ตอนที่ 3220

War sovereign Soaring The Heavens

“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าอยู่แถวไหนหรือ?”

 

หลังเดินทางท่องไปในแดนสมบัติขุนเขาโอสถได้สักพักใหญ่ๆ ต้วนหลิงเทียนที่วาดแผนที่ในหัวไปได้หลายส่วนแล้วก็เริ่มติดต่อไปหาฮ่วนเอ๋อ ถามว่านางอยู่แถวไหน

 

ฮ่วนเอ๋อที่ได้รับข้อความก็เร่งติดต่อกลับมาเร็วไว “พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋ออยู่ที่ราบทุ่งหญ้ากว้างๆ ในละแวกนี้มีแค่เนินสูงๆ 2 แห่ง และระหว่างเนินทั้งสอง มีลำธารสายหนึ่งเลี้ยวลดคดเคี้ยวเหมือนงูเลย”

 

“ที่นี่มีร่องรอยสมุนไพรถูกขุดไปหมดแล้วด้วย พี่หลิงเทียนเคยผ่านมาหรือยัง”

 

ฮ่วนเอ๋อเริ่มเล่ารายละเอียดตำแหน่งที่นางอยู่ออกมาให้ต้วนหลิงเทียนฟัง

 

“ข้ารู้สึกคุ้นๆอยู่ ไม่แน่ใจว่าจะใช่ที่นั่นรึเปล่า…ข้าจะลองไปดูก่อน”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้า ใช้เคลื่อนย้ายข้ามมิติติดต่อกันอยู่ราวๆ 12 ลมหายใจ ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ๆมีลักษณะเหมือนกันกับที่ฮ่วนเอ๋อกล่าวอธิบายมาเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน

 

“พี่หลิงเทียน!”

 

และฮ่วนเอ๋อก็อยู่ที่นี่เช่นนกัน ทั้งสองจึงกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

 

“ฮ่วนเอ๋อ ข้าพึ่งได้ผลอมตะหงเหอมา หลังออกจากที่นี่เมื่อไหร่ข้าจะเอาให้เจ้า…ด้วยระดับพลังบ่มเพาะของเจ้าตอนนี้ ถ้าใช้ผลอมตะหงเหอ สมควรทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศได้ในเวลาสั้นๆแน่นอน”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าววกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม  สีหน้าคล้ายมีความสุขที่เจอผลไม้อมตะให้ฮ่วนเอ๋อ มากกว่าเจอผลไม้อมตะที่ตัวเองใช้ประโยชน์ได้เสียอีก

 

“อื้อ! จริงสิพี่หลิงเทียนฮ่วนเอ๋อก็เก็บผลไม้อมตะได้ไม่น้อยเหมือนกัน เป็นผลไม้อมตะที่ราชาอมตะใช้ได้เกือบ 20 ผล!”

 

ฮ่วนเอ๋อกล่าว

 

“อะไร? เกือบ 20!?”

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับเหวอไปทันที เขาพึ่งจะพบเจอผลไม้อมตะ 2-3 ผลเท่านั้นเอง แต่ฮ่วนเอ๋อได้ไปเกือบ 20 ในเวลาสั้นๆ?

 

“ฮ่วนเอ๋อ นี่เจ้าไปหาผลไม้อมตะมาจากไหนเยอะแยะ ทั้งที่พึ่งจะผ่านไปได้ไม่ทันไร?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“ก็มีแย่งของคนอื่นมาบ้าง หาเจอเองบ้าง…แต่ที่ได้เยอะที่สุด ฮ่วนเอ๋อได้จากพื้นที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิดเอาไว้ ข้าเจอที่แบบนั้นหลายแห่ง และทุกแห่งก็ไม่เคยมีใครมีใครเข้าไปเลย”

 

ฮ่วนเอ๋อกล่าว

 

พื้นที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิด?

 

ได้ยินคำของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด ค่ายกลมายาเหล่านั้นไม่พ้นมีไว้ซ่อนผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะ ไว้ให้ให้คนที่จะเข้ามาภายหลัง แต่พอดีค่ายกลมายาใดๆดันไม่มีผลกับฮ่วนเอ๋อเลย นางสามารถมองออกทั้งหมด กลับกันถ้าเป็นเขาหากไม่พลัดหลงเข้าไปก็จะไม่รู้เลย

 

“พี่หลิงเทียนเก้าในสิบพื้นที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิดเอาไว้น่าจะไม่มีใครเข้าไปเก็บเกี่ยว…พวกเราเน้นหาของในพื้นที่แบบนี้ดีกว่า”

