ตอนที่ 3204

War sovereign Soaring The Heavens

ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง

 

แดนลับสมบัติระดับ 2…

 

“พี่หลิงเทียน ตอนนี้เราจะไปทางไหนกันดี?”

 

หลังก้าวผ่านประตูที่เปิดออกของห้องโถงมาแล้ว เบื้องหน้าในสายตาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็คือโลกอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

 

พอหันกลับไปมองด้านหลัง ก็ไม่แลเห็นประตูห้องโถงอีกต่อไป

 

ราวกับทันทีที่เดินผ่านพ้นประตูนั่นมา ก็คือการเข้าสู่โลกใหม่ในทันที

 

“สุ่มเอาสักทางเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้ม “ฮ่วนเอ๋ออยากไปทางไหน พวกเราก็ไปทางนั้นแล้วกัน”

 

ในแดนลับสมบัติระดับ 2 มีโชควาสนามากมาย ไม่ว่าจะอุปกรณ์อมตะ โอสถอมตะ ผลไม้อมตะ ยันต์อมตะ…หากแต่สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนต้องการในตอนนี้ก็คือโอสถอมตะกับผลไม้อมตะที่สามารถช่วยให้ระดับพลังฝึกปรือของเขาก้าวหน้าขึ้นเร็วๆ

 

ในระดับราชาอมตะ มีโอสถอมตะและผลไม้อมตะน้อยอย่างนัก ที่จะสามารถยกระดับพลังฝึกปรือให้เพิ่มพูนขึ้นโดยตรง

 

ในแดนสวรรค์ใต้ ถึงแม้จะพอมีอยู่บ้าง พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากเขามังกรขนหงส์เลย

 

แน่นอนว่ายังมีโอสถอมตะและผลไม้อมตะอีกไม่น้อยที่สามารถช่วยให้ตัวตนขอบเขตราชาอมตะบ่มเพาะพลังได้เร็วขึ้น

 

เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงจากราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดมายังราชาอมตะ 3 ศักดิ์ได้ในเวลาเพียง 30 ปี ทั้งหมดก็เพราะโอสถอมตะและผลไม้อมตะมากมายที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยนำมามอบให้เขา

 

และเขาก็ได้แบ่งมันให้ฮ่วนเอ๋อครึ่งหนึ่ง

 

เป็นธรรมดาว่าถึงเขาจะไม่ได้แบ่งให้ฮ่วนเอ๋อ แต่ด่านพลังของเขาก็ไม่มีทางทะลวงไปถึงราชาอมตะ 6 ผสานเหมือนนาง

 

เอาแค่ช่องว่างระหว่าราชาอมตะ 3 ศักดิ์กับราชาอมตะ 4 องค์ประกอบ ก็เป็นดั่งหุบเหวกว้างใหญ่

 

“งั้นไปทางนี้กันเถอะพี่หลิงเทียน”

 

ฮ่วนเอ๋อหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ชี้ไปทางขวามือแล้วหันมากล่าวชวนต้วนหลิงเทียน

 

“ไปสิ”

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แย้งอะไร เพียงเหินร่างไปพร้อมฮ่วนเอ๋อ มุ่งไปตามทางเรื่อยๆ สำนึกเทวะก็แผ่ออกไปตรวจสอบที่ทางโดยรอบ มองหาโอกาสต่างๆ

 

ในแดนลับสมบัติระดับ 2 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง แม้จะมีโชควาสนา แต่เป็นธรรมดาว่าโชควาสนาเหล่านั้นก็มาพร้อมความเสี่ยง

 

ความเสี่ยงที่ว่าบางครั้งก็ถึงชีวิต!

 

เป็นธรรมดาว่ายิ่งเป็นสมบัติที่มีมูลค่าสูงมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งมีมากตามไปด้วย

 

อย่างเช่นชุดเกราะอมตะระดับจอมราชัน ในแดนลับสมบัติของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ก็มี หากแต่ทุกคราที่ปรากฏจะมีจิตวิญญาณพิทักษ์ค่ายกลอันทรงพลังคอยปกป้องอยู่เสมอ

 

จิตวิญญาณพิทักษ์ค่ายกลที่ว่า เป็นร่างจิตที่อุบัติขึ้นจากพลังอำนาจของค่ายกล พลังนับว่าร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว

 

