WSSTH ตอนที่ 3,233 : วงกตสรรพสิ่ง
“ตอนที่มันทำลายสถิติหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลของท่านลุงลงได้ หากมันทำเวลาได้น้อยกว่าท่านลุงแค่ลมหายใจเดียว ข้าคงไม่กล้าพูดว่ามันจะสามารถทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถว่งของท่านลุงได้…”
ได้ยินคำถามของเหอจ้าน อวี่เทียนสิงก็มองไปยังชื่อบนสุดของตารางอันดับ พลางกล่าวตอบ “อย่างไรก็ตาม มันกลับทำเวลาผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้น้อยกว่าท่านลุงถึง 5 ลมหายใจ”
“สิ่งนี้บ่งชี้ว่าพลังฝีมือของมันเหนือกว่าท่านลุงในตอนนั้นมาก”
“ด้วยพลังฝีมือของมัน หากคิดจะทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงของท่านลุง ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”
และราวกับจะยืนยันคำตอบของอวี่เทียนสิง ความเร็วของต้วนหลิงเทียนแม้จะเริ่มชะลอตัวลงเมื่อถึงบันไดขั้นที่ 3,500 แต่ในที่สุดก็สามารถข้ามผ่านขั้นที่ 3,600 และขั้นที่ 3,700 ได้สำเร็จ
เมื่อไปถึงบันไดขั้นที่ 3,700 ความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มช้าลงอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังสามารถข้ามผ่านชั้นที่ 3,788 ไปได้ไม่ยากเย็น ซึ่งเป็นการทำลายสถิติในปีนั้นของอวี่เจี้ยนเฉินลงไปแล้ว…
“อา! สถิติถูกมันทำลายลงแล้ว!!”
“จึกๆๆ สถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ดำรงอยู่มากว่า 20,000 ปี แต่ในที่สุดวันนี้ก็ถูกทำลายลงจนได้…นอกจากนี้สถิติที่สร้างไว้ทั้ง 2 แห่ง ก็ล้วนถูกต้วนหลิงเทียนทำลายยหมดสิ้น!”
“ตั้งแต่วันนี้ไป ต้วนหลิงเทียนก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ของแดนทักษินยุทธ์อย่างไร้ข้อกังขาแล้ว”
“อวี่เทียนสิง ซูหลี่ พอเทียบกับมันแล้ว…เสมือนอยู่กันคนละระดับเลย”
“เจ้าจะนับรวมซูหลี่ไปด้วยได้อย่างไร? อย่าลืมว่าซูหลี่ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีด้วยซ้ำ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่แน่ว่าจะเหมือนอวี่เทียนสิงและมีอายุใกล้ครบพันปีแล้วก็เป็นได้!”
“นั่นก็จริง ในแง่ศักยภาพ ไม่ใช่ว่าซูหลี่ต้องด้อยกว่ามันเสียเมื่อไหร่!”
…
เมื่อต้วนหลิงเทียนทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้ว ทางแดนลับอัจฉริยะก็มีเสียงประกาศดังขึ้นอีกรอบ ทำให้เหล่าอัจฉริยะที่อยู่ในบททดสอบอื่นๆ หรือออกเสาะแสวงหาสมบัติอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นพุ่งพล่านกันขึ้นมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าหลายคนนั้นแม้จะฮือฮากันขึ้นมาเมื่อต้วนหลิงเทียนทำลายสถิติของยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้ แต่พวกมันก็ไม่ได้แปลกประหลาดใจอะไรมากมาย
เพราะสุดท้ายแล้วยอดเขาแรงโน้มถ่วง ก็มีความคล้ายกับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลหลายส่วน…อาศัยพลังฝีมืออันกล้าแข็งในการบุกฝ่าเท่านั้น ขอเพียงมีพลังสูงมากพอก็สามารถทำลายสถิติได้
ดุจเดียวกับอวี่เจี้ยนเฉิงในปีนั้น
อย่างไรก็ตาม ดูจากผลงานของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ยังน่ากลัวเหนือกว่าอวี่เจี้ยนเฉิงในอดีตซะอีก!
“หืม? เลขยังไม่หยุดนี่นา มันยังคิดจะไต่บันไดขึ้นไปอีกรึ?”
เมื่อเห็นว่าชื่อต้วนหลิงเทียนยังเรืองแสงสว่างอยู่ หลายคนที่อยู่ใกล้ๆยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็อดแปลกใจไม่ได้
“เฮ่ พวกเจ้าดูนั่นเร็ว ฮ่วนเอ๋อก็ขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 3,539 แล้ว! มากกว่าอวี่เทียนสิง 2 ขั้น!”
