หลิวเจิ้งอี้สาบานได้เลยว่า…

ในฐานะเสนาธิการฝ่ายบริหารของยานฉินหลิ่ง เขาทำงานรับใช้กองทัพชุดแรกมาหลายปีแล้ว และเคยประจำการอยู่บนยานอวกาศมาทุกรูปแบบ ทั้งยานลำใหญ่และยานลำเล็ก มีชั่วโมงบินเกือบ 10,000 ชั่วโมง

แต่ตลอดชั่วโมงบินเกือบ 10,000 ชั่วโมงนั้น ไม่มีสักชั่วโมงหรือแม้แต่นาทีเดียวที่เขาจะรู้สึกประหลาดใจมากเท่า ณ ตอนนี้มาก่อน

หลังจากกัปตันเติ้งสั่งการแล้ว พลังเอาต์พุตของเครื่องปฏิกรณ์ก็เพิ่มจากเมกะวัตต์เป็นกิกะวัตต์ พลังเอาต์พุตของเครื่องยนต์พลาสมาเพิ่มจนถึงขีดจำกัด เครื่องสั่นอนุภาคซีที่ติดตั้งตรงหน้ายานอวกาศปลดปล่อยสนามพลังออกมา

ตอนแรกพวกเขาก็ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไป จนมารู้ตัวอีกทีภาพอวกาศข้างนอกหน้าต่างทรงกลมของห้องควบคุมก็เริ่มบิดเบี้ยวไปแล้ว ดวงดาวในค่ำคืนอันหนาวเหน็บและยาวนานค่อยๆ มีรูปทรงยืดยาวขึ้นเรื่อยๆ พวกมันเปลี่ยนสภาพจากลำแสงเปล่งประกายไปในขณะลอยเคว้งคว้างบนอวกาศอยู่ข้างหน้ายาน

ราวกับว่า…

จักรวาลตรงหน้าพวกเขากำลังจะล่มสลาย

“สนามแม่เหล็กของเครื่องปฏิกรณ์มีความผันผวนอย่างมาก จุดโฟกัสลำแสงอนุภาคพลังงานรอบๆ ยานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน!” ลูกเรือที่นั่งอยู่หน้าแผงควบคุมกลืนน้ำลาย เขาส่งสายตาเป็นกังวลไปให้กัปตันเติ้งหยวนซูที่ยืนอยู่ในห้องควบคุม เอ่ยถามว่า “กัปตันครับ…”

เติ้งหยวนซูไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขาละสายตาจากภาพอันแปลกพิกลนอกหน้าต่างทรงกลมของยาน แล้วหันไปมองลู่โจวที่อยู่ถัดจากเขาแทน

“สถานการณ์นี้เป็นไปตามที่คุณคาดไว้หรือเปล่าครับ?”

“ถ้าคุณกำลังหมายถึงช่องทางไฮเปอร์สเปซล่ะก็ ผมต้องบอกว่ามันเปิดตามที่ผมคาดไว้เป๊ะเลย” ลู่โจวจ้องเขม็งไปที่ภาพจักรวาลอันบิดเบี้ยวนอกหน้าต่าง ราวกับกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดอะไรไป เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความตื่นเต้นเอาไว้ “ส่วนเรื่องว่าในโลกหลังช่องทางนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ผมเกรงว่าผมคงยังไม่รู้จนกว่าพวกเราจะเข้าไปได้นั่นแหละ!”

ยังไม่รู้จนกว่าพวกเราจะเข้าไปได้…

พอได้ยินคำตอบของลู่โจว กัปตันเติ้งหยวนซูก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังหัวตื้อ

แต่เขาก็เป็นทหารคนหนึ่ง

การร่วมมือกับการทดลองของลู่โจวคือคำสั่งที่คนเบื้องบนมอบหมายมาให้เขา

ช่างเรื่องช่องทางไฮเปอร์สเปซนั่นปะไร ต่อให้ตรงหน้าพวกเขามีหลุมดำ เขาก็ต้องพุ่งไปหามันอย่างไม่ลังเล

เขากัดฟันพูด

“ทำการทดลองต่อ!”

