ตอนที่ 1589 รุ่งอรุณเหนือความเร็วแสง

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ณ มหาวิทยาลัยจินหลิง

นักศึกษาเอกคณิตศาสตร์สองคนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่มุมห้องสมุดอยู่เงียบๆ

คนหนึ่งที่สวมแว่นตาทำท่าพยักพเยิดไปทางจอโฮโลแกรม ส่วนอีกคนก็นอนราบไปกับโต๊ะ ในหัวก็คิดเรื่องสูตรบนจอโฮโลแกรมอย่างหนัก

ซุนเถาดันแว่นตาขึ้นไปบนสันจมูก เขาเหลือบมองไปทางจอโฮโลแกรมที่อยู่บนโต๊ะของรูมเมตครู่หนึ่ง แล้วใบหน้าของเขาก็ฉายประกายเหมือนคนเพิ่งค้นพบโลกใบใหม่ขึ้นมา

“นี่ พี่สวี่ ทำไมยังวิจัยเรื่องฟิสิกส์อยู่ล่ะ?”

ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้ซุนเถารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ สวี่เท่อลี่จึงเหลือบมองรูมเมตนิดหน่อยแล้วกระแอมแห้งๆ “เปล่านี่ ก็แค่รู้สึกว่าสมการนี้มันน่าสนใจเฉยๆ เห็นมันดูไม่ยาก ก็เลยว่าจะลองแก้ดูเสียหน่อย”

“แล้วเป็นไง? แก้ได้ไหมล่ะ?”

พอเห็นว่ารูมเมตตัวเองดูสนใจขึ้นมา สวี่เท่อลี่ก็ต้องยอมรับความล้มเหลวของตัวเองด้วยเสียงเคืองๆ

“เวรเอ๊ย ของที่ขนาดนักวิชาการลู่ยังแก้ไม่ได้…แล้วฉันจะไปแก้ได้อย่างไรกันล่ะ!”

เขายอมรับว่าตอนแรกตัวเองก็เผลอคิดฝันเฟื่องเกินไป ตอนแรกเขาคิดว่าในเมื่อนักวิชาการลู่เป็นคนจากเมื่อศตวรรษที่แล้ว ปัญหาระดับยากที่เขาเคยเจอ ถ้าเป็นคนสมัยนี้ก็น่าจะแก้ได้ง่ายๆ

แล้วถ้าเขาสามารถแก้ปัญหาที่แม้แต่พวกบรรพบุรุษยังแก้ไม่ได้แล้วล่ะก็ นอกจากศาสตราจารย์ทั้งหลายจะหันมามองเขาด้วยความชื่นชมแล้ว เขายังอาจจะได้รางวัลคณิตศาสตร์ลู่โจวด้วย รางวัลที่เป็นเสมือนจอกศักดิ์สิทธิ์ของวงการคณิตศาสตร์

ในเมื่อลู่โจวเป็นคนพูดขึ้นมาเองนี่นา

ถ้าใครสักคนแก้ปัญหานั้นได้ขึ้นมา ลู่โจวจะเป็นคนมอบรางวัลคณิตศาสตร์ลู่โจวให้กับคนคนนั้นเอง

แต่แน่นอนว่าตอนนี้สวี่เท่อลี่โยนแผนนั้นทิ้งไปไกลแล้ว

จะมองอย่างไรสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซีอันนี้ก็อยู่ในสภาพที่ซับซ้อนน้อยที่สุดแล้ว ไม่มีทางย่อให้มันสั้นลงกว่านี้ได้แล้วล่ะ ส่วนถ้าถามว่าในทางฟิสิกส์ยังพัฒนาอะไรเพิ่มได้อีกไหม ก็ต้องบอกว่ามันเกินขอบเขตความรู้เฉพาะทางของเขาแล้ว

พอได้ยินดังนั้นซุนเถาที่สวมแว่นตากรอบเหลี่ยมก็ช็อก เขาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “บ้าไปแล้วเพื่อน อยู่ๆ จะไปท้าทายข้อเสนอสาธารณะที่นักวิชาการลู่ให้มาเนี่ยนะ”

เขาเอื้อมมือขวาไปแตะหน้าผากเพื่อนรักว่าอีกฝ่ายสบายดีไหม แต่กลับถูกอีกฝ่ายเอามือปัดออกมา

“เอาออกไปโว้ย เลิกแกล้งกันซะที แล้วก็ไม่ต้องมาคุยด้วย สัก 5 นาทีก็แล้วกัน!”