แม้ระดับพลังฝึกปรือของจิตวิญญาณค่ายกลจะอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเช่นกัน แต่พลังแห่งกฏที่มันใช้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยทีเดียว ร้ายกาจพอๆกับ 10 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงด้วยซ้ำ

 

ปกติแล้วหากพบเจอจิตวิญญาณค่ายกลอันทรงพลังดังกล่าว หลายๆคนจะเลือกร่วมมือกัน

 

“อย่างไรก็ตาม อันตรายในแดนลับสมบัติก็ไม่ต่างอะไรจากอันตรายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงสักเท่าไหร่ เพราะพวกเจ้าสามารถใช้การทำลายป้ายหยกประจำตัว เพื่อหลบหนีเอาชีวิตรอดได้ทุกเมื่อ”

 

ข้อความด้านบนเป็นต้วนหลิงเทียนได้ยินมาจากจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก่อนที่จะเข้ามา

 

เป็นธรรมด่าวาการทำลายป้ายหยกประจำตัว ก็เสมือนลาจากแดนลับสมบัติไปทันที เพราะถึงจะเข้ามาใหม่ก็จะปรากฏในพื้นที่ปกติของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงตามเดิม ไม่อาจเข้ามาในแดนลับสมบัติได้อีกแล้ว

 

“พี่หลิงเทียน ดูเหมือนจะมีเสียงดังมาจากทางนั้น”

 

หลังต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเหินร่างเดินทางไปได้ราวๆ 1 ชั่วยาม ฮ่วนเอ๋อก็ชี้ไปยัภูเขาไฟไกลๆลูกหนึ่งพลางกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน

 

ตอนนี้ผืนดินเบื้องล่างของทั้งคู่ก็เป็นพื้นที่ทะเลทรายอันแห้งแล้ง ห่างออกไปไกลๆ เห็นภูเขาไฟหลายลูกที่กำลังพ่นลาวาไอร้อนออกมาไม่หยุด ไอร้อนลวกลอยสูงขึ้นไปจะเผาฟ้า

 

ฮ่วนเอ๋อบอกว่าได้ยินเสียงบางอย่างมาจากทิศทางดังกล่าว ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ได้ยินอะไรเลย

 

กระนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ยังไปดูชมเรื่องราวกับฮ่วนเอ๋อ และหลังจากเข้าใกล้เขตภูเขาไฟดังกล่าวอีกหน่อย ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงที่ว่าแล้ว

 

ปงงง!!

 

ตูมมม!!

 

 

เสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้องปานแผ่นดินถล่มดังกระหึ่มมาแต่ไกล จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่าท่ามกลางเปลวเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นฟ้า ปราฏร่างผู้คนพุ่งวูบไปวาบมาปานจะหยอกล้อเพลิงไฟ

 

และนอกจากร่างผู้คน 2-3 คนแล้ว ยังมีร่างใหญ่โตมหึมาที่คล้ายผู้คน แต่ไม่น่าจะใช่ผู้คนอีกด้วย!

 

“ในแดนลับสมบัติ หากมีความเคลื่อนไหวใหญ่โตอะไร ก็เป็นไปได้วว่าจะมีสมบัติที่นั่น…และยิ่งสมบัติล้ำค่ามากเท่าไหร่ จิตวิญญาณค่ายกลก็จะยิ่งทรงพลัง หากมีคนไปพบเจอก่อนก็ยากจะหลีกเลี่ยงการปะทะวุ่นวายเอิกเกริก”

 

“สมบัติบางอย่างในแดนลับสมบัติ กระทั่ง 10 ตระกูลใหญ่กับ 5 นิกายหลักเองยังต้องตาลุกวาว”

 

ในหูต้วนหลิงเทียนเสมือนมีคำพูดของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยดังซ้ำไปซ้ำมา และนั่นทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวขึ้นมาทันที

 

“ดูเหมือนว่าของที่จิตวิญญาณค่ายกลเบื้องหน้าปกป้องอยู่…จะไม่ธรรมดา”

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก ว่าร่างมหึมาดั่งยักษ์เพลิงเบื้องหน้า สมควรเป็นจิตวิญญาณค่ายกลที่ปกป้องสมบัติบางอย่างเอาไว้แน่นอน!

