ตอนที่ 1677 เขย่าขวัญตระกูลโม่

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1677 เขย่าขวัญตระกูลโม่

ตัวตนที่ทรงพลังและพลังงานที่กระเพื่อมจากความก้าวหน้าของเฉินเจี้ยนกระจายไปทั่วทั้งตระกูลโม่ซึ่งทำให้ทุกคนตกตะลึง ในขณะนั้นไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้ต่ำต้อยหรือสมาชิกผู้มีเกียรติระดับสูง พวกเขาต่างก็วางมือจากสิ่งที่พวกเขาทำและมองไปในทิศทางของเฉินเจี้ยน ความอิจฉาและความสุขที่ไม่สามารถกักเก็บเอาไว้ได้ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา

” มันคือขอบเขตเทพ มันคือขอบเขตเทพ ตระกูลของเรามีคนทะลวงผ่านด่านขอบเขตเทพ มันวิเศษมาก ด้วยผู้เชี่ยวชาญทุกคนในขอบเขตเทพ ตระกูลของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย” สมาชิกระดับสูงหลายคนแสดงความประหลาดใจและความยินดีขณะที่พวกเขาบินไปที่เฉินเจี้ยน

นอกเหนือจากที่อยู่อาศัยของผู้นำตระกูลโม่แล้วโถงอีก 6 ห้องก็มีความสง่างามเท่าเทียมกัน โถงทุกแห่งมีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมอยู่ในฐานะผู้พิทักษ์

ตัวตนของจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมในฐานะผู้พิทักษ์นั้นมากเกินพอที่จะบ่งบอกถึงสถานะที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อของเจ้าของโถง พวกเขาเป็นจอมยุทธขอบเขตเทพของตระกูลโม่และเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเช่นเดียวกัน

ในขณะนั้นสายตาของผู้อาวุโสทั้งหกในตระกูลก็ลืมขึ้นพร้อม ๆ กัน พวกเขามองไปในทิศทางที่เฉินเจี้ยนอยู่อย่างสนใจ ผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่พวกเขาคือซีหยู

“จริง ๆ แล้วมีคนที่บรรลุขอบเขตเทพ ยอดเยี่ยม ตระกูลโม่ของเราได้รับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ข้าสงสัยว่าใครเป็นคนที่ทะลวงผ่านด่าน” ซีหยูบ่นก่อนที่จะยืนขึ้นและออกนอกบ้านทันที นางต้องการที่จะดูว่าใครเป็นคนที่ทะลวงผ่านด่าน

ผู้อาวุโสอีก 5 คนที่เป็นขอบเขตเทพออกมาจากโถงอีกห้าห้องพร้อมกันกับซีหยู มันค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่จะมาถึงขอบเขตเทพ

อย่าลืมว่ามีจอมยุทธขอบเขตเทพทั้งหมดเพียงไม่กี่คนในตระกูล แม้ว่าจะรวมถึงผู้นำตระกูล ด้วยเหตุนี้การเกิดของจอมยุทธขอบเขตเทพแต่ละคนจึงเป็นโอกาสที่น่ายินดีสำหรับตระกูลโม่

“อืม ? มันแปลกดี ทำไมตัวตนของบุคคลที่ทะลวงผ่านด่านนั้นมาจากทิศทางนั้น ? ถ้าข้าจำไม่ผิดนั่นเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้” ผู้อาวุโสที่เพิ่งโผล่ออกมาก็เริ่มที่จะสงสัยเพราะแม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นแลกเปลี่ยนช่วงต้นก็มีพื้นที่ของตัวเองเพื่อบ่มเพาะในตระกูลโม่ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะได้รับการจัดให้เข้าพักกับที่พักของคนรับใช้

จอมยุทธขอบเขตเทพ แม้เพียงแค่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นผู้อาวุโสในตระกูลโม่ พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับสูงสุดของขอบเขตดั้งเดิมซึ่งเป็นกำลังหลักในตระกูล แม้ว่าจอมยุทธจากขอบเขตดั้งเดิมหลายคนไม่ได้มีสถานะเป็นพิเศษอันใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับการจัดให้เข้าพักในที่พักของคนรับใช้

