อานุภาพของกระบี่สามสิบสามชั้น เลี่ยเฉียนเคยเห็นนานแล้ว

ก่อนหน้านี้ชืออู๋ซู่ตายเพราะการโจมตีที่น่ากลัวนี้

ดังนั้นยามนี้พอเห็นหลินสวินสำแดงกระบี่นี้ เลี่ยเฉียนพลันประสานสองมือ ปากเอ่ยเสียงธรรมโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

“สยบ!”

เสียงครืนโครมดังขึ้นคราหนึ่ง กระถางสีแดงขนาดใหญ่ที่เปลวเพลิงลุกโชนราวกับจะหลอมจักรวาลเผาผลาญธารดารา แผ่คลื่นกฎเกณฑ์อริยมรรคออกมา ทำให้แม้แต่ฟ้าดินยังถูกแสงเพลิงบาดตาปกคลุม

กระถางฟ้ามหาเพลิงผลาญ!

สมบัตินี้คือหนึ่งในเจ็ดมหาศาสตราอริยะแห่งดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ สืบทอดมายาวนานอย่างที่สุด ว่ากันว่าภายในปิดผนึกเพลิงบริสุทธิ์ที่ถือกำเนิดในสมัยดึกดำบรรพ์ จากนั้นถูกเมธีหนึ่งร้อยคนร่วมมือกัน สลักลายมรรคสามพันหกร้อยลาย

เรียกได้ว่าหลอม ‘มรรคแห่งร้อยอริยะ’ ไว้ในกระถางเดียว พลานุภาพยากคาดเดา!

ขณะเดียวกันสมบัตินี้ก็เป็นที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุด

ทว่าเพียงชั่วพริบตาสีหน้าของเลี่ยเฉียนก็เปลี่ยนไป ร้องเสียงหลงออกมา “เป็นไปได้อย่างไร!?”

ก็เห็นกระบี่สามสิบสามชั้นเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ม้วนตัว กวาดอผ่านรุนแรง โจมตีกระถางฟ้ามหาเพลิงผลาญให้กระเด็นออกไป เสียงครวญดังไม่ขาดสาย

ถึงกับสู้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!

ตูมโครม…

ครู่ต่อว่าเลี่ยเฉียนถูกกระแสปราณกระบี่ปกคลุมทั้งตัว

เขาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เรียกสมบัติมากมายออกมา มีโคมโบราณสำริด มีม้วนตำราเหลือง มีประทับที่ดุจดั่งภูผาใหญ่ มียันต์ที่สายฟ้าไหลวน…

แต่ล้วนถูกกระแสปราณกระบี่สลายอย่างไม่มีข้อยกเว้น!

ปราณกระบี่เช่นนั้น สามารถใช้คำว่า ‘คมประกายไร้ใดเทียบ เกรียงไกรปานสุริยัน’ เปรียบเทียบได้โดยสมบูรณ์ แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ

สุดท้ายพลังป้องกันรอบกายเลี่ยเฉียนถูกปราณกระบี่แน่นขนัดสลาย ศีรษะ แขนขาและลำตัวระเบิดออกทุกกระเบียดภายใต้การโจมตีของปราณกระบี่ เลือดเนื้อสาดกระเซ็น

“อ๊าก…! ข้าไม่ยอม ไม่ยอม…!”

เลี่ยเฉียนส่งเสียงคำรามกึกก้องฟ้าดิน

แต่เสียงหยุดไปกะทันหัน พอกระแสปราณกระบี่สลายไป ผู้นำค่ายทัพดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์คนนี้ก็ถูกสังหารตามเจี้ยนชิงเฉิน ชืออู๋ซู่ ฮว่าหงเซียว!!

เลี่ยเฉียนเคยเห็นความน่ากลัวของกระบี่สามสิบสามชั้นจริงๆ แต่กลับไม่รู้ว่าหลังผ่านการเสริมพลังของขวดมหามรรคไร้ขอบเขต อานุภาพของกระบี่สามสิบสามชั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี

นี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาถูกสังหาร

ทุกอย่างพูดเหมือนช้า ความเป็นจริงการเข่นฆ่าดุเดือดนี้เกิดขึ้นเร็วจนเหลือเชื่อ

หลินสวินไม่ได้มองเลี่ยเฉียนแม้แต่แวบเดียว พุ่งเข้าหาพวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคง อานุภาพดุดันล้นฟ้า มีท่วงท่าอาจหาญ

แต่ตอนนี้พวกคุนเซ่าอวี่หนาวเหน็บในใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ตอนที่เจี้ยนชิงเฉินร่วงหล่น ทำให้พวกเขาเพียงรู้สึกประหลาดใจและไม่เข้าใจ ไม่ได้กระทบกระเทือนใจมากนัก

