หลินสวินโคจรพลังของตนถึงขั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยไม่ลังเลใดๆ!

“สยบ!”

เขาตวาดลั่น เรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดแหวกอากาศออกไปพิฆาต

ในยามนี้ตัวเจดีย์ที่เหมือนหล่อจากทองเทพปรากฏอักขระมหามรรคตัวแล้วตัวเล่า ทุกขีดทุกลายเส้นแฝงความล้ำลึก ยิ่งใหญ่ เร้นลับ เผยกลิ่นอายน่าเกรงขามสูงส่งที่กดดันกำราบไปทั่วทิศ

ตูม!

เพียงพริบตา ยอดสมบัติที่เรียกได้ว่าอัศจรรย์เกินคาดเดาทั้งสองอย่างวงอสนีสุริยันและเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดก็ปะทะกัน พาให้ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วนเหมือนภาพคลื่นซัดโหมกระหน่ำ

พวกคุนเซ่าอวี่หลบหลีกเต็มกำลังโดยไม่ลังเล สีหน้าเผยความตกตะลึง การปะทะเช่นนี้ช่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้เทพผีโศกศัลย์จริงๆ!

เสียงกัมปนาทอึกทึกสนั่นหูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ว่าในสถานการณ์อันตรายนั้นมีพลังกฎระเบียบฟ้าดินแน่นขนัดมากมายปรากฏ กำราบคลื่นพลังของการต่อสู้ที่น่ากลัวนั่น

นี่คือพลังระเบียบวัฏจักรของสมรภูมิเซียนเหิน คล้ายไม่ยอมให้พลังที่สะเทือนใต้หล้าเกินไปเช่นนี้เข้าออกได้ตามสะดวก!

“เอ๋!”

เจียงเหิงในชุดกระโปรงเขียว ใบหน้างามไร้ใดเปรียบเผยความตกตะลึงให้เห็น การโจมตีที่นางภาคภูมิใจที่สุดถูกต้านไว้ได้

ต้องรู้ว่าวงอสนีสุริยันนั้นไม่ธรรมดา เป็นสิ่งที่ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งของสำนักมอบให้นางเป็นพิเศษ หลังจากที่นางสร้างวิชาแห่งตนได้สำเร็จ

ทันทีที่สมบัตินี้ปรากฏ สมบัติอริยะทั่วไปจะถูกบดขยี้กลายเป็นจุณในพริบตา แต่ตอนนี้กลับถูกเจดีย์สมบัติหลังหนึ่งขวางกั้น!

ขณะเดียวกันหลินสวินก็มุ่นคิ้ว เผยสีหน้าจริงจังให้เห็น

เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดเป็นถึงยอดสมบัติตกทอดของคีรีดวงกมล ศิษย์พี่ราชันผีเสวียนคงเคยกล่าวว่าสมบัตินี้เกี่ยวข้องกับความยิ่งใหญ่ มีความลับที่คาดไม่ถึง

ในการฆ่าฟันหลายปีนี้ ถ้าไม่เจอเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานหลินสวินจะไม่ใช้มันโดยง่าย แต่เมื่อใช้แล้วก็มักจะทำอะไรราบรื่น

แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่สูสีกับวงอสนีสุริยันนั่น!

นี่ทำให้หลินสวินรู้ว่า ความเป็นมาของสมบัติชิ้นนี้ของอีกฝ่ายเกรงว่าคงน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

“เจดีย์สมบัตินั่น ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”

ทันใดนั้นบนเวิ้งฟ้า ในทางน้ำวนนั้นมีเสียงฉะฉานดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่เจือความรู้สึกยากจะเชื่อ

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ในทางน้ำวนนั้นพลันมีมือใหญ่ขาวกระจ่างเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นแหวกอากาศออกมาทันใด

พริบตานี้ราวกับวิญญาณเทพออกโจมตี ทุกข้อนิ้วของมือใหญ่นั่นรัดพันด้วยกลิ่นอายกฎเกณฑ์อริยมรรคจ้าตา บังฟ้าคลุมตะวัน ปกคลุมฟ้าดิน

ทันทีที่เอื้อมลงมาก็พาให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวเหมือนหัตถ์สวรรค์บีบกดโลก

‘เจดีย์นี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ถึงกับทำให้ศิษย์พี่ใหญ่อดลงมือไม่ได้’

นัยน์ตากระจ่างของเจียงเหิงที่อยู่ห่างออกไปพลันหดรัด ในใจเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของนางคนนี้เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎในระดับมหาอริยะที่เลื่องชื่อลือนามบน ‘กระดานมหาอริยะฟ้าดารา’ มานานแล้ว

เพียงแต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่มีนิสัยอวดดีและหัวสูงมาตลอด ทำไมยามนี้ถึงเปลี่ยนเป็นเร่งร้อนเช่นนี้

ถึงขั้นลงมือโดยไม่สนอะไรแล้ว!