ซุนเถามองรูมเมตที่กำลังเศร้า ใบหน้าของเขาฉายแววของคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี แล้วเขาก็โบกนิ้วชี้ขึ้นมาในอากาศไปสองครั้ง

“อันที่จริงนายไม่ต้องเศร้าก็ได้ นี่ไม่ใช่แค่นักวิชาการลู่นะ คนแทบจะทั้งวงการคณิตศาสตร์ต่างก็กำลังพยายามแก้ปัญหานี้ให้ได้ รวมถึงศาสตราจารย์ซุนจิ้งเหวินด้วย…ไม่รู้ว่านายได้ตามข่าวของฟอรั่ม LSPM หรือเปล่านะ แต่ตอนนี้พวกคนดังๆ ต่างก็ออกมาสรุปกันว่า สมการนี้มันทำให้สั้นลงกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้แล้ว นักฟิสิกส์หลายคนก็ยังเชื่อกันว่า ถ้าการทดลองพลังงานสูงหลายการทดลองไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ มาล่ะก็ สมการคลื่นความโน้มถ่วงอันนี้ก็ควรจะเป็นสมการที่เขียนได้แม่นยำที่สุดแล้วล่ะ”

พอได้ยินประโยคนั้น สวี่เท่อลี่ก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กๆ แต่ก็ตามมาด้วยความอับอายอย่างรวดเร็วจากการที่ตัวเองคิดฝันเฟื่องไม่เข้าท่า

“เสียเวลาชะมัด…”

ตอนแรกเขาคิดว่าปัญหาทอพอโลยีมิติสูงที่ไม่เหมือนปกติทั่วไปอันนี้จะมีความคล้ายคลึงกับโครงสร้างของทฤษฎีบทของปวงกาเรบ้าง แต่ดูเหมือนเขาจะคิดตื้นเกินไป

เขาลากงานวิจัยฉบับร่างทั้งไฟล์เข้ารีไซเคิลบินแล้วกดปุ่มลบทิ้ง

ในขณะที่เพื่อนของเขากำลังพูดตลก เขาก็ได้ละทิ้งความพยายามที่ไม่สำเร็จนี้ไปโดยสิ้นเชิง…

อย่างที่ซุนเถาว่าไว้ ในฟอรั่มของ LSPM มีคนจำนวนมากกำลังคุยกันเรื่องสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซี

และคนที่แค่เข้ามาร่วมสนุกในวงการคณิตศาสตร์ก็รีบเข้ามาคุยเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจไม่ใช่เรื่องปัญหาวิชาการที่ซับซ้อน แต่เป็นเรื่องซุบซิบเบื้องหลังปัญหาวิชาการต่างหาก

อย่างเช่นเรื่องที่ว่า…

ทั้งๆ ที่ลู่โจวเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงมาสนใจเรื่องสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซีในเวลาแบบนี้กันล่ะ?

ถ้าเปรียบเทียบกับคำอธิบายแบบขอไปทีว่าลู่โจวแค่สนใจเรื่องนี้ชั่วคราวเฉยๆ แล้วล่ะก็ คนส่วนใหญ่ปักใจเชื่อเสียมากกว่าว่า นักวิชาการลู่จะต้องค้นพบเรื่องที่มหัศจรรย์พันลึกระหว่างกำลังศึกษาปัญหาในวงการอวกาศแน่ๆ