 

ฮ่วนเอ๋อกล่าวกับต้วนหลิงเทียน

 

“เอาสิ”

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็พาฮ่วนเอ๋อเดินทางไปยังสถานที่ๆฮ่วนเอ๋อยังไม่เคยไป และก็เจอพื้นที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิดไว้ไม่น้อย

 

ในบรรดาสถานที่เหล่านั้น มีที่หนึ่งถูกคนค้นพบโดยบังเอิญไปแล้ว

 

ส่วนที่อื่นนั้นยังไม่มีใครเข้าไปเลย เพราะค่ากลมายาที่ปกปิดก็มีสูงต่ำ และสถานที่ๆยังไม่มีใครพบนั้นค่อนข้างมีระดับสูง

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าค่ายกลมายาจะมีระดับสูงและแนบเนียนแค่ไหน ในนสายตาของฮ่วนเอ๋อ มันก็เสมือนไม่มีอยู่

 

ครู่ต่อมาด้วยความสามารถของฮ่วนเอ๋อ ทั้งคู่ก็ได้เก็บเกี่ยวผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะได้มากมาย

 

“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสถานที่ๆไม่น่าจะมีอะไรที่ข้าเคยผ่านมาก่อนหน้า ที่จริงมันจะต่างออกไปราวฟ้ากับดินแบบนี้…”

 

ในบรรดาสถานที่ๆต้วนหลิงเทียนเคยไปมานั้น มี 2 แห่งที่พื้นที่บางส่วนถูกค่ายกลมายาปกปิดเอาไว้ จึงไม่ได้เข้าไป..

 

จนเมื่อเขาพาฮ่วนเอ๋อผ่านมา จึงพบว่ามีพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด

 

“เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามครึ่ง ก่อนที่แดนสมบัติขุนเขาโอสถจักปิดตัวลง”

 

หลังได้รับผลไม้อมตะระดับราชาจากสถานที่แห่งหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินสุรเสียงทรงอำนาจหนึ่ง

 

‘เสียงนี่…หรือว่าจะเป็นเสียงของจักรพรรดิหยก จักพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน เง็กเซียนฮ่องเต้ในตำนานปรัมปราของโลกมนุษย์?!’

 

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองตาฉายแววสวางจ้า

 

จักรพรรดิหยกเป็นตัวตนในตำนานที่เขาได้ยินมาตั้งแต่เป็นเด็กเมื่อชาติก่อน พอได้ยินเสียงของตัวตนที่อาจจะเป็นคนๆเดียวกันกับเจ้าของตำนานดังกล่าว ใจต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเต้นรัวขึ้น

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชาติก่อนเขาก็เป็นชาวโลกคนหนึ่ง ที่สำคัญความทรงจำครั้งยังอยู่บนโลกก็ครบถ้วนสมบูรณ์

 

“พี่หลิงเทียน ตอนนี้เหลือเวลาอีก 1 ชั่วยามครึ่ง…พวกเราลองไปทางนั้นดูไหม เผื่อจะเจอพื้นที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิดไว้”

 

ฮ่วนเอ๋อชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ยังไม่เคยไปพลางถามต้วนหลิงเทียนเสียงใส

 

“เอาสิ”

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เร่งเดินทางไปยังจุดที่ยังไม่เคยไปในแดนสมบัติขุนเขาโอสถ

 

และ 2 เค่อต่อมา ทั้งคู่ก็พบกับพื้นที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิดเอาไว้จริงๆ หลังจากเก็บเกี่ยวผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะทั้งหมดแล้ว ทั้งคู่ก็จากไป

 

‘รวมกับผงเมื่อครู่ นับว่าได้ผลไม้อมตะมาเพิ่มอีก 20 กว่าผล…หากรวมกับของเดิมที่ข้ามีและของที่ฮ่วนเอ๋อเก็บได้…ตอนนี้ก็มีผลไม้อมตะเกือบ 50 ผลแล้ว’

 

หลังออกจากสถานที่ๆถูกค่ายกลมายาปกปิดเอาไว้ ต้วนหลิงเทียนก็คิดในใจอยย่างวาดหวัง ‘ไม่รู้ว่าด้วยเวลาที่ยังพอมีเหลืออีก 1 ชั่วยาม จะเก็บผลไม้อมตะได้เกิน 50 ผลหรือไม่’

 

ยังดีที่ความคิดในหัวของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันไม่มีผู้ใดล่วงรู้ หากรู้ไม่พ้นพวกมันต้องบุกเข้ามาสู้ตายแน่!

