ตอนที่กู้ชิวอี๋ออกเดินทางมาที่จินหลิง เย่เฉินกำลังขี่รถพลังงานไฟฟ้าออกไปยิมเนเซียมพอดี
วันนี้เป็นรอบแปดคนสุดท้ายของฉินเอ้าเสวี่ยนเจ้าเล็กพริกขี้หนู
เธอต้องพบกับมือวางอันดับสามของรายการ ผู้เข้าแข่งขันจากบลาซิลเฉียนอานน่า
ในการแข่งขันของวันนี้ทั้งสองคน ต้องมีคนใดคนหนึ่งเข้ารอบ4คนสุดท้าย
ถ้าฉินเอ้าเสวี่ยนบุกได้อย่างแหลกราบตลอดรอดฝั่ง หลังจากที่เธอชนะการแข่งขันในครั้งนี้แล้ว ยังต้องแข่งรอบ4คนแล้วจึงเข้ารอบสองคนสุดท้าย
ถ้ารอบ4คนสุดท้ายไปรอบสองคนสุดท้ายก็ชนะ ก็ได้เข้าไปรอบชิงชนะเลิศรอบสุดท้าย
ใส่ไม่ยั้ง ห่างจากการเป็นแชมป์เพียงแค่สามรอบสุดท้ายแล้วเท่านั้น
ดังนั้น เย่เฉินตัดสินใจ ว่าจะไม่มีทางพลาดการแข่งขันของฉินเอ้าเสวี่ยนนัดต่อจากนี้ไปเป็นอันขาด จะต้องเห็นเธอได้รับแชมป์ด้วยตัวเองให้ได้
ในขณะที่เย่เฉินกำลังจะเรียกรถไปยิมเนเซียมนั้น เว่ยเลี่ยงโทรหาเขา แล้วกล่าว “อาจารย์เย่ เมื้อกี้ผมได้รับโทรศัพท์ ว่ากู้ชิวอี๋ดาราดัง และผู้จัดการส่วนตัวของเธอกำลังเตรียมบินมาที่จินหลิงแล้ว ประมาณ1ชั่วโมง40นาทีเครื่องบินจะลงจอดที่จินหลิง ผมได้จัดการรถไปรอรับที่สนามบินแล้ว เชิญพวกเธอมาเยี่ยมชมจิ่วเสวนเภสัชกรรม คุณจะมาร่วมด้วยมั้ยครับ?”
เย่เฉินกล่าว “ผมไม่ไปละ ตอนนี้ผมจะไปดูฉินเอ้าเสวี่ยนแข่งขัน คุณดูแลพวกเธอไปก็แล้วกัน”
เว่ยเลี่ยงถามอีกครั้ง “ตอนกลางคืนผมว่าจะจัดให้พวกเธอทานข้าวที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง จากนั้นให้พวกเธอพักที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง คุณโอเคมั้ยครับ? ถ้าไม่มีปัญหา ผมจะโทรหาผู้จัดการทั่วไปเฉิน”
เย่เฉินกล่าว “ผมไม่มีปัญหา ให้เฉินจื๋อข่ายจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
“แล้วอาจารย์เย่ครับตอนกลางคืนจะมาด้วยกันมั้ยครับ?”
จู่ๆเย่เฉินก็นึกถึงภรรยาเซียวชูหรัน จากได้กล่าวไปว่า “อ้อ ภรรยาของผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของกู้ชิวอี๋ ตอนกลางคืนผมจะพาเธอไปด้วยกัน แต่คุณอย่าเพิ่งบอกตัวตนของผมให้กู้ชิวอี๋ฟังนะ เจอกันบนโต๊ะอาหาร คุณก็บอกว่าผมเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านยาก็แล้วกัน แบบนี้ภรรยาของผมจะได้ไม่สงสัย”
“ได้ครับอาจารย์เย่ รับทราบ!”
หลังจากที่เย่เฉินวางสายแล้ว ได้โทรหาเซียวชูหรันภรรยาของตัวเอง
ขณะนี้เซียวชูหรันกำลังยุ่งอยู่กับงานที่บริษัท รับสายเย่เฉิน แล้วยิ้มพลางถาม “สามี โทรหาฉันเวลางานมีธุระอะไรเหรอ?”
น้อยครั้งมากที่เย่เฉินจะได้ยินเซียวชูหรันเรียกตัวเองว่าสามี แต่หลังจากที่ทั้งสองได้จูบกันในวันนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แนบชิดกันมากขึ้นจริงๆ เธอดูแนบสนิทกับตนมากกว่าเสียอีก ดังนั้น เมื่อเรียกว่าสามี เย่เฉินฟังแล้วจึงรู้สึกสบายใจ
เขาหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดกับเซียวชูหรันว่า “ภรรยา คืนนี้ไม่มีแพลนอะไรใช่มั้ย?”
“ไม่มีนะ ทำไมเหรอ?”
“อ๋อ ไม่มีอะไร พอดีคืนนี้เพื่อนที่ทำโรงงานผลิตยาคนหนึ่งมันเลี้ยงข้าว บอกว่าให้ผมพาคุณไปด้วยกัน”
“เพื่อนที่ผลิตยา? ทำไมต้องเลี้ยงข้าวคุณด้วยละ”
เย่เฉินหัวเราะพลางกล่าว “เพราะเขาให้ผมเป็นที่ปรึกษาไง คุณลืมแล้วเหรอ ว่าผมรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ที่พ่อของเราบาดเจ็บ มีเลือดคลั่งในสมอง ก็เป็นยาที่ผมจัดให้จนรักษาหาย”
เซียวชูหรันนึกเรื่องนี้ออกแล้ว จึงยิ้มพลางกล่าว “ถ้าคุณไม่พูดฉันก็เกือบลืมไปแล้วจริงๆนะเนี่ย พวกคุณสองคนทานข้าวกัน แล้วฉันไปด้วยมันเหมาะสมเหรอ?”
เย่เฉินหัวเราะ “เหมาะสมสิ เหมาะสมแน่นอน! จะบอกให้ เขายังเชิญแขกคนอื่นไปด้วย ถึงตอนนั้นจะแนะนำให้พวกคุณรู้จัก”
เซียวชูหรันกล่าว “ได้สิ ยังไงช่วงกลางคืนฉันก็ไม่มีแพลนอะไรอยู่แล้ว เอาตามคุณว่าก็แล้วกัน”
“โอเค งั้นเดี๋ยวช่วงบ่ายผมจะโทรหาคุณอีกที”
เซียวชูหรันกล่าว “ค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันยังมีเรื่องต้องทำ”
เย่เฉินรีบกล่าว “โอเคภรรยา จุ๊บเค้าหน่อยจิ!”
“ไม่……” เซียวชูหรันกล่าวอย่างเขินอาย “คุณยิ่งอยู่ยิ่งได้คืบจะเอาศอกนะ”
เย่เฉินยิ้มอย่างมีความสุข “อิอิ ภรรยา เราจูบปากกันก็จูบมาแล้ว จุ๊บผ่านมือถือหน่อยจะเป็นอะไรไป? มามะ สามีจุ๊บคุณก่อนก็แล้วกัน!”