ลำยานด้านล่างมีอาการสั่นเล็กๆ ราวกับเป็นผลมาจากสนามพลังปริศนาที่ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติ

เติ้งหยวนซูสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาเหมือนกำลังถูกดึงด้วยแรงมหาศาล

ระดับการเร่งที่เครื่องยนต์พลาสมาของยานฉินหลิ่งในโหมดลาดตระเวนตั้งค่าไว้มีค่าต่ำก็จริง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงแรงจีอันมหาศาลอยู่ดี

ไซเรนในห้องควบคุมกรีดร้องลั่นทีละตัวๆ แสงไฟสีแดงฉานสาดไปทั่วห้องจากหลากทิศทาง นั่นเป็นสัญญาณบอกว่ายานอวกาศของพวกเขากำลังเดินทางผ่านพื้นที่อันตราย

พอเติ้งหยวนซูมองเห็นภาพดังกล่าว อารมณ์ของเขาก็พุ่งดิ่งลงทันที

เขากำลังจะดึงความกล้าหาญออกมาได้อยู่แล้ว แต่พอเห็นภาพดังนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนเซลล์ทั่วร่างกายที่ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ แล้วก็หายไปหมด

หลังจากทะลุผ่านกำแพงกั้นที่มองไม่เห็นตรงหน้ายานอวกาศมาได้ ทั้งยานอวกาศก็เหมือนจะเร่งเครื่องพุ่งไปยังพื้นที่ที่มองไม่เห็นในจักรวาลที่ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าคุ้นเคย

อวกาศตรงนี้เหมือนจะเกิดขึ้นมาจากเศษดาวนับชิ้นไม่ถ้วน ความมืดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นเหมือนกับทะเลแห่งความโกลาหล

ในขณะที่ท่องไปในมหาสมุทรสีดำ กัปตันเติ้งหยวนซูรับรู้ได้ว่ายานอวกาศที่ตนเองกำลังนั่งอยู่ซึ่งถูกตั้งชื่อตามภูเขาฉินหลิ่ง ตอนนี้ยานเป็นเสมือนกับใบต้นกกที่ลอยอยู่กลางทะเลสาบ คลื่นใดที่ซัดมาโดนก็สามารถทำให้คว่ำได้ทุกเมื่อ

“โอ๊ย เวร…”

เขาพึมพำเบาๆ ขณะจ้องเขม็งไปนอกหน้าต่างทรงกลมของยาน เสนาธิการฯหลิวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็เบิกตาโพลงด้วยความช็อกจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

เขาอดสบถออกมาไม่ได้ “พวกเราแม่*มาโผล่ไหนวะเนี่ย?”

“ช่องทางไฮเปอร์สเปซเติมช่องว่างระหว่างพื้นผิวจักรวาลและมิติพิเศษที่เกิน n แต่ต่างจากเดอะวอยด์ พวกเรายังไม่เคยมาถึงที่นี่จริงๆ เลย ที่ที่เป็นทางลัดสู่โลกที่อยู่ห่างไกลออกไป…ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอสิ่งนี้”

ลู่โจวจ้องมองทุกอย่างที่อยู่นอกหน้าต่าง

เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเหมือนจะทั้งตอบคำถามของเสนาธิการฯหลิวและคุยกับตัวเองไปด้วย

กัปตันเติ้งหยวนซูที่ยังจ้องอยู่นอกหน้าต่างเหมือนจะงวยงงไปโดยสมบูรณ์แล้ว

เขาไม่รู้ว่าจะบรรยายภาพสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างไร ขนาดความรู้สึกช็อกในใจตอนนี้ก็ยังอธิบายไม่ถูกเลย

ตอนนี้ มีอยู่แค่เรื่องเดียวที่เขาอยากหาคำตอบให้ได้

“แล้วพวกเรา…จะออกไปได้อย่างไรกัน?”

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงครับ ช่องทางถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ตราบใดที่ช่องทางไฮเปอร์สเปซยังเสถียรอยู่ พวกเราก็จะออกไปได้แน่นอน”

“แล้วพวกเราต้องรอจนถึงเมื่อ…

ยังพูดไม่ทันจบภาพทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน อวกาศที่แพรวพราวไปด้วยเศษดาวที่ตอนแรกพวกเขายังเจออยู่นั้นจู่ๆ ก็หยุดนิ่ง เหมือนด้านหน้าของยานฉินหลิ่งจะชนกับกำแพงกั้นโปร่งใสเข้าให้ ภาพอวกาศตรงหน้าพวกเขาเป็นเหมือนภาพเครื่องบินเจ็ตซูเปอร์โซนิกบินทะลุกำแพงเสียง มันกลายเป็นวอร์เท็กซ์ที่หมุนเหมือนน้ำวน