ต้องรู้ว่าที่นี่คือสมรภูมิเซียนเหิน เมื่อพลังใดๆ ที่เหนือกว่าระดับมกุฎอริยะปรากฏ ล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก!

ตูม!

พูดแล้วเหมือนเนิ่นนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วนัก พริบตานี้หลินสวินมีความรู้สึกว่าตัวเล็กจ้อยเหมือนมดปลวก ถึงกับรู้สึกว่าไร้แรงดิ้นรนเหมือนจมน้ำ

นี่ทำให้ในใจเขาอดตกตะลึงไม่ได้ นี่คือมือใหญ่ที่น่ากลัวระดับใด

ทั้งเจ้าของมือจะมีพลังปราณที่แข็งแกร่งแค่ไหน

วู้ม!

จากนั้นหลินสวินก็รู้สึกว่าเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดถูกแรงกำลังมหาศาลคว้าไป ทั้งมีความรู้สึกว่าจะหลุดออกจากการควบคุม

แย่แล้ว!

หลินสวินหน้าเปลี่ยนสี

พร้อมกันนี้จู่ๆ ก็มีแสงดำสายหนึ่งปรากฏ จากนั้นก็มีเสียงดังเปรี้ยง หม้อดำใบหนึ่งฟาดใส่มือใหญ่ข้างนั้นเต็มแรง

“เจ้าคนหน้าไม่อาย กล้าแย่งสมบัติของน้องชายข้ารึ ไสหัวไปซะ!”

ก็เห็นว่าแสงดำสายนั้นกลับเป็นนกดำตัวหนึ่ง มันอ้าปากด่ายกใหญ่ พลางใช้กรงเล็บเหวี่ยงหม้อดำใบโตฟาดใส่มือใหญ่นั้นอย่างหนักหน่วง

เสียงเปรี้ยงลั่นดังติดต่อกันราวกับฟ้าผ่า แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งสาดทั่วทิศ เสียงดังระงมไม่ขาดหู

เจ้านกดำ!

หลินสวินรู้สึกผิดคาดโดยพลัน คิดไม่ถึงเลยว่านกขี้ขโมยที่สับปลับและร้ายกาจนี่จะปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ แสงเร้นลับที่แผ่ออกมาจากหม้อดำใบใหญ่นั้นของมัน ถึงกับสลายพลังของมือใหญ่ข้างนั้นได้อย่างสมบูรณ์จากการฟาดใส่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมือใหญ่ข้างนั้นก็ยังกระจายหายไปกลางอากาศด้วย

แม้แต่เจียงเหิงก็ยังตกตะลึง นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้าง ศิษย์พี่ใหญ่ลงมือแต่ถูกนกตัวหนึ่งใช้หม้อดำใบใหญ่ขวางไว้ได้หรือ

“เตาศุภโชครวมปราณ!”

ในทางน้ำวนเสียงฉะฉานนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ดูตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมแล้ว

ขณะเดียวกันทางน้ำวนนั่นก็พลันสั่นสะเทือนรุนแรง มีสัญญาณว่าจะพังทลาย

ที่แท้เป็นพลังกฎระเบียบในฟ้าดินแถบนี้ที่แผ่คลุม ก่อให้เกิดแรงกดดันอย่างหนึ่ง ทำให้ทางน้ำวนนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย

“แย่แล้ว ศิษย์น้องเจียงเหิงรีบไปเร็ว!”

เสียงฉะฉานดังขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ว่าเร่งรีบนัก คล้ายคาดไม่ถึงอยู่บ้าง

เจียงเหิงก็รู้ว่าท่าไม่ดี แต่ยังไม่หายโกรธ นางส่งสายตาเยียบเย็นไปทางหลินสวินเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้พลางกล่าว

“เจ้าหัวขโมย ข้าจำเจ้าไว้แล้ว!”

นางพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ โฉบไปยังทางน้ำวนนั่น

ตูม!

แต่พริบตานี้หลินสวินกลับถือเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดแล้วพุ่งตามไปทันที “ผู้อื่นมีเมตตาให้ก็ควรสนองตอบ ไม่เช่นนั้นจะเสียมารยาท ข้าผู้แซ่หลินก็มีเมตตา จะสงเคราะห์หญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าเอง!”

“เจ้า…”

เจียงเหิงคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าโอหังเช่นนี้ ยามตอบสนองก็ได้แต่ฝืนปะทะอย่างเดียว

ปึง!