ซี่หยูจ้องไปในทิศทางของเฉินเจี้ยนและมีความคิดผุดเข้ามาในหัวของนาง นางเริ่มสงสัยและสีหน้าของนางแสดงความไม่อยากจะเชื่อ นางคิดว่า” มันไม่ได้เป็นเขาใช่หรือไม่”

“พี่สาวซีหยู มีใครบางคนทะลวงผ่านด่านขอบเขตเทพ เยี่ยมมาก ตระกูลของเราได้รับจอมยุทธขอบเขตเทพอีกคน พี่สาวซีหยู มาดูกันว่าท่านลุงคนไหนทะลวงผ่านด่าน” โม่หยานวิ่งมาจากระยะไกลอย่างตื่นเต้น ความยินดีเต็มใบหน้าของนาง

ซีหยูพยักหน้าก่อนที่จะเดินทางไปในทิศทางของเฉินเจี้ยนอย่างสงสัยกับโม่หยาน

ถึงตอนนี้ผู้คนจำนวนมากได้รวมตัวกันรอบ ๆ เฉินเจี้ยน มีคนรับใช้ ผู้พิทักษ์ รวมทั้งสมาชิกระดับสูงบางคนที่สามารถมาได้ก่อน

พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ห่าง ๆ กันอย่างเงียบ ๆ สายตาของพวกเขาทั้งหมดถูกจับจ้องอยู่ที่เฉินเจี้ยน พวกเขาทั้งหมดเผยให้เห็นสีหน้าที่แปลกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของระดับสูงรู้สึกสับสนอย่างมากอยู่ภายใน

“เฒ่าโจว นี่เขาเป็นใครน่ะ ? ทำไมข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน และเขาอาศัยอยู่ในที่พักของคนรับใช้ แต่เขาทรงพลังมาก ทำไมเขาอยู่ที่นั่น ? ”

“ข้ากำลังคิดที่จะถามเจ้าเช่นกัน แต่เจ้าถามข้าก่อน จอมยุทธขอบเขตเทพปรากฏตัวตนในพื้นที่ของผู้รับใช้ ถ้าคำพูดนี้หลุดออกไป … ”

สมาชิกผู้มีอำนาจจำนวนมากสื่อสารกันอย่างลับ ๆ พวกเขาจ้องที่เฉินเจี้ยนด้วยความประหลาดใจในขณะที่พวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม

เจี้ยนเฉินยืนกอดอกอยู่คนเดียว เขาจัดการเพื่อให้เขาเข้าไปในฝูงชน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีคนอื่นมาสนใจมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขามุ่งเน้นความสนใจไปที่เฉินเจี้ยนอย่างสมบูรณ์ เขาสังเกตการเคลื่อนไหวในบริเวณโดยรอบอย่างเงียบ ๆ หากมีใครกล้าพอที่จะขัดขวางการพัฒนาของเฉินเจี้ยน เขาจะลงมือโดยไม่ลังเลกับพวกเขา

เร็ว ๆ นี้จอมยุทธขอบเขตเทพทั้งหกของตระกูลโมก็มาถึงเช่นกัน เมื่อพวกเขามาถึง ผู้คนรอบข้างก็แยกกันออกเพื่อหลีกทางให้กับพวกเขา พวกเขาทั้งหมดมองไปที่พวกเขาอย่างสุภาพและแม้แต่สมาชิกของตระกูลที่มีอำนาจบางคนก็ทำในลักษณะเดียวกัน

อา ! เขาไม่ใช่คนที่ข้าช่วยชีวิตเอาไว้หรือ เขาจะเป็นคนที่ทะลวงผ่านด่านขอบเขตเทพได้อย่างไร ? ! ” โม่หยานอ้าปากค้างแล้วก็ตกตะลึงในทันทีเมื่อนางเห็นคนที่ทะลวงผ่านด่านคือเฉินเจี้ยน ความไม่อยากจะเชื่อปรากฏอยู่เต็มใบหน้าของนาง