ก่อนเขาจะได้ทันถามว่าเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกของแรงจีที่ล้นหลามก็หล่นทับเขาอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ทำให้ทุกคนในห้องควบคุมหมดสติไป

“เครื่องสั่นอนุภาคซีไม่ได้มีความสามารถในการฉีกอวกาศ…หลักการของมันคือการเปิดช่องทางไฮเปอร์สเปซไปตามทางของสนามน้ำหนักโดยการรบกวนสนามแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเคราะห์หรือดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ ระหว่างเข้าหรือออกจากช่องทางคุณจะได้รับผลกระทบจากสนามแรงโน้มถ่วงที่บิดเบี้ยว ดังนั้นมันอาจจะต้องเจ็บสักหน่อย…ก็บางทีอาจจะมากกว่านิดหน่อย”

ในขณะที่ลู่โจวพยายามฝืนทนความเจ็บปวด ฉากนอกหน้าต่างเปลี่ยนอีกครั้ง

อวกาศด้านนอกเปลี่ยนเป็นวงกลมที่มีระลอก

ราวกับพุ่งทะลุออกมาจากทะเลลึก ยานฉินหลิ่งที่เพิ่งผ่านกำแพงกั้นมาได้ เหมือนจะทะลุจากโลกหนึ่งมาสู่อีกโลกหนึ่ง

พอพวกเขาเห็นดาวเคราะห์สีแดงเพลิง ทุกคนในห้องควบคุมต่างก็มีสีหน้าช็อกไม่ต่างกัน

โดยเฉพาะกัปตันเติ้งหยวนซู

พอเห็นภาพทั้งหมดตรงหน้า ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เปล่งเสียงสั่นออกมาจากคอแข็งๆ ได้

“พวกเรา…ทำสำเร็จแล้วเหรอ?”

ทั้งห้องควบคุมตกอยู่ในความเงียบกริบ

คนอื่นที่ยังช็อกอยู่ถึงกับลืมว่าตัวเองกำลังจะพูดอะไร

เสียงของศูนย์ปล่อยยานอวกาศดาวอังคารดังเข้าในช่องทางสื่อสาร

“นี่คือศูนย์ปล่อยยานของสถานีอวกาศเมืองเทียนกง พวกคุณเข้าสู่น่านฟ้าในการควบคุมแล้ว ถ้าหากพวกคุณอยากจอดยานที่ท่า โปรดทำตามหลักการการเปลี่ยนวงโคจร…ว่าแต่ พวกคุณมาจากที่ไหนนะ? เรดาร์ของพวกเราไม่เห็นคุณเลย”

ในที่สุดห้องควบคุมก็ไม่เงียบอีกต่อไป

ลูกเรือที่นั่งอยู่หน้าแผงควบคุมรีบสื่อสารตอบกับศูนย์ปล่อยยานอวกาศ อธิบายว่าพวกเขากำลังทำภารกิจอยู่ และติดต่อกับสถานีอวกาศเลอเกรนจ์ผ่านช่องทางสื่อสารของศูนย์ปล่อยยานอวกาศ สถานีอวกาศติดต่อกลับมาและรายงานข่าวดีเรื่องความสำเร็จของการทดลองนี้ให้กับพวกคนใหญ่คนโตเบื้องบน

อันที่จริง การทดลองนี้เป็นมากกว่าความสำเร็จเสียอีก

เรียกได้ว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้

เติ้งหยวนซูกำหมัดแน่นแล้วก็ปล่อย เขาไม่สามารถบรรยายความตื่นเต้นและความประหลาดใจของเขาตอนที่เดินทางเข้าช่องทางไฮเปอร์สเปซครั้งแรกมาได้…

“5 นาที 23 วินาที เดินทางในระยะทาง 120 ล้านกิโลเมตร”

ลู่โจวเหลือบมองเวลาบนจอโฮโลแกรมแล้วกันไปมองกัปตันเติ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มกว้างออกมา

“ขอบคุณที่พวกคุณเชื่อใจและให้ความร่วมมือผมนะครับ ภารกิจของพวกเราประสบความสำเร็จด้วยดี อย่างที่พวกคุณได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าพวกเราได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ขึ้นแล้ว!”