ส่วนตอนที่ชืออู๋ซู่ตาย ทำให้พวกเขารู้สึกเคร่งเครียด ล้วนมองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจที่รับมือยากอย่างที่สุด ไม่มีการออมมืออีกต่อไป

แต่ตอนนี้แม้พวกเขาร่วมมือกัน ยังไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้ กลับเป็นพวกฮว่าหงเซียว เลี่ยเฉียนที่ทยอยถูกฆ่าตาย

นี่ทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและไม่สงบใจ แล้วจะไม่หวาดหวั่นได้อย่างไร

บนท้องฟ้าแสงเลือดราวกับกระแสน้ำ พลิกม้วนไม่หยุด เสียงครวญแห่งอริยะร่วงหล่นดังอยู่นานไม่เสื่อมคลาย พาให้คนอกสั่นขวัญแขวน

ทำอย่างไรดี

สีหน้าของพวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคงอึมครึมคล้ำเขียว ในใจกระเพื่อมไหว

หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ผงาดกร้าวราวกับเทพมาร มีความองอาจไร้เทียมทาน ทุกการเคลื่อนไหวมีอานุภาพกร้าวแกร่งที่กำราบทั้งระดับ พลานุภาพเป็นหนึ่ง

นี่… ยังจะสู้อย่างไรได้

พวกคุนเซ่าอวี่คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากหยุดยืมพลังกระบวนค่ายกล เพียงอาศัยพลังต่อสู้ของตน หลินสวินยังดุดันขนาดนี้!

“ช่วยข้าด้วย…! ช่วยข้า…!”

ไม่นานไกลออกไปเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความร้อนรน ไม่จำยอม และหวาดกลัวของสือพั่วไห่ดังขึ้น ทะลุทะลวงชั้นเมฆ

พวกคุนเซ่าอวี่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่าไกลๆ ร่างของสือพั่วไห่ถูกฉีกกระชาก เลือดสาดเต็มห้วงอากาศ

ตำแหน่งที่เขาร่วงหล่น ปรากฏผีเสื้อมารแยกฟ้าที่กระพือปีกตัวหนึ่ง อาบอยู่ในเลือดแดงสด ดูน่าสยดสยองและลึกลับอย่างที่สุด

ตายแล้ว!

สือพั่วไห่ผู้นำค่ายทัพดินแดนโบราณอสูรดาวก็ร่วงหล่นในตอนนี้!

แปดยอดนภาคราม ถูกสังหารไปแล้วห้าคน!

“ไป!”

คุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคงเลือกหนีโดยไม่ต้องนัดหมาย แต่ละคนราวกับบ้าคลั่ง ท่าทางหนีตายโดยไม่สนสิ่งใด

พรสวรรค์จะโดดเด่นเพียงใด รากฐานพลังยิ่งใหญ่แค่ไหน ชื่อเสียงสะดุดตาเพียงใด ทว่าภายใต้การโจมตีนองเลือดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ พวกเขาเองก็ลนลานอย่างสิ้นเชิงแล้ว ในใจเกิดความหวาดกลัว!

บนโลกนี้ถึงอย่างไรคนที่ไม่กลัวตายก็มีน้อยยิ่ง ยิ่งเป็นบุคคลพลิกฟ้าอย่างพวกคุนเซ่าอวี่ ยิ่งเสียดายชีวิต

กลับเป็นพวกฐานะต้อยต่ำ ที่เพราะไร้ความกังวลถึงกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยง

“เป็นถึงผู้นำดินแดนหนึ่ง คิดจะหนีเหมือนหมาจนตรอกเช่นนี้หรือ ศักดิ์ศรีของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน เกียรติล่ะ หน้าตาล่ะ”

เสียงที่ไม่ปกปิดความเยาะเย้ยของหลินสวินดังขึ้น

การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ชักช้า ตามไปโจมตีแทบจะในทันที

หากสามารถกำจัดพวกคุนเซ่าอวี่ได้ในคราเดียว ในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ ค่ายทัพแปดดินแดนก็ถูกกำหนดให้พ่ายแพ้ราบคาบ ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะพลิกสถานการณ์ได้อีก!

ด้วยอุปนิสัยของหลินสวินย่อมไม่มีทางพลาดโอกาสนี้

วู้ม!

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เงาร่างราวกับเจินหลง สำแดงนัยเร้นลับมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ความเร็วในการเคลื่อนย้ายพลันเพิ่มขึ้น

ชั่วพริบตาหลินสวินก็เข้าใกล้เซวี่ยชิงอีที่อยู่หลังสุดแล้ว

“ทะยาน!”