แสงศักดิ์สิทธิ์กึกก้อง แสงมรรคปั่นป่วน

จากนั้นก็เห็นเจียงเหิงเหมือนถูกฟ้าผ่า ร่างกายซวนเซ ใบหน้างามพลันซีดเผือด ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด

ทว่านางก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าไปในทางน้ำวนนั่น หายไปในชั่วพริบตา

หลินสวินเสียดายอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ เมื่อรั้งอีกฝ่ายไว้ไม่ได้ คิดจะรู้ข่าวของทางเดินโบราณฟ้าดาราจากปากนางสักหน่อยก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

“เจ้าหัวขโมย! ภายหน้าอย่าให้ข้าเจอเจ้าอีก มิฉะนั้นข้าจะทำลายกระดูกป่นขี้เถ้าเจ้าแน่!”

เสียงแหลมเปี่ยมความเดือดดาลของเจียงเหิงดังออกมาจากทางน้ำวน เจือกลิ่นอายกรุ่นโกรธอยู่บ้าง ไม่หยิ่งทะนงเย็นชาราวสูงส่งเหนือผู้อื่นเหมือนก่อนหน้านี้อีก

“วางใจเถอะ ข้าก็ไม่อยากเจอหญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าแล้ว”

หลินสวินเยาะหยัน

ถึงตอนนี้ทางน้ำวนได้หายไปกลางอากาศ ก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ชื่อว่าเจียงเหิงนั้นได้ยินหรือไม่

หลินสวินหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง ในที่นั้นไม่มีเงาร่างของพวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอีและจู๋อิ้งคงแล้ว

เห็นได้ชัดว่าหลังจากพวกเขาสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีก็หนีไปทันใด

“นายท่าน พวกเซวี่ยชิงอีนั่นหนีไปทางตะวันออกแล้ว”

เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนพุ่งมาอย่างรีบเร่ง

“ไม่จำเป็นต้องตามแล้ว”

หลินสวินส่ายหัว เขารู้ว่าต่อให้ตามไปความหวังก็ไม่มาก

ทั้งการประมือกับหญิงสาวที่ชื่อว่าเจียงเหิงครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบต่อหลินสวินไม่น้อย

‘ที่แท้บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วย…’

หลินสวินเคยเห็นความสง่างามของบุคคลระดับผู้นำแห่งค่ายทัพแปดดินแดนอื่นมาก่อนแล้ว จากความหวาดกลัวในช่วงแรก ถึงตอนนี้ล้วนไม่อยู่ในสายตาเขาอีก

แต่การปรากฏตัวของเจียงเหิงทำให้หลินสวินรู้ว่า นอกเก้าดินแดน เหนือท้องฟ้าบนทางเดินโบราณฟ้าดาราที่ลึกลับนั่น ยังมีพวกที่ไม่ด้อยไปกว่าตัวเองอยู่!

‘สำนักยุทธ์เสวียนจี… เจียงเหิง…’

หลินสวินคิดในใจเงียบๆ สาเหตุที่พวกคุนเซ่าอวี่หนีไปได้อย่างปลอดภัยในครั้งนี้ ทั้งหมดก็ด้วยถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง

ทั้งตั้งแต่ปรากฏตัวผู้หญิงคนนี้ก็ทำท่าเย่อหยิ่งข่มขู่ผู้คนราวสูงส่งเหนือผู้อื่น มองเขาเป็นหัวขโมย นี่จะไม่ให้หลินสวินคับข้องใจได้อย่างไร

ต่อให้เกิดมางามแล้วอย่างไร เขาคนแซ่หลินยามสู้กับศัตรู ไม่เคยเป็นพวกที่อ่อนโยนกับสตรีมาก่อน!

‘ยังมีศิษย์พี่ของเจียงเหิงนั่น ถึงกับคิดจะใช้กำลังแย่งชิงเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ความแค้นนี้ต้องจำไว้แล้ว’

หลินสวินสูดหายใจลึก ในดวงตาดำฉายแววเย็นเยียบ

“เจ้าหนู เป็นอย่างไรบ้าง ยังนับว่าข้ามาทันเวลาใช่ไหม”

นกดำกระพือปีกแล้วบินเข้ามาใกล้อย่างสบายๆ ทำท่าเชิดหน้าชูตา หยิ่งยโสภาคภูมิ

เพียงแต่มันแบกหม้อดำอยู่จึงยิ่งดูยิ่งอัปลักษณ์

“ที่แท้ป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นสุดท้ายของดินแดนรกร้างโบราณก็อยู่ในมือเจ้า แต่ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าถึงไม่เคยปรากฏตัว”