 

ไม่ยากที่เขาจะบอกได้ว่ามันร้ายกาจขนาดไหน เมื่อเห็นมันประมือกับคนไม่กี่คนเบื้องหน้า

 

“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราไปกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกุมมือฮ่วนเอ๋อเอาไว้ จากนั้นก็ใช้เคลื่อนมิติพาร่างฮ่วนเอ๋อวูบตัดระยะไป 10,000 หมี่ในชั่วพริบตา!

 

และการเคลื่อนย้ายข้ามมิติครั้งนี้เพียงครั้งเดียว ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างมันหายไปถึง 1 ใน 3 ส่วน!

 

‘ให้ตายเถอะ ด้วยระดับพลังฝึกปรือของข้าตอนนี้ปริมาณพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่มี กลับไม่พอให้ใช้พลังความลึกซึ้งเคลื่อนมิติขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้ตามอำเภอใจ…’

 

ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขมออกมา

 

ความลึกซึ้งเคลื่อนมิตินั้น ต้วนหลิงเทียนได้ตระหนักรู้มันจนบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว และทำให้สามารถเคลื่อนย้ายข้ามระยะทางได้ทีเดียว 10,000 หมี่

(10,000 หมี่ = 10,000 เมตร = 10 กิโลเมตร = 20 ลี้)

 

อย่างไรก็ตามการจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติทีเดียว 10,000 หมี่นั้น มันกินพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขาสูงมาก

 

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดระดับนี้สำหรับจอมราชันอมตะคงไม่นับเป็นอะไร แต่กับราชาอมตะ นับว่าสร้างความกดดันไม่น้อย

 

ดุจเดียวกับต้วนหลิงเทียนตอนนี้ที่เป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ หากเขาใช้พลังความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเต็มระยะ 10,000 หมี่ในคราวเดียว ก็ทำให้เขาถึงกับจ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดไปถึง 1 ใน 3 ส่วน!

 

แต่ถ้าเขาเลือกจะเคลื่อนย้ายมิติในระยะ 100 หมี่ หรือ 1,000 หมี่ติดๆกันหลายครั้งจนได้ 10,000 หมี่ มันจะไม่สิ้นเปลืองพลังอะไรมากมายขนาดนั้น

 

เมื่อวูบร่างข้ามระยะมาทีเดียว 20 ลี้ ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็บรรลุถึงน่านฟ้าเหนือแนวภูเขาไฟแล้ว

 

ตอนนี้ทั้งคู่ยังแลเห็นเรื่องราวการต่อสู้ชัดถนัดตา เป็นชาย 3 คนกำลังรับมือกับอสูรเพลิงตัวเขื่องที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยเปลวเพลิงลุกโชนเร่าๆ

 

ร่างอสูรกายมหึมาตัวนี้ เนื้อตัวของมันเป็นหินสีแดงฉาน ที่ดูอย่างไรก็เสมือนก้อนลาวา…ถ่านที่พึ่งชักออกจากใต้เตาก็ว่า!

 

“3 คนนั่น…”

 

ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองสำรวจไปยังร่างคนทั้ง 3 จึงพบว่าชายวัยกลางคนกับชายหนุ่มอีก 2 คน ก็คือคนที่เขาเคยเห็นในโถงรอของแดนลับสมบัติระดับ 2 ก่อนหน้า และเป็น 3 คนที่ยืนอยู่เป็นกลุ่มนอกจากเขากับฮ่วนเอ๋อ

 

เห็นชัดว่าทั้ง 3 นั้นไม่อาจเอาชนะอสูรเพลิงตัวเขื่องได้ กระทั่งยังตกเป็นรองมากขึ้นทุกขณะ

 

ซู่มมม!!

 

อสูรเพลิงตัวเขื่องราวสบโอกาสเหมาะ มันชกหมัดทะลวงแหวกฟ้าไปฉับไว สภาวะประหนึ่งอุกาบาตเพลิงลูกใหญ่ ทรงพลังสุดไพศาล!

 

หนึ่งหมัดที่มันชกออกมาครานี้ผสานไปด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟหลายประการ กระทั่งบางประการยังบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วอีกด้วย

 

‘ความลึกซึ้งปะทุ แผดเผา…ล้วนบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย!’