พร้อมกับเสียงตวาดของหลินสวิน ดาบหักทะลวงฟ้าออกไปประหนึ่งแสงเคลื่อนกะพริบไหว

หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า!

หลอมนัยเร้นลับกระบวนเฉือนคว้าดารา สอยจันทรา เผาตะวัน นภาสงัด เกิดดับ และไม่เที่ยงแท้ไว้ในกระบวนท่าเดียว อานุภาพระดับนี้จะธรรมดาได้อย่างไร

แย่แล้ว!

เซวี่ยชิงอีราวกับเข็มทิ่มหลัง เย็นเยียบไปทั้งร่าง ขวัญแทบหลุดลอย ชั่วขณะนี้เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของความตายที่ใกล้เข้ามาอย่างชัดเจน

อีกทั้งด้วยพลังต่อสู้ของเขา แม้สู้สุดชีวิตยังยากจะต้าน!

นี่ทำให้เซวี่ยชิงอีอดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้ หรือตนก็กำลังจะตามพวกเจี้ยนชิงเฉิน ชืออู๋ซู่ไป

“หัวขโมย! ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าแล้ว!”

แต่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เสียงเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งดังขึ้น กึกก้องอยู่กลางฟ้าดิน

ตอนที่เสียงดังขึ้น ประกายม่วงสายหนึ่งกรีดท้องฟ้าจนขาด มาเยือนกะทันหัน เสียงปังดังขึ้นคราหนึ่ง สกัดการโจมตีของหลินสวิน

ดาบหักโอดครวญ สั่นอย่างรุนแรงในอากาศ

ตอนที่สิ้นเสียงเงาร่างสง่างามร่างหนึ่งที่ยืนอยู่บนฐานบัวปรากฏขึ้นกลางอากาศ ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน

นี่เป็นหญิงที่ท่วงท่าสง่างามยิ่ง สวมชุดกระโปรงสีเขียว คิ้วราวกับหมึกวาด ดวงหน้าดุจหยกงาม นัยน์ตาใสเหมือนน้ำ ผมดำราวน้ำตกลู่ลงข้างเอวบาง

เสื้อผ้าของนางพลิ้วไปตามสายลม ยืนสันโดษอยู่บนฐานบัวสีเขียวที่ประหนึ่งหลอมจากแก้วทองเทพกลางอากาศ กฎเกณฑ์อริยมรรคสีเขียวอ่อนวนเวียนเป็นสายๆ ขับให้ผิวของนางแวววาว ดูบริสุทธิ์ไร้มลทินเหมือนเซียนที่ไม่ข้องเกี่ยวทางโลก

นางงดงามมากจริงๆ แต่ก็น่ากลัวมากเช่นกัน

แม้ยืนอยู่คนเดียว แต่กลิ่นอายบนร่างกลับผสานรวมกับฟ้าดิน เกิดการตอบสนองอันมหัศจรรย์!

เพียงชั่วพริบตาดวงตาดำของหลินสวินหดรัดลง รับรู้ได้ถึงภัยคุกคามจากร่างงามที่มาเยือนกะทันหันนี้

ในใจเขาอดสั่นไหวไม่ได้ ที่นี่คือสมรภูมิเซียนเหินนะ ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนอีก

เมื่อมองดูพวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคงสามคน ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ต่างคิดไม่ถึงว่าช่วงที่หนีเอาตัวรอดเช่นนี้ จู่ๆ กลับปรากฏบุคคลปานธิดาเทพเช่นนี้

อีกทั้งนางยังเรียกหลินสวินว่า ‘หัวขโมย’!

นี่ทำให้พวกคุนเซ่าอวี่หัวใจกระตุก สภาวะจิตที่เดิมลนลานหวาดกลัวผ่อนคลายลงไม่น้อย และเลิกหนีแล้ว เพียงเฝ้ามองจากไกลๆ

“แม่นาง เจ้ากับข้าไม่รู้จักกัน และดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่ผู้ฝึกปราณค่ายทัพแปดดินแดน เหตุจึงต้องขวางข้า”

หลินสวินขมวดคิ้ว เก็บดาบหักไปเงียบๆ

“เหอะ!”

