ในฐานะที่เป็นผู้หญิง การที่มีศักยภาพอำนาจสูงระดับนี้ และสามารถยืนหยัดในโลกยุทธ์ที่มีผู้แข็งแกร่งเยอะดุจก้อนเมฆนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ๆ โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญเซียนหญิงที่ผลการฝึกตนยิ่งสูงยิ่งอันตราย ง่ายต่อการถูกจับกุมตัวไปเป็นเตากลั่นยาอัคคีมาก

“ผู้เพื่อนยุทธ์เย่ข้าขอแนะนำให้จ้ารู้จักก่อน ผู้นี้คือเทพธิดายู่หรง”

อิงบูเฉิงก้าวเดินขึ้นมาพลางแนะนำ: “เทพธิดายู่หรง ผู้นี้ก็คือผู้เพื่อนยุทธ์ที่ข้าเคยบอกกับเจ้า มีนามว่าเย่ห้าวหราน เขาไม่ได้เพียงเป็นนักค่ายเทพระดับ 8 คนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นนักกลั่นยาและนักภัณฑ์กลั่นระดับ 8 ด้วย!”

“ที่แท้ก็คือผู้เพื่อนยุทธ์เย่นี่เอง ได้ยินชื่อเจ้ามานานมากแล้ว”เทพธิดายู่หรงอมยิ้มพลางก้มคำนับไปทางหลัวซิวอย่างนุ่มนวล

“เทพธิดาเกรงใจเกินไปแล้ว”หลัวซิวคารวะพลางยิ้มพลางตอบกลับ

ภายในลานบ้าน ทั้งสามคนนั่งอยู่รอบโต๊ะ อิงบูเฉิงหยิบชาทิพย์ออกมาแล้วทำการชงด้วยตนเอง ก่อนจะเทให้ทุกคนคนละแก้ว

“บนดาราแห่งกาลเวลามีสมบัติเยอะมาก โอกาสก็ไม่น้อย ทว่าในขณะเดียวกันมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยภัยอันตรายเช่นกัน แม้ว่าผู้เพื่อนยุทธ์เย่จะเป็นนักค่ายเทพระดับ 8 เพียงแต่ไม่ทราบว่าผลการฝึกตนของตัวเจ้าเป็นอย่างไรหรือ?”จู่ ๆ เทพธิดายู่หรงก็ยิ้มพลางถาม

“พูดแล้วก็ละอายใจ ผลการฝึกตนของแซ่เย่เทียบเคียงกับพวกเจ้าทั้งสองมิได้หรอก”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็ปล่อยออร่าผลการฝึกตนของตนเองออกมา เป็นคลื่นออร่าที่เทียบเท่ากับแดนราชาเทพขั้น 2

อย่างไรก็ตามคลื่นออร่าผลการฝึกตนและผลการฝึกตนที่แท้จริงกลับแตกต่างกันไม่น้อยเลย อาศัยพลังดารา 20 ดวงในปัจจุบัน แค่พูดในมุมหลัวซิวอย่างเดียว เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาเทพช่วงปลายเลย

เทพธิดายู่หรงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่ค่อยพึงพอใจต่อผลการฝึกตนของเขา ถึงแม้ตำแหน่งฐานะของนักค่ายเทพระดับ 8 จะไม่ต่ำ แต่ทว่าหากพูดถึงศักยภาพที่แท้จริง ท้ายที่สุดก็อ่อนกว่าราชาเทพช่วงปลายไม่น้อยเลย

หลัวซิวไม่ได้อธิบายในเรื่องนี้แต่อย่างใด พลานุภาพของค่ายเทพระดับ 8 เทียบเท่ากับราชาเทพช่วงกลาง หากมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ปะทะกับศัตรูในสนามเจ้าภาพที่ตนเองจัดวาง สามารถต่อกรกับราชาเทพช่วงปลายได้ แต่ทว่าหากอยู่ในสงครามที่เกิดการปะทุโดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วศักยภาพของนักค่ายเทพจะอ่อนกว่านักยุทธ์ทั่วไปจริง ๆ

ซึ่งนี่เป็นความเห็นที่ตรงกันของนักยุทธ์ส่วนมาก ส่วนใหญ่ตำแหน่งและตัวตนของนักค่ายเทพได้มาจากค่ายกลที่นักค่ายเทพจัดวาง ความสามารถในการภัณฑ์กลั่นและกลั่นยายิ่งได้รับการเทิดทูนจากนักยุทธ์

แต่ทว่าวิธีพูดเหล่านี้ เป็นคำพูดที่มีต่อนักค่ายเทพทั่วไปเท่านั้น ซึ่งทั่วไปที่หมายถึงนั้นก็คือวิธีการวางค่ายถูกจำกัดอยู่ในผังค่ายหรือธงค่ายต่าง ๆ เป็นต้น

สำหรับนักค่ายเทพอย่างหลัวซิวที่สามารถผนึกรวมยันต์ค่าย และสามารถปล่อยค่ายกลออกมาปะทะกับศัตรูได้ตลอดเวลานั้น ถือเป็นราชาของนักยุทธ์ในระดับเดียวกัน นักค่ายเทพระดับ 8 แค่ยกมือขึ้นมาก็สามารถผนึกรวมยันต์ค่ายเทพระดับ 8 ออกมาได้แล้ว ศักยภาพในการประมือกันโดยตรง ต้องแข็งแกร่งกว่าราชาเทพช่วงกลางที่อยู่ในระดับเดียวกันมาก ๆ อย่างแน่นอน บวกกับสี่กฎชั้นยอดอย่างกฎเวียนว่ายตายเกิดห้วงเวลาที่เขาเชี่ยวชาญ แค่อาศัยอุบายของนักค่ายเทพ เขาก็สามารถข่มราชาเทพช่วงปลายได้แล้ว

แต่ทว่าหลัวซิวไม่ได้อธิบายอะไร อิงบูเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ กลับพูดไกล่เกลี่ย: “เทพธิดายู่หรงพูดไม่ถูกต้องเลยนะ ศักยภาพของผู้เพื่อนยุทธ์เย่อยู่ที่วิถีค่าย แม้นศักยภาพของเจ้าและข้าจะไม่เลว แต่ถ้าเกิดได้พบเจอค่ายกล ก็คงจะหมดซึ่งหนทางปัญญา โดยเฉพาะค่ายกลพรสวรรค์จำนวนมากนั่น ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทลายได้โดยการอาศัยกำลังแรงอย่างเดียวแน่นอน”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของอิงบูเฉิงแล้ว เทพธิดายู่หรงจึงไม่พูดอะไรอีก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการร่วมงานกันในครั้งนี้ อิงบูเฉิงเป็นผู้ประสานให้ลุล่วงด้วยดี ไม่ว่าอย่างไรเทพธิดายู่หรงก็ต้องไว้หน้าเขาบ้าง

มิหนำซ้ำที่อิงบูเฉิงพูดมาก็ไม่มีผิดเช่นกัน บนดาราแห่งกาลเวลามีค่ายกลพรสวรรค์จำนวนมาก หากมีนักค่ายเทพคนหนึ่งร่วมออกเดินทางด้วยละก็ สามารถกำจัดปัญหาได้เยอะมาก

“การร่วมงานกันในครั้งนี้ เราทุกคนต้องตกลงกันก่อนล่วงหน้าว่าสมบัติที่ได้รับมา เราจะจัดสรรตามกำลังแรงที่แต่ละคนทุ่มเท ทั้งสองไม่มีความเห็นที่ไม่พอใจอะไรใช่ไหม?”อิงบูเฉิงถาม