มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1649

หยูจือโจวค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น วินาทีแรกที่รับรู้สภาพร่างกายของตน ก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “สบายมาก รู้สึกเหมือนว่าบาดแผลแห่งฐานยุทธ์มันดีขึ้นกว่าครึ่งแล้ว”

“ผลการฝึกตนของข้าไม่มากพอที่จะรักษาบาดแผลแห่งฐานยุทธ์ให้ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ สามารถฟื้นฟูได้ประมาณสามส่วน ในหนึ่งครั้งซึ่งก็ดีมากแล้ว” ริมฝีปากของหลัวซิวเผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา พลังการรักษาของกฎชีวิต มันเหนือกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้

ท้ายที่สุดแล้วมันเกี่ยวข้องกับบาดแผลแห่งฐานยุทธ์ดั้งเดิม เพียงพอที่จะทำให้นักยุทธ์ส่วนใหญ่เหมือนถูกมัดมือเอาไว้ ท่ามกลางโลกามนุษย์มีไม่กี่คนที่สามารถฝึกตนกฎชีวิตจนบรรลุถึงระดับสูง ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงใดที่สูญเสียความทะเยอทะยานไปเพราะเหตุนี้

ในขณะเดียวกันความพยายามในครั้งนี้ ทำให้หลัวซิวค่อนข้างมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อกฎชีวิตและกฎความตาย บางทีอาจจะสามารถนำกฎชีวิตผสมลงไปในการกลั่นยา เช่นนี้ยาที่กลั่นออกมา ก็จะมีพลังแห่งกฎชีวิตรวมอยู่ด้วย กลั่นออกมาเป็นโอรสทิพย์ยาเซียนใช้รักษาบาดแผลแห่งฐานยุทธ์!

ยาประเภทนี้เขาไม่ได้ใช้เอง แต่หากนำออกไปขาย แน่นอนว่าจะต้องทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายที่ทุกข์ทรมานจากบาดแผลแห่งฐานยุทธ์ต้องบ้าคลั่งเพราะเหตุนี้เป็นแน่

“อาการบาดเจ็บของข้าในที่สุดก็จะสามารถฟื้นฟูได้แล้ว!” อารมณ์ของหยูจือโจวก็ดีขึ้นเช่นกัน บนใบหน้าที่แก่ชรา รวมถึงผิวของเขาก็ดูเหมือนจะดีขึ้นในทันทีทันใด

หลัวซิวหยิบตาขึ้นมาโยนเข้าปากไป จากนั้นก็หยิบแก้วเทวจำนวนมหาศาลออกมา โคจรวรยุทธ์ดูดซับพลังภายใน ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น ก็ทำให้ผลการฝึกตนที่สูญเสียไปฟื้นฟูกลับขึ้นมาอยู่ในสภาวะขั้นสูงอีกครั้ง

กระบวนการเยียวยา เวลากินเวลาประมาณหนึ่งเดือน หลังจากทำให้บาดแผลแห่งฐานยุทธ์ของหยูจือโจวฟื้นตัวเต็มที่ ออร่าบนร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รูปลักษณ์ที่แก่ชราก็ค่อย ๆ อ่อนวัยลง ในที่สุดก็กลายเป็นภาพลักษณ์ของชายหนุ่ม

“ฮ่า ๆ อายุขัยของข้าฟื้นฟูกลับมาแล้ว?”

หยูจือโจวใช้เวทย์หลอมรวมเป็นกระจกบนหนึ่ง เมื่อมองเห็นว่าตนในกระจกดูเยาว์วัย ก็พลันเกิดความรู้สึกยากจะเชื่อ จากนั้นก็ยิ้มอย่างบ้าคลั่ง

อายุล้านกว่าปี สำหรับผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพช่วงต้นแล้วนั้น ยังอยู่ในช่วงอายุของวัยหนุ่มสาว

นอกจากนี้ พรสวรรค์ของหยูจือโจวเองก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ในอนาคตมีความหวังอย่างมากว่าจะได้เป็นมกุฎเทพช่วงปลาย

“เหย ๆ หากข้าออกไปในสภาพเช่นนี้ เมื่อพวกผู้เฒ่าพวกนั้นเห็นข้า เกรงว่าคงจะจำไม่ได้เป็นแน่?”

หยูจือโจวมองไปทางหลัวซิว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นำหยกแขวนที่เสียหายออกมา

หยกแขวนชิ้นนี้มุมของมันแตกหักไป ออร่าความผันผวนของกาลเวลาวนอยู่รอบ ๆ มัน

“เจ้าช่วยข้าฟื้นฟูบาดแผลแห่งฐานยุทธ์แล้ว ข้าก็ไม่สามารถเอาเปรียบเจ้าได้ หยกโบราณชิ้นนี้ข้ามอบให้เจ้า”

ระหว่างที่พูด หยูจือโจวก็ยกมือขึ้นสะบัด หยกโบราณก็บินตรงมาตรงหน้าของหลัวซิว

“หยกโบราณชิ้นนี้ คือกุญแจสำหรับเปิดหุบเขาผนึกปีศาจ เพียงแค่เจ้าเอาตัวสำนึกผสานลงไป ก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงที่อยู่ของหุบเขาผนึกปีศาจ เพราะว่าหุบเขาผนึกปีศาจถือเป็นปริภูมิพิเศษแห่งหนึ่ง ตำแหน่งไม่แน่ชัด มีเพียงผู้ที่มีหยกโบราณชิ้นนี้เท่านั้น จึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่ง และเปิดเพื่อเข้าไปได้”

“ซากศิลาหลักนั้นในหุบเขาผนึกปีศาจ ความจริงแล้วข้าก็ไม่ได้โกหกเจ้า ด้านในมันเต็มไปด้วยพลังการสืบทอดของผู้แข็งแกร่งในสมัยโบราณ สามารถทำให้ผลการฝึกตนของผู้ที่ได้รับการสืบทอดเพิ่มขึ้นมหาศาล ต่อไปหากว่าเจ้ามีโอกาส จะมาอีกครั้งก็ย่อมได้”

มองไปยังหยกโบราณชิ้นนี้ที่อยู่ตรงหน้า หลัวซิวไม่คาดคิดว่าหยูจือโจวจะยินดีมอบสมบัติลำค่าเช่นนี้ให้กับตนเอง

ที่ต้องรู้คือหยูจือโจวถูกสามกองกำลังใหญ่มกุฎเทพตามไล่ล่ามากว่าแสนปี แต่ยังสามารถมีชีวิตอยู่มาได้ถึงที่แห่งนี้ สิ่งที่เขาพึ่งพานั้นก็คือหุบเขาผนึกปีศาจแห่งนี้เพื่อเป็นที่หลบภัย

“ขอบคุณมาก”

หลัวซิวไม่ได้ปฏิเสธ สำหรับเขาแล้วนี่ก็คือการซื้อขายอย่างหนึ่ง เขารักษาบาดแผลแห่งฐานยุทธ์ให้กับหยูจือโจว ตนเองได้รับหยกโบราณชิ้นนี้มา ก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว

นอกจากนี้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธผลประโยชน์เช่นนี้ ก็เหมือนกับโอกาสที่ลอยอยู่ตรงหน้า หากไม่คว้าไว้ ก็จะถูกผู้อื่นคว้าไป และมันจะไม่มีวันเป็นของตน