หากต้องการสร้างวิชาแห่งตน ด้วยความเข้าใจระดับอริยะในตอนนี้ของหลินสวิน ก็สามารถสร้างวิชาอริยมรรคที่เหมาะกับตนวิชาหนึ่งได้นานแล้ว

แต่หากต้องการสร้างวิชาที่ไม่เคยมีมาก่อน แข็งแกร่งที่สุดในโลก กลับเป็นเรื่องยาก!

และหลินสวินก็ไม่ใช่คนที่ยอมทำแบบพอถูไถในมรรคาตั้งแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อจะทำ ตนก็จะไขว่คว้าความสมบูรณ์แบบถึงที่สุด

ก็เหมือนมรรคาที่เขาเสาะแสวงมาตลอด หลอมรากฐานมรรคสูงสุด ฝึกมหามรรคที่ไม่มีใครในอดีตฝึกมาก่อน บุกเบิกมรรคาที่ไม่เคยมีมาในอดีตกาล

มีเพียงทำเช่นนี้ถึงสามารถเรียกได้ว่าไร้ศัตรูอย่างแท้จริงในการเสาะแสวงมรรคา!

หากไม่มีจิตใจเสาะแสวงมรรคเช่นนี้ เขาหลินสวินก็คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างวันนี้แน่

ในเวลาต่อมาหลินสวินตะลอนไปท่ามกลางฟ้าดิน เดี๋ยวสำแดงยุทธ์ เดี๋ยวหลอมวิชา เดี๋ยวทัศนาหมื่นลักษณ์แห่งภูผาธารา ดวงดาราโคจร

ผ่านไปครึ่งเดือนเช่นนี้

โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลินสวินกลับมาถึงโลกรกร้างโบราณ เงาร่างปรากฏหน้าเมืองอารักษ์มรรค

แต่เขากลับหยุดลงกะทันหัน ชะงักงันอยู่ห่างจากกำแพงเมืองสามพันจั้ง

ในช่วงหลายวันนี้จิตวิญญาณของเขาดำดิ่งอยู่ในการฝึกปราณ ตัวเขาแสดงภาวะ ‘เลื่อนลอยคล้ายมีคล้ายไม่มี ศุภโชคไร้สิ้นสุดอยู่ภายใน’

ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันใด ทั้งไม่รู้ว่าตนอยู่ที่ใด สรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนลืมไปหมดสิ้น

แล้วก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ เขาก็พลันรู้แจ้ง!

หลินสวินนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น จิตใจว่างเปล่า ภาพการฝึกฝนตลอดทางภาพแล้วภาพเล่าปรากฏขึ้นในสมอง ความคิดแรงบันดาลใจทั้งปวงผุดขึ้นมาดั่งน้ำพุ

คราแสงเทพจุดขึ้นในใจ จักเหลือเจตนาจริงแท้ในภวังค์อึมครึม

“เอ๊ะ พี่หลินเขาจะทำอะไร”

บนกำแพงเมืองเซ่าเฮ่าอึ้งไป ออกจะประหลาดใจ

“สร้างวิชาของตนเอง!”

เจ้านกดำกระพือปีกเอ่ยเรื่อยเฉื่อย ดูออกแล้วว่าสภาพของหลินสวินตอนนี้ลึกลับนัก เป็นภาพสะท้อนความรู้แจ้งฉับพลัน!

“สร้างวิชาแห่งตน หลอมเส้นทางไร้ศัตรูในระดับนี้หรือ”

เซ่าเฮ่าตกตะลึง

“ตามที่ข้าดู แผนเจ้าหนูนี่ใหญ่นัก วิชาที่เขาเสาะแสวงต้องเป็นวิชาไร้ศัตรูอันดับหนึ่งทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต หาไม่แล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะลากยาวมาถึงตอนนี้ถึงเริ่มลงมือ”

เจ้านกดำสายตาลุ่มลึก

มีเพียงมันที่เข้าใจว่าโลกหล้ากว้างใหญ่ไพศาลปานไหน ทั้งยังมีอัจฉริยะไร้เทียมทานผู้โดดเด่นชั่วกาลถือกำเนิดไม่รู้เท่าไร

พอเปรียบเทียบกัน พวกเขาจึงจะเป็นผู้กล้าแห่งสวรรค์ที่แท้จริง!