 

ก่อนที่จะหันมาใช้กฏมิติ ต้วนหลิงเทียนก็เลือกใช้กฏแห่งไฟ ทำให้มองไปปราดเดียวก็บอกได้ทันทีว่าอสูรเพลิงตัวเขื่องนี่ใช้พลังอะไรอยู่บ้าง

 

ความแข็งแกร่งของอสูรเพลิงตัวเขื่องเบื้องหน้า นับว่าเหนือกว่า 9 คนที่พึ่งตกตายคามือเขากับฮ่วนเอ๋อไปมากนัก

 

แม้ในบรรดา 9 คนนั่น จะมีบางคนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนเล็กน้อย 2 ประการ แต่ความลึกซึ้งที่พวกมันเข้าใจกลับไม่ได้ทรงพลังโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งทั้งหมด

 

ความลึกซึ้งของกฏนั้นบางประการเน้นโจมตี บางประการเน้นความเร็ว บ้างก็เน้นป้องกัน บ้างก็เน้นสนับสนุนขัดขวาง บ้างก็เน้นในการเสริมพลังทุกอย่าง เช่นนั้นแล้ว หากเข้าใจความลึกซึ้งที่คละประเภท ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มขึ้นแบบครอบคลุม

 

กลับกัน อสูรเพลิงตัวเขื่องเบื้องหน้ามันเข้าใจความลึกซึ้งปะทุกับแผดเผาที่เป็นความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการโจมตีเป็นหลักของกฏแห่งไฟทั้งคู่ ทำให้มันมีพลังจู่โจมอันเกรี้ยวกราดน่ากลัวนัก!

 

ตูมมม!!

 

อสูรเพลิงตัวเขื่องไม่คิดจับปลาสองมือ หมัดเพลิงของมันชกเข่นฆ่าเข้าใส่ร่างคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดเพียยงคนเดียว เพิกเฉยอีก 2 ไปโดยสมบูรณ์! และชายคนดังกล่าวเมื่อตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย มันก็ไม่ลังเลใดๆเรียกป้ายหยกประจำตัวออกมาบดขยี้ทันที คนอันตรธานหายวับไปในอากาศ!!

 

หมัดของอสูรเพลิงตัวเขื่องสุดท้ายก็จั่วลมวูบใหญ่ อย่างไรก็ตามคลื่นพลังจากหมัดของมัน ก็พุ่งผ่านอากาศไปถล่มภูเขาไฟอีกลูกไกลๆ จนแหลกระเบิดไม่มีชิ้นดี พาลให้วุ่นวายกันยกใหญ่

 

และภูเขาไฟลูกอื่นคล้ายถูกกระตุ้นด้วยแรงระเบิดดังกล่าว จึงเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาครืนๆ!

 

“ถอยก่อน!!”

 

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของชาย 2 คนที่เหลืออยู่เปลี่ยนไปทันที จากนั้นพวกมันก็เร่งเหินร่างล่าถอยกันตาลีตาเหลือก จนในที่สุดก็ออกห่างจากแนวพื้นที่ภูเขาไฟได้สำเร็จ อสูรกายเพลิงตัวเขื่องเอง เมื่อเห็นว่าศัตรูออกจากระยะไปแล้ว มันก็เริ่มสงบลง

 

อสูรกายเพลิงตัวเขื่องที่สงบลงแล้ว ก็ค่อยๆจมหายไปในธารลาวาร้อนลวกในปากปล่องภูเขาไฟอย่างเงียบงัน สุดท้ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

 

ด้านชาย 2 คนที่ล่าถอยจนหลุดออกนอกระยะเขตภูเขาไฟที่ปะทุคุกรุ่น ก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แววตาทั้งคู่ฉายชัดถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจ

 

“นั่นน่ะเหรอ สมบัติที่ปรากฏขึ้น?”

 

หลังเห็นอาการไม่ยินยอมของทั้งสองคน รวมถึงสายตาเสียดายนั่น ต้วนหลิงเทียนจึงพาฮ่วนเอ๋อเหินร่างเข้าไปใกล้อีกนิด จนในที่สุดเขาก็เห็นว่าลึกลงไปบริเวณใจกลางปากปล่องภูเขาไฟลูกใหญ่ อันคุกรุ่นไปด้วยธารลาวาลวกร้อน ปรากฏต้นไม้ต้นหนึ่งที่เติบโตขึ้นบนหินหลอมเหลว ต้นไม้ที่ว่ายังแลดูพิกลนัก แม้ลำต้นรวมถึงใบจะลุกโชนไปด้วยเพลิงไฟระอุ แต่กลับมีสีเขียวขจีไร้รอยไหม้!