แล้วลู่โจวก็มองว่าความสำคัญของเรื่องนี้มีมากกว่าลิฟต์อวกาศเสียอีก

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจดี

คุณสมบัติทางฟิสิกส์ที่เยี่ยมยอดที่สุดของอนุภาคซีก็คือ พวกมันสามารถเข้าไปยุ่งกับแรงโน้มถ่วงได้เมื่อตัวอนุภาคซีเกิดการสั่น นั่นจึงส่งผลกระทบกับความโค้งของกาลอวกาศ

และด้วยคุณสมบัติทางฟิสิกส์ที่พิเศษนี้เอง ทำให้เมื่อศตวรรษก่อน อนุภาคที่ดูเหมือนจะลอยมาจากเดอะวอยด์นี้จึงถูกนักฟิสิกส์นำไปเชื่อมโยงเข้ากับคอนเซปต์เรื่องความเร็วกว่าแสง

เมื่อเปรียบเทียบกับนิวทริโนที่ทำให้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อนุภาคซีมีศักยภาพในข้อนี้อย่างเห็นได้ชัด

ถ้าลู่โจวค้นพบของอย่างสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซีและหาวิธีทำให้ช่องทางไฮเปอร์สเปซมีความมั่นคงได้จริงๆ ล่ะก็ อารยธรรมมนุษย์จะต้องเจอกับสิ่งที่เปลี่ยนโลกได้มากกว่าฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองเสียอีก…

เพราะถ้าไขกุญแจความลับของความเร็วที่เหนือความเร็วแสงได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไขกุญแจความลับของการไปสู่โลกที่ห่างไกลออกไปกว่าเดิมได้

ถึงจะยังเดินทางไปโลกที่อยู่ห่างไกลออกไปไม่ได้ชั่วคราวและถึงแม้เรื่องอย่างการเดินทางด้วยการวาร์ปจะยังไปไม่ค่อยถึงไหน แต่แค่ส่งโฟตอนหรือข้อมูลนิดหน่อยผ่านช่องทางไฮเปอร์สเปซไปได้ก็ส่งผลใหญ่โตกับอารยธรรมมนุษย์มากแล้ว

และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยจินหลิง แต่แทบจะเป็นทุกมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยฟิสิกส์เชิงทฤษฎีต่างก็หันมาสนใจกับข้อเสนอของลู่โจวครั้งนี้

ในฐานะที่เป็นสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ที่สเกลใหญ่รองลงมาแค่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง สถาบันฟิสิกส์เชิงทฤษฎีของสถาบันวิทยาศาสตร์พาน-เอเชียนจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากทราบว่าผู้ที่ตั้งข้อเสนอสาธารณะนี้ขึ้นมาก็คือคนที่มีตำแหน่งสูงอย่างลู่โจว ทำให้ศาสตราจารย์ห่าวเจ๋ออวี่และศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าวางงานส่วนตัวของพวกเขาทิ้งทันทีและหันมาใช้เวลาวิจัยข้อเสนอของลู่โจวแทน

พวกเขาไม่เหมือนกับนักศึกษาที่แค่ลองแตะปัญหานี้เล่น พวกเขาไม่ใช่แค่ศาสตราจารย์ฟิสิกส์เชิงทฤษฎีและฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์ที่จริงจัง แต่พวกเขายังเป็นนักวิชาการระดับสูงในสาขาของตัวเองอีกด้วย

นอกจากพวกเขาทั้งสองจะได้รางวัลฟิสิกส์มาหลายรางวัลในระดับนานาชาติแล้ว พวกเขายังสร้างผลงานโดดเด่นในสาขาไฮเปอร์สเปซอีกด้วย เรียกได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นผู้ท้าชิงจะได้รับรางวัลฟิสิกส์ลู่โจวที่สร้างผลงานไว้เยอะที่สุด

ห่าวเจ๋ออวี่ถือถ้วยชาร้อน เขาเดินมาหยิบเก้าอี้เตรียมนั่งลงที่ข้างศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่า พอนั่งลงห่าวเจ๋ออวี่ก็เปิดบทสนทนาขึ้นมาอย่างออกรส “ผมเพิ่งเข้าฟอรั่ม LSPM ไปอ่านข่าวมา”

ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่ากดหยุดจอโฮโลแกรม เขาส่งสายตาตั้งคำถามไปทางคนข้างๆ

“เจออะไรใหม่ๆ ไหม?”

