บทที่ 1238 การกลับมาของหอยทาก

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

สำหรับสัญญาพรีเซนเตอร์ของสัตว์นั้น จำนวนนี้ถือว่าดีมากแล้ว เพราะมีค่าเท่ากับรายรับสามสิบล้านที่จอร์แดนได้รับตอนจบการแข่งขันหนึ่งฤดูกาลใน NBA แล้ว จากจุดนี้ทำให้รู้ได้ว่าบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์คิดว่าหู่จือกับเป้าจือสามารถทำเงินให้พวกเขาได้เท่าไรแล้ว

เอริก้านำสัญญามาด้วย ฉินสือโอวเรียกให้เออร์บักมาในทันทีเพื่อให้เขาช่วยตรวจดูให้ เมื่อไม่มีปัญหาก็สามารถเซ็นได้เลย

เออร์บักพูดเตือนเขาว่า “ฉิน ถ้านายอยากให้หู่จือกับเป้าจือเป็นพรีเซนเตอร์ นายสามารถเลือกดูก่อนก็ได้นะ ตอนนี้บริษัทที่สนใจในตัวพวกมันคงมีไม่น้อยเลย อีกอย่างนายลองคิดให้กว้างอีกนิด หู่จือกับเป้าจือไม่เพียงสามารถเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับอาหารสัตว์เท่านั้นนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว คนทั้งสี่คนของบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์ที่เพิ่งวางใจก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง พากันมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นพร้อมกัน

ท่านชายฉินปัดมือออก เขายิ้มแล้วพูดกับเอริก้าว่า “วางใจได้ครับ พวกเราชาวจีนทำธุรกิจจะถือเรื่องความซื่อสัตย์มาก ในเมื่อผมตกลงรับปากกับพวกคุณไปแล้ว ก็เท่ากับว่าสัญญาครั้งนี้ได้เซ็นไปเรียบร้อยแล้วครับ”

เอริก้ายิ้มออกมา แล้วพูดว่าแน่นอนว่าพวกเราเชื่อใจคุณ

ชื่อเสียงของบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์ดีมาก การได้ร่วมงานกับบริษัทแบบนี้สามารถวางใจได้ อีกอย่างสัญญาที่เขากับเอริก้าทำร่วมกันคือให้หู่จือกับเป้าจือเป็นพรีเซนเตอร์ด้านอาหารสัตว์เท่านั้น ไม่ส่งผลต่อการเป็นพรีเซนเตอร์ด้านอื่นเลย

ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญา 1+1 กัน ระยะสัญญาคือสองปี ปีแรกเป็นสัญญาปกติทั่วไป ส่วนปีที่สองทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงเต็มที่ หากว่าหู่จือกับเป้าจือไม่สามารถนำผลประโยชน์ที่เหมาะสมมาให้ได้ ทางบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์สามารถบอกยกเลิกสัญญาก่อนหมดสัญญาได้

และหากว่าผลประโยชน์ที่หู่จือกับเป้าจือนำมาให้มีมากมายมหาศาล ทางด้านฉินสือโอวก็สามารถขอขึ้นราคาค่าตัวได้ หากว่าทางบริษัทไม่ยอมขึ้นค่าตัวให้ เขาก็สามารถบอกยกเลิกก่อนหมดสัญญาได้เหมือนกัน แต่หากว่าค่าตัวที่เขาแจ้งมา ทางบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์สามารถให้ได้ ในราคาเท่ากันนี้ เขาจะไม่สามารถไปร่วมมือกับบริษัทอื่นได้

สัญญาที่ยุ่งยากพวกนี้ เออร์บักกลับบอกว่านี่ยังถือว่าเรียบง่ายนะ…

หลังเซ็นสัญญา ฉินสือโอวให้ทั้งสี่คนอยู่ต่อตรงใต้ร่มไม้ของฟาร์มปลาเพื่อทานอาหารกลางวันริมหาดกัน พร้อมกับถามว่า “พวกคุณเคยคิดจะผลิตอาหารสัตว์ของหมีสีน้ำตาล หมาป่า แมวป่าหรือกระรอกบ้างไหมครับ? ทางผมสามารถเป็นพรีเซนเตอร์ได้หมดนะครับ เต่าก็มี กวางอูฐก็มีเช่นกัน”

เอริก้าอึ้งถึงขั้นเหงื่อไหลออกมา เธอพูดออกมาอย่างตกใจว่า “พระเจ้า ที่นี่คือสวนสัตว์เหรอคะ? หรือว่าคุณคือดรูอิดคนในตำนานของเคลต์เหรอคะ?”