พรสวรรค์บางคนล้ำเลิศไร้เทียมทานชั่วนิรันดร์ ถูกขนานนามเป็น ‘เทวบุตร’ ทันทีที่บรรลุอริยะ ก็จะครอบครองอานุภาพกวาดล้างไร้ศัตรู ไม่มีผู้ใดเทียบเคียง

สายเลือดของบางคน สืบทอดมาจากจอมจักรพรรดิโบราณ ทันทีที่ถือกำเนิด ภายในร่างก็มีโลหิตจักรพรรดิไหลเวียน พรสวรรค์เกินธรรมดา เหนือล้ำปุถุชน

บางคนเกิดมาพร้อมกับชะตาฟ้าดิน มีร่างมรรคอัศจรรย์ ฝึกมรดกสูงสุด พลังจิตเหนือโลกา สำแดงอิทธิฤทธิ์แรงกล้า

บางคน…

พวกเขาจึงจะเป็นนายเหนือหัวที่แท้จริงแห่งโลกหล้า เป็นผู้ไร้ศัตรูในรุ่นเดียวกัน โชคดีเลิศ วาสนาคับคั่ง สามารถทำให้ไม่ว่าผู้ใดต่างอิจฉาตาร้อน

เทียบกับพวกเขาแล้ว ก็ทำให้คนนับไม่ถ้วนหม่นหมองได้!

แต่ในสายตาของเจ้านกดำแล้ว มรรคาที่หลินสวินเสาะแสวงในตอนนี้ยังแตกต่างกับผู้กล้าเหล่านี้ ที่เขาเสาะหาคือ ‘ไม่เคยมีมาก่อน อำนาจข่มนิรันดร์กาล’!

ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมีผู้กล้านับไม่ถ้วน แต่ที่สยบทั่วหล้า เหนือล้ำปวงชนได้จริงๆ มีไม่กี่คน

อย่างน้อยเจ้านกดำก็รู้ว่าไม่ว่าจะเป็นยุคดึกดำบรรพ์ ยุคบรรพกาล หรือยุคปัจจุบัน ทั่วทั้งใต้หล้าอาจจะมีคนที่สามารถสยบช่วงเวลาหนึ่ง ผงาดผยองเหนือปุถุชน

แต่คิดจะทำให้ผู้กล้าหมื่นกาลศิโรราบ แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

หลินสวินจะทำได้ถึงขั้นนี้หรือไม่ เจ้านกดำไม่รู้ แต่มันกลับดูออกว่าที่หลินสวินเสาะแสวงหาในตอนนี้ ก็คือวิถีที่แทบจะเป็นไม่ได้เช่นนี้

คิดถึงตรงนี้เจ้านกดำอดรำพึงในใจไม่ได้ เป็นตัวประหลาดจริงๆ ไม่กลัวฟ้าริษยาความสามารถ ประสบเคราะห์ตายตั้งแต่อายุยังน้อยหรือ

ตูม!

ท้องฟ้าเหนือเงาร่างหลินสวินพลันมีรูปจำลองอริยมรรคสูงใหญ่หาใดเทียบองค์หนึ่งผุดขึ้นมา ใต้เวิ้งฟ้าสำแดงวิชาหมัดมวยสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เผยภาพสุริยันจันทราจมดิ่ง สรรพสิ่งดับสูญ

พลังหมัดน่ากลัวนั้นเหนี่ยวนำมหาอานุภาพแห่งความว่างเปล่า ส่งผลให้สภาพอากาศแปดทิศแปรผัน

ขณะนี้ผู้แข็งแกร่งทุกคนในเมืองอารักษ์มรรคต่างตื่นตกใจ ยังนึกว่าเป็นศัตรูจู่โจม ถึงอย่างไรพลานุภาพเช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว

แต่เมื่อรู้ชัดว่าเป็นรูปจำลองอริยมรรคของหลินสวินกำลังสำแดงวิชา ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง จิตวิญญาณสั่นสะท้าน รู้สึกถึงแรงกดดันกระทบหน้า

ต่อให้เป็นมกุฎอริยะยังลอบตกตะลึง วิชาหมัดเช่นนี้ช่างทรงพลังโดยแท้ ทำให้พวกเขาที่มองดูไกลๆ ยังขนลุกซู่

ไม่นานนักรูปจำลองอริยมรรคนั้นก็เปลี่ยนไป แปรสภาพเป็นเจินหลงตัวหนึ่ง!

ร่างเจินหลงนั้นไม่รู้ยาวกี่หมื่นจั้ง สำรวจเข้าไปในนภาคราม แสงมรรคโชติช่วงนับไม่ถ้วนโปรยลงมาจากร่างของมัน เกล็ดมังกรแต่ละเกล็ดต่างมีลายมรรคแน่นขนัดลึกลับประทับอยู่

มันโผนทะยานเคลื่อนตัวไปในห้วงอากาศ กลืนกินสุริยันจันทราวาโยอสนี ปั่นป่วนจักรวาล ความทรงพลังอันน่าหวาดหวั่นของเจินหลงทำให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณไม่รู้เท่าไรแทบหายใจไม่ออก

มกุฎอริยะอย่างเซ่าเฮ่า รั่วอู่ต่างเพิ่งรับรู้ว่าหลินสวินในตอนนี้ถึงกับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว!

เบื้องหลังเจินหลงคือหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา ปราณกระบี่ไท่เสวียน คัมภีร์มหาครรภ์จุติ…

แล้วก็เป็นในตอนนี้เอง ทุกคนจึงรู้ว่านี่คือการสำแดงวิชาของหลินสวิน!

แต่ละวิชาต่างมีอานุภาพสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ท่วงท่าล้ำเลิศเหนือศุภโชค น่าหวาดหวั่นจนทำให้ผู้คนในโลกสั่นระริก กระทั่งอริยะยังไม่เข้าใจ

เพราะวิชาเช่นนั้นบรรจุพลังมหามรรคไว้ภายใน สะท้านโลกปวงชนตกตะลึงมากเกินไป หากระดับไม่ถึง ก็ไม่อาจสัมผัสนัยเร้นลับภายในนั้นได้!

ทว่าก็มีผู้แข็งแกร่งมากมายหยั่งรู้ไปไม่น้อยระหว่างที่สังเกตการณ์

แต่ผู้แข็งแกร่งโดยมากกลับเพียงรู้สึกเลือดลมปั่นป่วน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด ไม่กล้าฝืนสังเกตการณ์อีก

วิชามรรคเช่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสำรวจโดยละเอียดได้!

กาลเวลาเคลื่อนคล้อย ต่อมาที่ท้องฟ้าเหนือเงาร่างหลินสวิน รูปจำลองอริยมรรคนั้นยิ่งสูงใหญ่ยิ่งขึ้น พลานุภาพก็ยิ่งน่าครั่นคร้ามยิ่งขึ้น ประหนึ่งเซียนกำลังสำแดงยุทธ์ ชักนำอานุภาพฟ้าดิน ในห้วงอากาศต่างถูกแสงมรรคเพริศแพร้วปกคลุม

ในความคลุมเครือยังมีเสียงอริยะท่องธรรม เทพมารคำรามดังขึ้น มีดอกมหามรรคมากมายปลิวว่อนไปในเวิ้งฟ้า มีแสงเทพ ประกายมงคลโปรยลงมาดั่งพิรุณ

เสียงมรรค เสียงธรรม เสียงสวด เสียงเซียน เสียงเทพ เสียงถกท่องกระทบสภาวะจิตของผู้ฝึกปราณแต่ละคน สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

ต่อให้ปิดหู ปิดกั้นหกรับรู้ เสียงเช่นนั้นก็ยังปั่นป่วนอยู่ในจิตใจ ทำให้ใจของผู้ฝึกปราณว้าวุ่นยุ่งเหยิง ปณิธานใกล้จะถูกสั่นคลอนและพังทลาย

คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง พากันถอยหนี

ต่อให้เป็นมกุฎอริยะอย่างเซ่าเฮ่า รั่วอู่ก็ยังต้องโคจรพลังถึงจะฝืนกดข่มความปั่นป่วนในจิตใจไว้ได้

แต่สีหน้าของพวกเขาต่างเจือความหวั่นไหวไปแล้ว

“วิชาเชื่อมกับมรรค มรรคมาถึงตัว ตัวสำแดงความอัศจรรย์แห่งวิชามรรค เปรียบดั่งเมธีอริยะดึกดำบรรพ์ศึกษาตำราคัมภีร์ ทำให้ฟ้าดินร่วมขับขาน มหามรรคร่วมประสาน ศักยภาพไม่ดี พลังหยั่งรู้ไม่พอ ฝืนสังเกตการณ์ไปกลับจะถูกทำร้าย!”

เจ้านกดำตาลุกวาว เอ่ยปากพึมพำ ในใจมันก็ตื่นตะลึงเช่นกัน

ถึงท้ายที่สุดรูปจำลองอริยมรรคที่ตั้งอยู่กลางฟ้าดินอย่างทระนงนั้น แปรสภาพเป็นละอองแสงเต็มฟ้า ละอองแสงแต่ละสายก็เหมือนคัมภีร์วิชาหนึ่ง กัณฑ์กระบวนหนึ่ง ส่องแสงเจิดจ้ากลางฟ้าดิน พุ่งทะลุท้องนภา

ก็ในตอนนี้เอง หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่อ้าปากสูดลมหายใจ

ดุจดั่งวาฬตัวยาวกลืนวารี!

ครืน!

กัณฑ์มหามรรค คัมภีร์ที่ส่องแสงเจิดจ้าหน้าแล้วหน้าเล่าซึ่งละอองแสงนับไม่ถ้วนหลอมขึ้น ล้วนไหลเข้าไปในร่างหลินสวิน ประหนึ่งหมื่นกระแสคืนสู่แหล่งกำเนิด

——