“แต่…ผมยังไม่เข้าใจ ทำไมความเร็วของตัววัดถึงยังอยู่ที่ 30 กิโลเมตรต่อวินาทีล่ะครับ?” เสนาธิการหลิวยังจ้องอยู่ที่อินเตอร์เฟสควบคุมอยู่นาน จนสุดท้ายก็ถามสิ่งที่ยังทำให้เขาสงสัย “เรื่องนี้มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?!”

พอได้ยินคนถามดังนั้น ลู่โจวก็ยิ้มบางๆ ขณะอธิบายเหตุผลให้รวบรัดและเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เพราะว่าความเร็วของพวกเราอยู่ที่ 30 กิโลเมตรต่อวินาทีจริงๆ นั่นแหละครับ แต่อันนี้คือความเร็วสัมพัทธ์ตอนที่เราอ้างอิงจากดวงอาทิตย์ในกรอบของจักรวาลทั่วไปนะ แต่ในจักรวาลที่ไม่ใช่จักรวาลทั่วไป ซูเปอร์สเปซที่ผมอธิบายไปในทฤษฎีไฮเปอร์สเปซ ความเร็วสัมพัทธ์ของจักรวาลทั่วไปนั้นจะนำมานับไม่ได้ ความเร็วของการเคลื่อนที่ยานในช่องทางไฮเปอร์สเปซและเวลารวมที่ใช้ไปในการเดินทางนั้นนับแค่สสารของวัสดุที่ถูกเคลื่อนย้ายเท่านั้นแล้วก็พลังของเครื่องสั่นอนุภาคซีเอง หรือ…”

พอพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เงียบไปชั่วขณะ

เขามองกัปตันเติ้งหยวนซูที่ดูงงงวย รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นมาบนหน้าของลู่โจวขณะพูดต่อ “พวกเราเรียกวิธีนี้ด้วยชื่ออื่นดีกว่า

อย่างเช่นว่า ‘วาร์ปไดรฟ์’ ดีไหม?”

ในขณะที่สถานีอวกาศเลอเกรนจ์ได้รับข่าวดีจากยานฉินหลิ่ง สถานีอวกาศประจำดาวศุกร์บนวงโคจรพ้องคาบโลกก็กำลังดูภาพเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้

พวกเขามองเห็นเป็นภาพยานอวกาศขยับเข้าหาดาวอังคารด้วยความเร็วปกติ จู่ๆ ก็กลายเป็นเหมือนเรือดำน้ำที่จมลงไปในทะเล แล้วหายลับไปจากสายตาพวกเขา

ตอนแรกฟิลด์คิดว่ามันอาจจะเป็นบั๊กในระบบสังเกตการณ์ที่ทำให้พารามิเตอร์ทางยาวโฟกัสเปลี่ยนแปลง นั่นจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถแกะรอยตำแหน่งของยานฉินหลิ่งได้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคำนวณสาเหตุและใช้เรดาร์ค้นหาเท่าไรๆ พวกเขาก็เจอแต่ความล้มเหลว ไม่สามารถตามหา ‘ยานฉินหลิ่ง’ ที่หายตัวไปได้

เหมือนยานอวกาศลำนั้นจะหายไปในอากาศ

พวกเขามารู้ตำแหน่งปัจจุบันของยานฉินหลิ่งอีกทีก็ตอนรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้องค์การอวกาศอเมริกาเหนือทราบ

จากระยะเวลาคร่าวๆ นั้น ในช่วงเวลาเพียงห้านาทีที่ยานฉินหลิ่งหายไปจากการสังเกตการณ์ของพวกเขา สถานีอวกาศของกลุ่มพันธมิตรอเมริกาเหนือบนวงโคจรของดาวอังคารก็ค้นพบยานฉินหลิ่ง

ในเวลาสั้นๆ เพียงห้านาที พวกเขาเดินทางข้ามระยะทางหลายร้อยล้านกิโลเมตร

ถ้าพวกผู้สังเกตการณ์แนวหน้าไม่สาบานต่อชีวิตของครอบครัวตัวเองว่าพวกเขาไม่ได้ดูภาพผิดไปล่ะก็ องค์การอวกาศอเมริกาเหนือไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง…

……………………………………………………………