ทั้งสี่คนอาศัยอยู่ในเมืองกับฟาร์มปลาเป็นเวลาสองวัน การมาเจรจาธุรกิจใหญ่แบบนี้ทำให้พวกเขามีเวลาเหลือเฟือ เมื่อทุกอย่างราบรื่น ทำให้สามารถใช้เวลาที่เหลือไปกับการท่องเที่ยวได้

สิ่งที่พวกเราชอบที่สุดยังคงเป็นการตกปลาในฟาร์มปลา ตกปลาเสร็จแล้วก็มาทำอาหาร ลมทะเลพัดโชย แสงแดดสาดส่อง นั่งดื่มกินกันใต้ร่มไม้ใหญ่ ชีวิตแบบนี้แหละถึงจะเรียกได้ว่าดื่มด่ำเป็นที่สุด

ตอนจากกันเอริก้าพูดด้วยความรู้สึกเอ่อล้นว่า “คุณฉินคะ ฟาร์มปลาของคุณเปรียบดังสวรรค์บนดินจริงๆ ดิฉันเคยไปฮาวาย นิวซีแลนด์ ฟิจิ และเคยไปมัลดีฟส์มาแล้ว แต่ก็ยังสู้ฟาร์มปลาของคุณไม่ได้เลยค่ะ”

ผู้ช่วยของเธอคนหนึ่งก็พูดด้วยว่า “ดิฉันยังไม่เคยเห็นน้ำทะเลที่ใสขนาดนี้มาก่อนเลย ล่องเรืออยู่บนทะเล ก็สามารถเห็นถึงภาพสะท้อนวิญญาณตัวเองในทะเลได้เลยค่ะ!”

ฉินสือโอวหัวเราะออกมา ที่พวกเขาพูดมานั้นค่อนข้างเกินไปนิด แต่ฟาร์มปลาของเขาก็เป็นสถานที่ที่ดีมากในการมาพักผ่อนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ไม่อย่างนั้นแมคคาลลียนคงไม่มาที่นี่แล้วอยู่จนถึงแก่หรอก คุณผู้หญิงท่านนี้เป็นคนที่เห็นโลกกว้างมาก่อนด้วย

ช่วงพลบค่ำฉินสือโอวพาพี่น้องเฟอเรทไปออกกำลังกายที่ชายหาด เฟอเรทเป็นนักล่าที่มีฝีมือดีมาก พวกมันจำเป็นต้องได้รับการออกกำลังกายและการฝึกฝนอยากหนักหน่วง แน่นอนว่าสัตว์เลี้ยงเงอะงะในบ้านนั้นได้หลุดจากอันดับนั้นกันหมดแล้ว

ระหว่างที่เดินไปทั่วอยู่นั้น เขาก็ปล่อยพลังโพไซดอนลงไปในน้ำอย่างเคยชิน

แต่ว่าหลังพลังโพไซดอนเพิ่งเข้าไปในน้ำเท่านั้น เขาก็เจอเข้ากับปลาปักเป้าตัวอ้วนกลมฝูงหนึ่งกำลังอ้าปากหมับๆ อยู่ในน้ำ

ฉินสือโอวเข้าไปดูทีหนึ่ง ก็พบว่าพวกมันกำลังกินหอยทากกันอยู่ เมื่อเห็นแบบนี้แล้วเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วฟาร์มปลาของเขาเคยได้รับความเสียหายจากหอยทาก แต่เพราะตอนนั้นถูกพบได้เร็วทำให้ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก หรือว่าหอยทากกลับมาอีกแล้ว?

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนถูกปล่อยออกไปทั้งสี่ทิศ วนอยู่รอบหนึ่งฉินสือโอวก็วางใจขึ้นมา เป็นจริงตามนั้นหอยทากกลับมาอีกแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้รวมกลุ่มกันสร้างความเสียหาย พวกมันมีจำนวนไม่มาก ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติ

เดือนกรกฎาคมเป็นฤดูผสมพันธุ์ของหอยทาก พวกมันจะออกมาจากทะเลลึกเพื่อมาผสมพันธุ์ หอยทากในช่วงนี้ยังเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอีกด้วย อย่างเช่นพวกกุ้งมังกร ปูกับปลาวาฬ ล้วนกินพวกมันเป็นอาหารทั้งนั้น

ฉินสือโอวก็อยากจับมากินบ้าง เจ้าตัวน้อยพวกนี้สะอาดมาก พวกมันอาศัยอยู่ในทะเลลึก ทำให้ไม่ได้รับการปนเปื้อน แถมยังถ่ายเป็นเวลาอีกด้วย ทำให้อุดมไปด้วยโปรตีนและแคลเซียม เป็นอาหารที่ดีมากชนิดหนึ่ง

นกจมูกหลอดหางสั้นของฟาร์มปลาถึงกับรวมฝูงกันรออยู่บนผิวน้ำ พวกมันในตอนนี้กำลังจับหอยทากกินกันอยู่ แบบนี้จึงสามารถควบคุมจำนวนของหอยทากได้ สามารถพูดได้ว่าฟาร์มปลาจะรุ่งได้ ระบบนิเวศน์ต้องดีด้วย