 

ผู้อื่นนั้น หากพบเจอผลไม้อมตะสัก 2-3 ผลก็ดีใจแทบตายแล้ว!

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกลับคาดหวังจะเก็บผลไม้อมตะให้ได้เกิน 50 ผล!

 

“ไอ้หนู! เป็นเจ้า!!”

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนพึ่งออกเดินทางไปต่อได้ไม่ทันไร เขาก็ได้ยินเสียงดังสนั่นปานฟ้าร้องหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

 

พอหันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นผู้อาวุโสแซ่หวังของนิกายจ๋างหั่วฉาน ที่ประมือกับอาวุโสแซ่ฉินของนิกายเหิงชาเฉวียนเพื่อช่วงชิงผลอมตะหงเหอ แต่กลับถูกต้วนหลิงเทียนฉกไปหน้าตาเฉย

 

ชายชราแซ่หวังคนนี้ เป็นจอมราชันอมตะ 3 ศักดิ์

 

ถึงงแม้ว่ามันจะไม่อาจเอาชนะอาวุโสของนิกายเหิงชาเฉวียนที่มีด่านพลังฝึกปรือเพียงจอมราชันอมตะ 2 ยศได้ ก็ไม่ใช่เพราะว่ามันอ่อนแอ แต่อีกฝ่ายนั้นเข้าใจกฏแห่งน้ำ ทว่าสิ่งที่มันเข้าใจกลับเป็นกฏแห่งไฟ และหากพลังไล่เลี่ยกันน้ำจะข่มไฟได้ก็ไม่แปลก

 

และตอนนี้นอกจากชายชราแซ่หวังแล้ว ข้างๆมันยังมีชายชราเพิ่มมาอีกคน

 

“อาวุโสหวัง ท่านรู้จักมันหรือ?”

 

ชายชราดังกล่าวเอ่ยถามด้วยสงสัย

 

“อาวุโสหลิว เจ้านั่นเป็นคนที่ข้ากล่าวบอกท่านไปก่อนหน้าอย่างไรเล่า…ในตอนที่เฒ่าฉินน่าตายมารบเร้าพัวพันเพราะคิดแย่งผลอมตะหงเหอกับข้า ไอ้หนูนั่นมันก็ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติไปฉกของแล้วหนีหายไปต่อหน้าต่อตาพวกเรา…”

 

ชายชราแซ่หวัง ผู้อาวุโสของนิกายจ๋างหั่วฉาน เอ่ยตอบเสียงขรึม

 

ได้ยินคำเรียกหาอย่างสนิทสนม เห็นได้ชัดว่าชายชราข้างๆมัน ก็เป็นอาวุโสของนิกายจ๋างหั่วฉานเช่นกัน

 

“เจาหนุ่มนี่น่ะรึ?”

 

ได้ยินคำของชายชราแซ่หวัง สองตาของอาวุโสหลิวก็ทอแสงจ้าขึ้นมาทันที มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตายังคล้ายนักล่าเห็นเหยื่ออันโอชะ!

 

“ที่แท้เป็นผู้เฒ่าหวังนั่นเอง ว่าแต่ผู้เฒ่าทั้ง 2 เป็นอย่างไรบ้างเล่า พวกท่านสมควรได้ของดีไม่น้อยกระมัง?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มมากอัธยาศัย

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องีท่ตอนนี้เขามีฮ่วนเอ๋ออยู่ด้วยเลย ต่อให้ไม่มีฮ่วนเอ๋อถึงชายชราเบื้องหน้า 2 คนจะมัดรวมกันมา เขาก็ไม่ได้เห็นพวกมันอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

 

นิกายจ๋างหั่วฉานเป็นแค่นิกายอมตะระดับ 5 และไม่มีแม้แต่จอมราชันอมตะสมญานามสักคนดำรงอยู่ กับอีแค่อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกส่งมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในแดนสมบัติขุนเขาโอสถ ไม่ถือเป็นตัวตนระดับเสาหลักของนิกายด้วยซ้ำ

 

ตัวตนระดับนี้ถึงเขาจะยังมีด่านพลังราชาอมตะ 10 ทิศ เขาก็ไม่ได้หวั่นเกรงอะไรมันเลย

 

เรียกว่าหากเขาชักกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนออกมา ก็คงลำบากแค่ลมหายใจเดียวไม่พ้นต้องฆ่าชายชราแซ่หวังนั่นได้ ส่วนอีกคนนั้น อย่างดีก็สิ้นเปลืองอีกแค่หนึ่งลมหายใจเช่นกัน…

 

ตอนนี้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนมีจิตวิญญาณกระบี่แล้ว ถึงแม้ว่าพลังอำนาจของตัวกระบี่ ด้วยระดับพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้อาจจะยังใช้มันได้ไม่เต็มอานุภาพ แต่พลังที่มันจะสำแดงออกมาได้ นับว่าเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิไปไกลโข!

