มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1640

“นั่นมัน……”

ทันใดนั้น หลัวซิวเห็นกลุ่มแสงสีเงินแวบวาบอยู่ด้านหน้า มันเร็วมากเสียจนคิดว่าตนตาพร่าไปเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเช่นนี้อย่างเขา จะตาพร่าไปได้อย่างไร เพียงแต่ความเร็วของแสงสีเงินนั้นเร็วเกินไป ตาเปล่าของเขาไม่สามารถจับร่องรอยได้เลย สิ่งที่เขาเห็นคือเงาที่แสงสีเงินหลงเหลือเอาไว้

เขาไม่รู้ว่าที่แท้แล้วมันคืออะไรกันแน่ หลุมดำห้วงดาราลึกลับอยู่เสมอ แต่เขารู้สึกถึงสำนักเต๋าเสวียนเทียนภายในตัวหยั่งรู้ ทันทีที่แสงสีเงินปรากฏขึ้น มันก็สั่นสะเทือน

ในเวลาเดียวกัน สำนักเต๋าเสวียนเทียนสื่อถึงความปรารถนาของดูดกลืน ราวกับรอไม่ไหวที่จะกลืนแสงสีเงินที่เพิ่งลอยผ่านไป ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะช่วยเสริมวิวัฒนาการของมัน

เมื่อนานมาแล้ว หลัวซิวท่ามกลางสมบัติที่เกิดจากการบ่มเพาะฟ้ากำหนดจำนวนมากนั้น บางอย่างที่พิเศษมากสามารถวิวัฒนาการได้ แต่วิธีการวิวัฒนาการเพื่อเพิ่มพลังนั้นแตกต่างกันออกไป วิธีการวิวัฒนาการของปีกทิพย์ไร้มลทินเกิดจากการหลอมรวมของวัสดุล้ำค่า เพื่อเสริมวิวัฒนาการของกฎความเร็วที่มีอยู่ในตัวของมัน

วิวัฒนาการของหอกยุทธ์มังกรดำเป็นการปลดผนึกต้องห้ามที่อยู่ภายในนั้น

การยกระดับสำนักเต๋าเสวียนเทียนในครั้งก่อน คือดูดกลืนซากตำหนักจื่อเซียวโดยตรง ส่วนตำหนักจื่อเซียวคือของขลังที่หงเทียนเคยฝึกเซ่น มันเต็มไปด้วยกฎปริภูมิ

“วิวัฒนาการของสำนักเต๋าเสวียนเทียนก็คือการดูดกลืนสมบัติที่เต็มไปด้วยกฎปริภูมิ?” หลัวซิวดูเหมือนจะพอเข้าใจบางอย่าง

ซวบ!

แสงสีเงินอีกดวงหนึ่งบินผ่านไป คราวนี้หลัวซิวไม่ได้มองมันด้วยตาเปล่า แต่จับด้วยตัวสำนึกแทน มองเห็นได้ชัดเจนว่าแสงสีเงินส่องประกายเป็นหินขนาดเท่าฝ่ามือ

“หินแก้วปริภูมิ?”

สมบัติแระเภทนี้ หลัวซิวเคยได้ยินมาก่อน เป็นเป็นผลผลิตของกฎปริภูมิที่มีความเข้มข้นสูง แต่ภายในหลุมดำห้วงดาราทุกที่ต่างเต็มไปด้วยกฎปริภูมิ ผนึกรวมออกมาเป็นสมบัติประเภทนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด

เพียงแต่หินแก้วปริภูมิเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป และมีปริภูมิที่พังทลายปรากฏขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้หลัวซิวไม่กล้าที่จะทำอะไรหุนหันพลัน ต่อให้หินแก้วปริภูมิจะดีมากเพียงใด ถ้าชีวิตตนเสียไป มันก็ไม่คุ้มกับการสูญเสียจริง ๆ

เวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไป ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานมากเพียงใดแล้ว หลัวซิวพบว่าตนเองอยู่ในที่ที่มีแสงสลัว

รอบตัวก็เงียบสงัด พูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คือความเงียบเหมือนความตายอย่างไรอย่างนั้น ใต้ฝ่าเท้าเป็นพื้นสีเทาอมน้ำตาล เหมือนอยู่ก้นเหวที่ลึกสุดก้นบึ้ง

เงยหน้าขึ้นมอง ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด มีหมอกดำพร่ามัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ,ทันทีที่ร่างกายสัมผัสหมอกสีดำ น้ำค้างแข็งจะก่อตัวขึ้นบนผิวหนัง เย็นยะเยือกถึงไขกระดูก

หลัวซิวลองบินขึ้นไปในอากาศ พยายามออกไป แต่เมื่อเขาบินได้สูงหลายร้อยลี้ จู่ ๆ ก็เกิดแรงกดดันมหาศาลเคลื่อนตัวลงมา ราวกับมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นจับเขากดลง และตกลงมาอีกครั้ง

“ที่แห่งนี้ถูกผนึกไว้?” หลัวซิวขมวดคิ้วเขาหากัน เขาไม่ได้สัมผัสถึงการมีอยู่ของค่ายเทพต้องห้าม ซึ่งหมายความว่าสถานที่นี้อาจถูกปิดกั้นด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

“โครม!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงกระแทกดังขึ้น หลัวซิวเห็นกระแสวนปรากฏขึ้นกลางอากาศจากที่ไกล ๆ จากนั้นร่างหนึ่งก็กระเด็นออกมา และล้มลงกับพื้นเสียงดัง

หลัวซิวจ้องมอง ชายชราที่สวมเสื้อผ้าขาดหวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง คลานขึ้นมาจากพื้น เอามือตบ ๆ ผงธุลีบนร่างกาย ดวงตาที่แก่ชราหรี่ลงเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างงุ่มง่าม

“ตาแก่!”

เมื่อเห็นชายชราคนนี้ สีหน้าของหลัวซิวก็พลันขรึมขึ้นมาในทันที หากไม่ใช่เพราะตาแก่คนนี้ เขาจะถูกฝูงปลากระบี่บินไล่ล่าจนอับจนหนทาง จึงต้องหนีเข้ามาในหลุมดำ จนถูกส่งมายังสถานที่ที่แม้แต่นกยังไม่บินมาขี้เช่นนี้ได้อย่างไร?