หลินสวินเหลือบมองนกขี้ขโมยนี่เล็กน้อย เจ้าหมอนี่ทำตัวลึกลับเสมอ ทั้งยังซ่อนความลับไว้ไม่น้อย

นกดำถอนหายใจสั้นบ้างยาวบ้างกล่าว “เฮ้อ เรื่องในอดีตไม่น่าอภิรมย์นัก ทันทีที่ข้าเข้ามาในสมรภูมิเก้าดินแดนก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังโลกลี้ลับใบเล็กที่แร้นแค้นแห่งหนึ่ง วันๆ ได้แต่ข่มใจฝึกปราณอย่างยากลำบาก”

“ยามสมรภูมิเซียนเหินมาเยือน ข้าจึงใช้ป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือหนีออกจากโลกเล็กนั้นมาได้ แล้วถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ในคราเดียว”

พูดถึงตอนท้ายสุดนกดำก็ถลึงตากล่าว “เจ้าหนู เจ้ายังไม่ขอบคุณข้าเลย ครั้งนี้หากไม่ได้ข้า เจ้ามีหรือจะปกป้องสมบัติของเจ้าได้”

เสี่ยวอิ๋นที่อยู่ข้างๆ ไม่ชอบความอวดดีของเจ้านกดำนัก ส่งเสียงฮึเย็นชากล่าว “เร็วไม่มา ช้าไม่มา ข้าว่าเจ้าคดในข้องอในกระดูกเหมือนหญิงอัปลักษณ์นั่น แต่ละคนล้วนร้ายกาจ ไม่แน่ว่าครั้งนี้เจ้าช่วยนายท่านของข้าก็ด้วยมีจุดประสงค์อะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้”

เจ้านกดำพลันกระทืบเท้ากล่าว “เอ๋ เสี่ยวอิ๋น หลังจากบรรลุมกุฎอริยะเจ้าดูใจร้อนขึ้นนะ กล้ามายั่วยุข้าแล้ว เชื่อไหมว่าข้าจะโยนเจ้าลงหม้อแล้วต้มกินซะเลย”

เสี่ยวอิ๋นกลอกตาใส่ “ถ้ามีปัญญาเจ้าก็ลองดู!”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ มกุฎมหาอริยะของทางเดินโบราณฟ้าดารานั่นข้ายังกล้าล่วงเกิน มีหรือจะกลัวหนอนน้อยอย่างเจ้า”

“อย่าพูดมาก ถ้ามีปัญญาก็ลงมือ!”

ทั้งสองโจมตีกันไปมา ถลึงตามองกัน ไม่มีใครยอมใคร

หลินสวินพลันขบขัน รีบห้ามปราม

“ไปๆๆ กลับไปเก็บกวาดทรัพย์หลังศึกกัน!”

เขาโบกมือหันหลังกลับไปยังสนามรบ

“ดี!”

ดวงตาของเจ้านกดำเปลี่ยนเป็นวาววาบในชั่วขณะเดียว กุลีกุจอตามหลังหลินสวินไป ท่าทางอดรนทนไม่ไหว

“หน้าด้าน!”

เสี่ยวอิ๋นหลุดสบถออกมา แล้วตามไปพร้อมกับเสี่ยวเทียน

ไม่นานพวกเขาก็กลับมายังสนามรบ เมื่อสอดส่องสายตาไป ทุกหนแห่งล้วนเป็นภาพน่าสังเวชที่ควันเขม่าอบอวล

ศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หลินสวินใช้วิชาของศัตรูทำลายตัวเอง สังหารบุคคลยอดเยี่ยมที่เป็นเลิศที่สุดของค่ายทัพแปดดินแดนในกระบวนค่ายกลใหญ่พันผีจนหมด ฆ่าบุคคลระดับผู้นำสามคนอย่างชืออู๋ซู่ ฮว่าหงเซียว เลี่ยเฉียน ขณะเดียวกันสือพั่วไห่ก็ตายอนาถจากการร่วมมือกันโจมตีของเสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียน

สุดท้ายก็มีแค่พวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคงสามคนที่ลุกลนหนีไปได้ เรียกได้ว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่!

คาดการณ์ได้เลยว่าหลังจากสมรภูมิเซียนเหินปิดฉากลง ค่ายทัพแปดดินแดนจะต้องสั่นสะเทือนด้วยต้องแบกรับการโจมตีอันหนักหน่วงเช่นนี้แน่!

ถึงขั้นที่ว่าสถานการณ์ของการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนอาจได้เขียนขึ้นใหม่!

………………