 

ที่สะดุดตาเขาที่สุดก็คือบริเวณแง่งกิ่งหลักติดลำต้น ดูเหมือนจะออกผลมาทั้งสิ้น 5 ผล แน่นอนว่าทั้ง 5 ผลนั่นก็คือผลไม้อมตะ!

 

หากสังเกตให้ดีจะพบอีกว่า

 

ทั่วพื้นผิวของผลไม้อมตะดังกล่าว แม้จะเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมา หากแต่ยังมีกระแสพลังสีคราม 3 สายไหลวนเวียนอยู่รอบๆ

 

“นั่นมัน…ผลเปลวอัคคีลายครามงั้นรึ?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแสงจ้าขึ้นมาทันที “ที่สำคัญกลับมีมากถึง 5 ผล…ด้วยระดับพลังบบ่มเพาะของข้าตอนนี้ แค่ 2 ผลก็มากพอจะให้ข้าทะลวงไปถึงราชาอมตะ 4 องค์ประกอบได้ในเวลาสั้นๆ!”

 

ผลไม้อันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงลุกโชนและมีกระแสพลังสีคราม 3 สายม้วนวนรอบผลไม่หยุด ก็คือผลไม้อมตะชนิดหนึ่งที่สามารถส่งเสริมพลังฝึกปรือให้ขอบเขตราชาอมตะได้

 

คนที่พึ่งทะลวงมาถึงราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด สามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 2 ยศได้ในเวลาอันสั้น หากรับประทานผลเปลวอัคคีลายคราม 2 ผล

 

แต่ยิ่งด่านพลังฝึกปรือสูงขึ้นเท่าไหร่ พลังของผลเปลวอัคคีลายครามก็ดูเหมือนจะช่วยได้น้อยลงตาม…

 

ตัวอย่างก็เช่นราชาอมตะ 9 ตำหนัก ต่อให้รับประทานผลเปลวอัคคีลายครามไปทีเดียว 10 ผล ก็ยังไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศได้

 

ยังดีที่ผลเปลวอัคคีลายครามนี้ต่อให้กินมากเท่าไหร่ ผลกระทบก็จะไม่ลดลง

 

“ผลเปลวอัคคีลายคราม?”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจดจำผลเปลวอัคคีลายครามได้ ด้านฮ่วนเอ๋อก็จดจำมันได้เช่นกัน เพราะในมรดกความทรงจำของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ก็มีเรื่องผลไม้อมตะ รวมถึงสมบัติฟ้าดินต่างๆบันทึกไว้มากมาย

 

“เป็นผลเปลวอัคคีลายครามจริงๆ…แถมยังมีถึง 5 ผล”

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง

 

ถึงแม้คฤหาสน์เฉวียนโยวจะมอบทรัพยากรบ่มเพาะให้เขามากมาย แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับผลเปลวอัคคีลายคราม

 

ผลเปลวอัคคีลายครามเป็นผลไม้อมตะที่หาได้ยากมาก อย่าว่าแต่คฤหาสน์เฉวียนโยวเลย กระทั่ง 10 ตระกูลใหญ่ กับ 5 นิกายหลัก ยังไม่ใช่ว่าจะหามาใช้ได้

 

“หืม?!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ่อค้นพบผลเปลวอัคคีลายคราม ทางด้าน 2 คนที่พึ่งหนีออกมาเมื่อครู่ก็สังเกตเห็นพวกเขาเช่นกัน

 

ครู่ต่อมา ดวงตาพวกมันก็ทอประกายสดใส จากนั้นก็พากันเหินร่างมาหาต้วนหลิงเทียน “ใต้เท้าทั้ง 2 มาร่วมมือกับพวกเรา เพื่อช่วงชิงผลเปลวอัคคีลาครามนั่นด้วยกันไหม?”

 

“ไม่ล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองงทั้งสองด้วยสายตาเฉยเมย “ตอนนี้พวกเจ้าเลือกเอา ว่าจะรีบไปให้ห่างจากที่นี่…หรือทำลายป้ายหยกประจำตัวแล้วออกไป”

 

“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าคิด 5 ลมหายใจ…หาไม่แล้วก็จงแบกรับความเสี่ยงเอาเอง”