ตอนกินอาหารค่ำ ฉินสือโอวบอกพวกชาร์คว่าเขาอยากจับหอยทากมากิน ถามพวกเขาว่ามีวิธีอะไรหรือเปล่า

คนแคนาดาไม่กินหอยทาก หรือไม่ก็กินกันน้อยมาก ที่ที่กินของพวกนี้ก็เพิ่งเริ่มมีเมื่อไม่กี่ปีมานี้เท่านั้น จะมีแค่ภัตตาคารระดับสูงเท่านั้นที่จะมี เพราะว่านอกจากเดือนกรกฎาคมแล้ว หอยทากจะอยู่แต่ในทะเลลึก จับได้ค่อนข้างยาก คนแคนาดาเองก็ไม่ได้รู้สึกสนใจพวกมันมากด้วย

แต่สำหรับชาวประมงแล้ว ทุกสิ่งในทะเลถือว่าเป็นของขวัญ สามารถกินได้หมด ก่อนจะมาที่ฟาร์มปลาพวกเขาต่างก็เคยกินหอยทากกันมาก่อน

ชาร์คพูดว่า “ไม่มีปัญหา เชื่อมือพวกผมเถอะครับบอส พรุ่งนี้เวลานี้คุณได้กินเจ้าสิ่งนี้แน่ครับ”

เช้าตรู่วันต่อมา ชาร์คพาบูลกับชาวประมงอีกหลายคนไปหาท่อนไม้ใหญ่มาจำนวนหนึ่ง ระหว่างท่อนไม้ผูกแหตกปลาไว้ บนแหตกปลาก็คลุมไปด้วยหญ้าทะเลกับสาหร่ายจำนวนมาก จากนั้นจึงนำไปผูกไว้ที่ท้ายเรือฮาวิซทแล้วขับออกไปอย่างช้าๆ

ฉินสือโอวออกทะเลตามไปด้วย เขาถามว่า “หอยทากจะมาดูดบนท่อนไม้เองเหรอ?”

ชาร์คยิ้มแล้วพูดว่า “หอยทากไม่มีกระเพาะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกินและถ่ายตลอดเวลา พวกมันค่อนข้างยึดติดเรื่องอาหาร และคาดหวังที่จะสามารถกินอาหารได้โดยไม่ต้องขยับตัว ทำให้การใช้หญ้าทะเลกับสาหร่ายเป็นอาหาร ใช้ท่อนไม้ทำเป็นจุดพักเท้า จะทำให้พวกมันตามมาเอง”

และจริงตามนั้น ถึงตอนพลบค่ำที่เรือหาปลากลับถึงฝั่งแล้ว ตอนที่ลากท่อนไม้กลับมาดูนั้น ด้านบนเต็มไปด้วยหอยทากตัวใสจำนวนมากมาย และยังมีปลาปักเป้าที่ตัวพองอีกสองตัวติดมาด้วย

ปลาปักเป้าที่ติดมากับเรือหาปลานั้นเป็นปลาปักเป้ามีหนาม ผิวภายนอกมีจุดสีเทาขาว หลังดูดน้ำทะเลเข้าไปจนตัวพองแล้วจะมีลักษณะเหมือนกับเม่น แหจับปลาเป็นศัตรูของพวกมัน หลังจากถูกแหพันไว้แล้ว พวกมันจะคิดว่าถูกทำร้ายแล้วจึงพองตัวออกมา ทำให้ยิ่งหลุดออกจากแหไม่ได้เข้าไปอีก

ฉินสือโอวใช้มีดตัดแหส่วนนั้นออกแล้วปล่อยปลาปักเป้าน้อยลงไปในน้ำ พวกมันเบิกตาจ้องอยู่ในน้ำสักพัก เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอันตรายแล้ว จึงพ่นน้ำทะเลออกมากลายเป็นปลาตัวแบนก่อนแล้วค่อยว่ายจากไป

พวกชาวประมงนำอ่างน้ำออกมา สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือหอยทากที่จับได้นั่นเอง หอยทากเนื้อนุ่ม ตัวอวบอ้วน นำไปผัดไฟแดงกับพริกและซีอิ๊วก็จะกลายเป็นอาหารแกล้มเหล้ารสเลิศได้เลย

พี่น้องเฟอเรทนั่งอยู่ข้างฉินสือโอวแล้วมองเจ้าพวกนี้อย่างสงสัย พวกมันใช้กรงเล็บข่วนไปเบาๆ เนื้อที่อวบอ้วนของหอยทากก็สะเทือนไปมา พวกมันรู้สึกว่าน่าสนุกจึงเล่นต่อไปอีก กรงเล็บขยับไปมาราวกับกำลังเตะบอลอย่างไรอย่างนั้น

……………………………………