หญิงคนนั้นสีหน้าเย็นเยียบ ยืนตระหง่านอยู่บนฐานบัวสีเขียว มองหลินสวินอย่างเย่อหยิ่ง “หัวขโมย เจ้าขโมย ‘เถาวัลย์หยกนภาค่ำ’ ของสำนักยุทธ์เสวียนจีของข้า ยังกล้าบอกว่าไม่รู้จักกันหรือ”

ในใจหลินสวินสั่นสะเทือน ในที่สุดก็ตระหนักได้ถึงปัญหาแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเคยทลายกระบวนผนึกลายมรรคที่ลึกลับกระบวนหนึ่ง และเก็บโอสถเทพที่เรียกได้ว่าเป็นระดับสมบัติจากธรรมชาติไปต้นหนึ่ง

ตอนนั้นเขาก็สงสัยแล้วว่าใครเป็นคนวางกระบวนผนึก เหตุใดจึงสามารถเข้ามาในสมรภูมิเซียนเหินเมื่อแปดพันปีที่แล้วได้

ตอนนี้ดูท่าว่าสำนักยุทธ์เสวียนจีที่ว่านี้จะเป็นผู้วางกระบวนปนึกเอาไว้ และผู้หญิงคนนี้มาเพื่อเอาความกับเขา!

เพียงแต่หลินสวินไม่ได้กลัว สิ่งที่เขาโกรธคือผู้หญิงคนนี้มาตอนไหนไม่มา กลับมาในเวลานี้ ขัดขวางการสังหารพวกคุนเซ่าอวี่ของเขา ทำให้รู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก

โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้แววตาเย็นเยียบ วางท่าสูงส่ง มองตนเป็นหัวขโมย ใครจะชอบใจได้

หลินสวินสีหน้าไม่ไหวติง ปากพูดเรียบๆ “น่าขัน สมบัติระดับนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ข้าผู้แซ่หลินเก็บมาได้ด้วยศักยภาพของตน จะเรียกว่าขโมยได้อย่างไร”

ห่างออกไปพวกคุนเซ่าอวี่ยิ่งผ่อนคลายแล้ว พอจะเข้าใจที่มาที่ไป ในใจอดรู้สึกสะใจไม่ได้

“กล้าทำไม่กล้ารับหรือ สมควรลงโทษ!”

ดวงตาคู่ใสของหญิงคนนั้นเย็นเยียบ สะบัดมือเปล่าคราหนึ่ง

ตูม!

สายฟ้าสีเขียวสายหนึ่งลงมาเยือนจากฟ้า คดเคี้ยวราวกับมังกรเขียว เต็มไปด้วยกลิ่นอายกฎเกณฑ์อริยมรรคที่น่ากลัว กลิ่นอายทำลายล้างที่เกิดขึ้นทำให้ทั่วทิศล้วนสั่นสะเทือน

ลงมืออย่างรุนแรงโดยไม่พูดสักคำ ดูแข็งกร้าวและเย่อหยิ่งอย่างที่สุด

หลินสวินสะบัดหมัดเข้าต้าน

ที่น่าตกใจคือในการปะทะครั้งนี้ แม้สุดท้ายจะสลายการโจมตีของอีกฝ่ายได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หลินสวินได้เปรียบอะไร!

นัยน์ตาดำของหลินสวินวูบไหว ตัดสินได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ไม่ด้อยกว่าตน!

นี่ทำให้เขาประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้บอกว่ามาจากสำนักยุทธ์เสวียนจี แต่สำนักนี้อยู่ที่ไหน

หรือนางหลอมรวมมรรคแห่งตน สร้างวิชาของตัวเองออกมาแล้วหรือ

ในเวลาเดียวกันในใจพวกคุนเซ่าอวี่กระเพื่อมไหวรุนแรง เพียงการโจมตีเดียวก็ทำให้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่า หากเผชิญหน้ากันตรงๆ ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้ได้เลย!

นางเป็นใคร?

หรือเป็นปีศาจพลิกฟ้าที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา

ทันใดนั้นพวกคุนเซ่าอวี่ต่างอดตื่นเต้นไม่ได้ ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาจากไหน อย่างน้อยตอนนี้นางก็มองหลินสวินเป็นศัตรู

นี่ก็เพียงพอแล้ว!

และยามนี้หญิงงดงามในชุดกระโปรงเขียว รูปลักษณ์ไร้ใดเทียบคนนี้ก็เผยความประหลาดใจ ราวกับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะสามารถสกัดการโจมตีของตนได้!

“ไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง เข้าถึงชำนาญ คิดไม่ถึงว่าหัวขโมยอย่างเจ้าก็สามารถก้าวสู่เส้นทาง ‘ยอดราชันไร้ศัตรู’ นี้ได้”

นางเหมือนคิดอะไรอยู่ ความเย็นเยียบในดวงตาคู่ใสไม่เพียงไม่ลดลง กลับยังเพิ่มขึ้น “แต่นี่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่เจ้าเป็นหัวขโมยได้!”

………………