 

ต่อให้เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณแล้ว พลังอานุภาพก็ไม่อาจนำมาเทียบกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้เลย!

 

ที่สำคัญในกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนยังมีหวงเอ้อที่สามารถสร้างร่างออกมาช่วยเขาได้

 

ถึงแม้ระดับพลังของหวงเอ้อจะถูกจำกัดตามระดับพลังบ่มเพาะของเขา ทำให้นางไม่อาจใช้พลังทั้งหมดของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้ แต่ความเข้าใจในกฏทำลายล้างของนางในอดีตไม่ได้หายไปไหน แค่พลังที่มีตอนนี้ไม่พอขับเคลื่อนมันเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามต่อให้ไม่ต้องใช้พลังสูงสุด เอาแค่พลังที่นางสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน พลังฝีมือของหวงเอ้อก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแล้ว

 

เมื่อ 10 ปีก่อน เขาก็ลองประมือกับหวงเอ้อดู

 

และการประลองก็จบลงด้วยผลเสมอ

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้ตัวเขาก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย!

 

“อะไร เจ้าถามแบบนี้ หรือคิดจะแย่งของพวกเราด้วย?”

 

อาวุโสหลิวของนิกายจ๋างหั่วฉานคลี่ยิ้มเยาะ “ไอ้หนู เจ้าเป็นแค่ราชาอมตะ 10 ทิศแท้ๆ นี่เจ้าจักไม่ละโมบเกินไปหน่อยหรือ?”

 

“ไอ้หนู เรื่องไร้สาระไม่ต้องกล่าว รีบมอบผลอมตะหงเหอคืนมาให้ข้าเสียประเสริฐกว่า…หาไม่แล้วต่อให้เจ้าจะใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติหนีไปซ่อนข้าได้ก็จริง แต่หลังจากที่เจ้าออกไปแล้วข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่!”

 

อาวุโสหวังมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วสายตาน้ำเสียงข่มขู่

 

“หนีไปซ่อน?”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ข้าไปบอกพวกท่านตอนไหนว่าข้าจะหนีไปซ่อน?”

 

“เหอะๆ หากไม่หนีไปซ่อน หรือเจ้าจะอยู่ต่อยตีกับพวกเรา?”

 

อาวุโสหวังยกยิ้มอย่างดูถูก

 

“ฮ่วนเอ๋อเจ้ากับข้าจัดการตาแก่นั่นคนละหนึ่ง…ไม่ต้องเอาถึงตาย แค่ชิงผลไม้อมตะมาก็พอ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ

 

ในเวลาต่อมา ท่ามกลางสายตาดูแคลนของชายชราทั้ง 2 แห่งนิกายจ๋างหั่วฉาน ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ่อก็แยกย้ายกันลงมือทันที พริบตาก็วูบร่างไปผุดโผล่เบื้องหน้าชายชราพร้อมลงมือฉับไวปานฟ้าผ่า

 

แม้ชายชราแซ่หวังจะเร่งเรียกใช้อุปกรณ์อมตะคู่กายออกมา แต่สุดท้ายก็ถูกต้วนหลิงเทียนเล่นงานยับเยินไม่อาจตอบโต้ได้เลย

 

และแต่ต้นนจนจบต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะใดๆ

 

“ผู้เฒ่าหวังหากไม่อยากตาย…ก็มอบสิ่งที่ได้ในนี้ออกมาเถอะ อ่อสหายข้านางสามารถสะกดจิตสหายของท่านได้ และตอนนี้นางก็รู้เรื่องที่ควรรู้หมดแล้ว ดังนั้นอย่าคิดเล่นตุกติกอะไรจะดีกว่า”

 

หลังจัดการชายชราของนิกายจ๋างหั่วฉานทั้งคู่จนอยู่หมัด ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มกล่าวกับอาวุโสหวัง

 

จังหวะนี้ชายชราทั้ง 2 ที่เห็นพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อแล้ว ก็จมอยู่ในความสิ้นหวัง ต่อให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไม่เตือน พวกมันก็ไม่กล้าเล่นตุกติกอะไรอยู่แล้ว

 