ซีหยูไม่ได้พูดอะไร นางดูเฉินเจี้ยนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย นางไม่เคยคิดเลยว่าเฉินเจี้ยนจะทะลวงผ่านด่านขอบเขตเทพ แม้ว่านางจะมองเห็นความแข็งแกร่งของเฉินเจี้ยนว่ามาถึงช่วงสูงสุดของขั้นแลกเปลี่ยนเมื่อโม่หยานช่วยชีวิตเฉินเจี้ยนและเจี้ยนเฉินในขั้นต้น นางไม่ได้ใส่ใจ

นี่เป็นเพราะมีกำแพงที่ยากมากที่จะเอาชนะระหว่างขอบเขตดั้งเดิมและขอบเขตเทพ การเข้าใจกฎของโลกเพื่อรับกุญแจสู่ความเป็นเทพนั้นมีนับไม่ถ้วนนับครั้งยากยิ่งกว่าทะลวงผ่านจากขอบเขตเซียนไปยังขอบเขตดั้งเดิม แม้แต่ในบรรดาจอมยุทธขั้นแลกเปลี่ยนช่วงสูงสุดซึ่งมีเป็นร้อยคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็จะมีสักกี่คนที่สามารถไปถึงขอบเขตเทพได้

เป็นเพราะความยากลำบากจึงทำให้ซีหยูไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับระดับการบ่มเพาะของเฉินเจี้ยน เนื่องจากมีจอมยุทธขั้นแลกเปลี่ยนจำนวนมากในตระกูลโม่ของพวกเขา

ผู้อาวุโสขอบเขตเทพอีก 5 คนของตระกูลโม่มองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าแปลก ๆ ปกคลุมใบหน้าของพวกเขาทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือชายร่างผอมแห้งอกแฟบดูทุกอย่างเหี่ยว ๆ โดยไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร เขายิ้มเบา ๆ ” ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เพิ่งทะลวงผ่านด่านจะมาอยู่ที่นี่ ช่างน่าประหลาดใจ !

ผู้นำตระกูลโม่ก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน เขารู้เกี่ยวกับการมีตัวตนของเจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยน ในขั้นต้นเขาอนุญาตให้พวกเขาอยู่ที่ตระกูลชั่วคราวเนื่องจากลูกสาวที่รักของเขาและเขาจะให้พวกเขาจากไปหลังจากที่พวกเขาหายดี แต่ตอนนี้ที่เฉินเจี้ยนทะลวงผ่านด่าน ผู้นำตระกูลเริ่มรู้สึกขัดแย้ง

อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจในไม่ช้าและการตัดสินใจฉายผ่านดวงตาของเขา ถ้ามันเป็นแค่จอมยุทธขั้นแลกเปลี่ยนช่วงสูงสุด ตระกูลของเขาสามารถที่จะเพิกเฉยต่อเขาได้ แต่ตระกูลของเขาต้องพยายามผูกมัดเขาไว้ ถ้าพวกเขาเป็นจอมยุทธขอบเขตเทพ

ไม่ว่าจะเป็นผู้นำตระกูลหรือผู้อาวุโสทั้งหก พวกเขาทั้งหมดยังคงอยู่ข้าง ๆ เฉินเจี้ยน ในขณะที่เขาทะลวงผ่านด่าน พวกเขาเฝ้าดูเขาโดยไม่ต้องพูดถึงการจากไปแม้แต่ก้าวเดียว ไม่มีใครจากไปและไม่ทำกิจกรรมใด ๆ ที่รบกวนเฉินเจี้ยน

เจี้ยนเฉินเมองสิ่งนี้ในฝูงชนและเขาอดไม่ได้ที่จะแอบพยักหน้า อย่างไรก็ตามเขายังคงระมัดระวังเหมือนเดิมพร้อมที่จะปกป้องเฉินเจี้ยนในระหว่างการทะลวงผ่านด่านของเขา