนาะหูดังขึ้นกลางฟ้าดินไกลออกไป เลื่อนลอยราวเสียงสวรรค์ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย

——