เพราะท้ายที่สุด พลังฝีมือของต้วนนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจะฆ่าพวกมันตอนไหนก็ได้ หากทั้งคู่ต้องการเกรงงว่าพวกมันคงตายไปแล้ว

 

“นี่เป็นผลไม้อมตะทั้งหมดที่ข้าได้หลังจากเข้ามาที่นี่”

 

“ส่วนนี่เป็นผลไม้อมตะทั้งหมดที่ข้าได้มา…”

 

อาวุโสทั้ง 2 ของนิกายจ๋างหั่วฉานก็ยื่นส่งแหวนพื้นที่วงสำรอง ที่เก็บผลไม้อมตะอันได้มาในแดนสมบัติขุนเขาโอสถแห่งนี้ให้ต้วนหลิงเทียนอย่างเรียบๆร้อยๆ

 

ตอนนี้พวกมันยังพอได้ระบายลมหายใจอย่างโล่งอกอยู่บ้าง เพราะต้วนหลิงเทียนไม่ได้ต้องการสมุนไพรอมตะที่พวกมันได้มา

 

อนิจจาคำพูดต่อมาของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้พวกมันสลดไปด้วยความสิ้นหวังจับใจทันที “จริงสิ ส่งสมุนไพรอมตะทั้งหมดที่ได้มาในนี้ออกมาด้วย”

 

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนยึดผลการเก็บเกี่ยวที่ชายชราทั้ง 2 ได้มาในแดนสมบัติขุนเขาโอสถแห่งนี้หมดแล้ว เขากับฮ่วนเอ๋อก็เตรียมตัวเดินทางต่อทันที แต่ทว่าทันใดนั้นเอง….

 

“อาวุโส 3 เป็นมัน! เจ้านั่นก็คือคนที่สังหารอาวุโสซุนหยู!!”

 

พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล กระตุกความสนใจให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อหันไปชมมองทันที ชายชราทั้ง 2 ของนิกายจ๋างหั่วฉานก็หันไปมองด้วยความสนใจเช่นกัน

 

จึงพบว่าสุดฟ้าไกลตาทิศทางหนึ่งมีร่าง 4 ร่างเร่งรุดเหาะมาทางนี้ เป็นชายวัยกลางคน 1 ผู้ชรา 3

 

ที่สำคัญ 1 ใน 3 ผู้ชราที่มาใหม่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด มันก็คืออาวุโสฉินของนิกายเหิงชาเฉวียนที่คิดช่วงชิงผลอมตะหงเหอกับอาวุโสหวังแห่งนิกายจ๋างหั่วฉานนั่นเอง

 

“ที่แท้เป็นเจ้าเองเรอะ สารเลวน้อย!!”

 

ในขณะที่อาวุโสฉินเบิกตากว้างเมื่อจดจำต้วนหลิงเทียนได้ มันก็เหลือบไปเห็นผู้อาวุโสทั้ง 2 ของนิกายจ๋างหั่วฉานที่อยู่ใกล้ๆต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน

 

“เฒ่าหวัง หลิวถง…นิกายเหิงชาเฉวียนของพวกเราต้องการผลอมตะหงเหอในมือสารเลวน้อยนี่! พวกเจาสมควรรู้ดีว่าควรตัดสินใจเช่นไร!!”

 

อาวุโสฉินมองจ้องชายชราทั้ง 2 ของนิกายจ๋างหั่วฉานเขม็งเอ่ยออกเสียงเข้ม อย่างไรก็ตามในแววตาของมันกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

นั่นเพราะมันมีคนเยอะกว่า หากเกิดการปะทะย่อมได้เปรียบแน่นอน

 

“เจ้า…”

 

อาวุโสหลิวของนิกายจ๋างหั่วฉานคิดจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่อาวุโสหวังกลับส่งเสียงผ่านพลังมาห้ามไว้ก่อน “ไม่ต้องเตือนพวกมัน!!”

 

“หรือท่านเต็มใจให้มีแต่พวกเราที่ต้องทนทุกข์?”

 

หลังส่งเสียงผ่านพลังกล่าวบอกอาวุโสหลิวด้วยสายตาลึกล้ำแล้ว อาวุโสหวังก็หันไปมองอาวุโสฉินแห่งนิกายเหิงชาเฉวียน และกล่าวด้วยท่าทางไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง “ไอ้แก่ฉินน่าตาย หากไม่ใช่วันนี้เพราะนิกายอมตะเหิงชาเฉวียนของเจ้ามีคนเยอะกว่า ข้าไม่มีทางปล่อยมือจากผลอมตะหงเหอแน่!!”