ศาสตราจารย์ห่าวเจ๋ออวี่ยิ้มแล้วตอบคำถาม “ถ้าถามถึงเรื่องการค้นพบทางวิชาการล่ะก็ ยังไม่มีเลยสักอัน แต่ถ้าถามถึงเรื่องข่าวซุบซิบที่พวกชาวเน็ตคุยกัน อันนั้นก็ดูค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว”

“นี่คุณสนใจเรื่องน่าเบื่อพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

“น่าเบื่อเหรอ? ผมว่าไม่นะ” ศาสตราจารย์ห่าวเจ๋ออวี่จิบชาให้คอชุ่มชื่นขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ “อนุภาคซีที่สั่นและมั่นคงจะทำให้อวกาศเปลี่ยนแปลงอย่างคงที่ เมื่อหนึ่งศตวรรษก่อน ลู่โจวได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้วผ่านวิธีการทางคณิตศาสตร์ แล้วเมื่อปี 2043 ภายใต้การนำของศาสตราจารย์หลัวเหวินเซวียน ILHCRC ก็ได้พิสูจน์เรื่องนี้ผ่านการทดลองหลายอย่างเหมือนกัน…”

“ตอนนี้ก็ปี 2126 แล้ว ตั้งแต่ที่เริ่มโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศก็ผ่านไปสามสัปดาห์ครึ่งได้ ในช่วงเวลาอันพิเศษนี้ นักวิชาการลู่ที่เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศ จู่ๆ ก็หันเหความสนใจจากวงโคจรพ้องคาบโลกมาที่เรื่องอนุภาคซี ไม่คิดว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแหม่งๆ เหรอ?”

พอฟังเพื่อนร่วมงานวิเคราะห์เป็นฉากๆ ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าก็อดเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้

พอฟังไปฟังมาแล้ว…

ก็ฟังดูน่าสนใจจริงๆ

“คุณคิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ?”

“อันนี้ก็เป็นแค่สมมุติฐานน่ะนะ” ศาสตราจารย์ห่าวเจ๋ออวี่เริ่ม แล้วก็อธิบายต่อ “จากที่ผมเข้าใจเรื่องอนุภาคซีเนี่ย นักวิชาการลู่อาจจะไม่ได้วิจัยเรื่องที่เกี่ยวกับลิฟต์อวกาศในช่วงนี้ แต่เขากลับกำลังวิจัยเรื่องวาร์ปไดรฟ์หรืออะไรทำนองนั้นแทน แล้วเขาก็เกือบทำสำเร็จแล้วด้วย”

ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าถามด้วยตาเป็นประกาย “แต่เขากลับยังขาดกุญแจที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหานี้ไปสินะ?”

“ใช่แล้วล่ะ!” ศาสตราจารย์ห่าวเจ๋ออวี่ยิ้มแล้วพยักหน้า “กุญแจก็คือสมการคลื่นความโน้มถ่วงของอนุภาคซีไงล่ะ!”

เขาวางมือขวาตัวเองลงบนบ่าของศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่า แล้วเอ่ยขึ้นต่อพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า “เข้าใจแล้วสินะเพื่อน พวกเรากลายเป็นผู้มีส่วนตัวในภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่มากกว่าลิฟต์อวกาศเสียอีก และนี่เป็นสิ่งที่มีแต่นักทฤษฎีอย่างพวกเราเท่านั้นที่ทำได้!”

“ถ้าหากสมการคลื่นอนุภาคซีของพวกเราช่วยสร้างวาร์ปไดรฟ์ขึ้นมาจริงๆ พวกเราก็จะกลายเป็นผู้บุกเบิกยุคอนาคต!

และจะกลายเป็นนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ของศตวรรษนี้!”