มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1644

กฎความเร็วและกฎปริภูมิทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน ผลลัพธ์นั้นลึกลับยิ่งกว่ากฎความเร็วเพียงอย่างเดียว ความเร็วบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ลึกลับซับซ้อน ผลลัพธ์นั้นเหมาะแก่การต่อสู้เป็นอย่างมาก

ท่ามกลางการบินระยะไกลและการไล่ล่า กฎความเร็วมีข้อได้เปรียบมากที่สุด แต่ถ้าเป็นการต่อสู้ระยะประชิดระยะประชิด การผสานรวมกันของความเร็วและกฎปริภูมิ สามารถสร้างข้อได้เปรียบของกฎทั้งสองได้อย่างถึงขีดสุด

หลังวิวัฒนาการปีกเทพ หลัวซิวก็เรียกมันว่าปีกเทพทะลุฟ้า

เมื่อเทียบกันแล้ว ของขลังทั้งสามชิ้นอย่างสำนักเต๋าเสวียนเทียน ปีกเทพไร้มลทินและหอกยุทธ์มังกรดำ สิ่งที่หลัวซิวสนใจมากที่สุดก็คือตำหนักวัฏสงสารและลูกแก้วความเป็นตายที่ยังคงอยู่ในกระบวนการหลอมรวมภายในตัวหยั่งรู้

ด้วยการหลอมรวมของทั้งสอง ภาพมายาวัฏสงสารภาพหนึ่งปรากฎขึ้นกลาง ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว ตำหนักวัฏสงสารฝังอยู่ตรงกลางภาพมายาวัฏสงสาร มีกระแสลึกลับของเต๋าไหลเวียนอยู่

ในเวลาเดียวกัน รอบ ๆ ตำหนักวัฏสงสาร ยังมีดาราที่กระพริบนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมา รวมถึงสายธารแห่งดวงดาวที่ส่องประกาย เฉกเช่นภาพที่เขาเห็นในลูกแก้วความเป็นตายปริภูมิวัฏสงสาร

เป็นไปอย่างที่เขาคาดเดา วัฏสงสารภายในลูกแก้วความเป็นตาย มันไม่ใช่วัฏสงสารที่แท้จริง แต่เป็นการฉายภาพของวัฏสงสารฟ้าดิน

ตอนนี้การฉายภาพนี้ปรากฏขึ้นในตัวหยั่งรู้ของเขา เขาสามารถสังเกตและสรุปความลึกลับของวัฏสงสารฟ้าดินได้จากมัน ใช้สิ่งนี้เพื่อปรับปรุงวัฏสงสารของตนเอง

ในขณะนี้ หลัวซิวลืมตาทั้งสองข้างขึ้น เมื่อมองขึ้นไปในทิศทางหนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงออร่าของหยูจือโจว

สักครู่ต่อมา ร่างของหยูจือโจวปรากฏขึ้นในสายตาของเขา หลังจากผ่านเวลาไปนานกว่าสองเดือน อาการบาดเจ็บที่ผลการฝึกตนของเขาหายดีแล้วบางส่วน แต่ก็ยังไม่เต็มศักยภาพ

ถึงอย่างนั้น เขาก็สามารถแสดงพลังระดับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพได้แล้ว เพียงแต่สภาวะนี้ไม่สามารถคงอยู่ได้นาน มิฉะนั้น อาการบาดเจ็บเก่าจะเกิดขึ้นอีก และจะยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม

วินาทีที่มองเห็นหลัวซิว เขาต้องการล้างแค้นจากการถูกทุบตีจริง ๆ แต่เขากลับไม่แน่ใจว่าพลังของหลัวซิวถึงระดับใดกันแน่ แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนั้น แต่ก็ใช่ว่าราชาเทพทั่วไปจะสามารถกดขี่ได้ แต่คนผู้นี้กลับทุบตีเขาได้อย่างง่ายดาย โดยที่เขาไม่สามารถเอาคืนได้เลย เห็นได้ชัดว่าพลังนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ

“หลายวันมานี้ ผู้น้อยได้พบหนทางที่จะออกไปหรือไม่?” หยูจือโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองไม่ใกล้กันเกินไป ทั้งคู่ยังคงรักษาระดับการระวังตัวเอาไว้ไว้

“ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้วิธรออกไปจากที่นี่หรอกหรือ? เหตุใดข้าจึงยังต้องสิ้นเปลืองเวลาไปตามหาด้วย?” หลัวซิวพูดเสียงราบเรียบ

“เฮอะ ๆ จิตใจของผู้น้อยถือว่าไม่เลวเลย ในเมื่อทุกคนต่างก็อยากจะออกไปจากที่แห่งนี้ เจ้าตามข้ามา”

หยูจือโจวเป็นผู้นำบินขึ้นไปในทิศหนึ่ง ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับพื้นที่ของหุบเขาผนึกปีศาจเป็นอย่างดี

หลัวซิวไม่ได้พูดสิ่งใดมาก ยังคงรักษาระยะห่าง ตามหลังหยูจือโจวไปไม่ไกลมาก

เขาไม่ได้ถามว่าเหตุใดหยูจือโจวถึงคุ้นเคยกับที่นี่ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหยูจือโจวในขณะที่เดินนำหน้าไป เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนั้นข้าถูกมกุฎเทพสามคนของตระกูลจู้รวมมือกันไล่ตามฆ่า ในเวลานั้นโอกาสรอดมีเพียงหนึ่ง ข้าทำได้เพียงหนีเข้าไปในหลุมดำอย่างสิ้นหวัง”

“เฮอ ๆ เจ้าพวกมกุฎเทพแห่งสำนักตระกูลใหญ่แต่ละคนต่างก็กลัวตายกันเหลือเกิน ไม่กล้าจะตามเข้ามาภายในนี้ ในตอนนั้นพูดได้เต็มปากเลยว่าสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้”

หลัวซิวสามารถจินตนาการถึงความรู้สึกของการถูกไล่ฆ่าจนไร้ทางหนี เพราะในขณะนั้นไม่ว่าจะในโลกแสงดาว หรือว่าโลกเสวียนเทียน โลกาอสูรฟ้า เขาต่างก็เคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

สิ่งที่โชคดีก็คือ โชคของเขาดีมาก อีกทั้งยังได้พบโอกาสและโชคลาภอันยิ่งใหญ่อีก จึงทำให้เขากลับร้ายให้กลายเป็นดีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเดินมาถึงจุดนี้

ด้วยกำลังของเขาในตอนนี้ ตราบเท่าที่เขาเต็มใจใช้เวลาและพลังงานบางส่วน จะสามารถพัฒนาและวิวัฒนาการดาวที่คล้ายกับโลกดาราของโลกแสงดาวได้