ขณะเดียวกันหลายๆคนยังพบว่าฮ่วนเอ๋อได้ล้มเลิกการปีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงไปแล้ว แต่อย่างไรเสียผลงานของนางก็ยังเหนือกว่าอวี่เทียนสิงแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และรั้งอยู่ในอันดับ 3 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง
“อวี่เทียนสิงช่างโชคร้ายจริงๆ…หอคอยจิตวิญญาณก็ถูกฮ่วนเอ๋อบีบให้ตกอันดับเพราะเวลาต่างกัน 1 ลมหายใจ มาตอนนี้จำนวนขั้นบันไดยังแพ้นาง 2 ขั้นอีก”
หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ด้วยรู้สึกว่าอวี่เทียนสิงโชคร้ายเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามคำพูดขอพวกมันก็โดนหลายคนเห็นต่างทันที “โชคร้ายอะไรของเจ้ากันเล่า…นี่ล้วนเป็นเพราะความแข็งแกร่ง! คิดจะย่นเวลาผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลให้น้อยลงสักลมหายใจ ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆที่ไหน”
“จริง ยอดเขาแรงโน้มถ่วงเองก็เสมือนตัวบ่งชี้ขีดจำกัด ทุกคนล้วนมีขีดจำกัดของตัวเอง…เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถปีนขึ้นไปให้สูงกว่าขีดจำกัดของตัวเองได้ง่ายๆสักขั้น?”
ไม่ว่าจะอย่างไร ความแข็งแกร่งของฮ่วนเอ๋อนั้นก็เหนือกว่าอวี่เทียนสิงเล็กน้อย สิ่งนี้หลายคนไม่สงสัยอีกต่อไป
ทว่าความแข็งแกร่งในที่นี้ก็คือพลังฝีมือส่วนตัวเท่านั้น ไม่รวมถึงพลังภายนอกใดอื่น
ท้ายที่สุดแล้วจะยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็ดี หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็ดี ไม่อาจใช้พลังภายนอกอื่นใดได้เลย ไม่ว่าจะอาวุธอมตะ ยันต์อมตะ โอสถต้องห้าม หรืออุปกรณ์อมตะสิ้นเปลือง
ได้แต่พึ่งพลังส่วนตัวถ่ายเดียว
หากไม่ใช่พูดกันถึงในแง่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงกับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล คงไม่มีใครกล้าพูดว่าฮ่วนเอ๋อจะต้องมีพลังฝีมือเหนือกว่าอวี่เทียนสิงแน่ๆ ท้ายที่สุดแล้วอวี่เทียนสิงก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะมานานหลายร้อยปี พลังต่อสู้จริงของมันย่อมน่ากลัวกว่าที่ด่านทดสอบทั้ง 2 จะวัดได้
ต่อให้เป็นซูหลี่เอง หากต้องประมือกับมันด้านนอก เผลอๆให้พยายามทุ่มสุดตัวก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะอวี่เทียนสิงได้
ทุกคนก็รู้จุดนี้กระจ่างชัด
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…พลังเหลือร้ายจริงๆ ไม่ทราบมันจะปีนขึ้นไปได้อีกกี่ขั้นกันแน่?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนปีนบั้นไดขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,800 แล้ว ผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวที่ตีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว พวกมันไม่ต้องไปเผชิญกับแรงกดดันด้วยตัวเอง แค่คิดก็กลัวจนขนลุกแล้ว!
ราวๆครึ่งชั่วยามต่อมาในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง และไม่อาจปีนบันไดขั้นต่อไปได้อีก
และตอนนี้เขาก็หยุดอยู่บนบันไดขั้นที่ 3,922 หรืออยู่ในระดับบความสูง 39,220 หมี่!
เรียกว่าสถิติที่เขาสร้างนี้ มันเหนือกว่าสถิติที่อวี่เจี้ยนเฉิงสร้างไว้เมื่อ 20,000 กว่าปีก่อนนับร้อยขั้น เรียกว่าท้าทายสวรรค์!
“ข้าได้ยินมาว่าหากใครสามารถทำลายสถิติสูงสุดของยอดเขาแรงโน้มถ่วงในแดนลับอัจฉริยะได้ ก็จะได้รับเกราะอมตะระดับจักรพรรดิ 1 ชิ้นใช่ไหม?”
หลายคนพอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สองตาก็แดงฉานไปด้วยความโลภ
ในบรรดาอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดินั้น หากเป็นอาวุธ ก็ทำให้ผู้คนอิจฉาตาร้อนมากแล้ว
ยิ่งมาเป็นชุดเกราะที่ถือว่ามีค่ากว่าอาวุธอีกเป็นเท่าตัว ในบรรดาอัจฉริยะที่เข้าสู่แดนลับอัจฉริยะครั้งนี้ บางคนอาจมีอาวุธคู่กายระดับจักรพรรดิ แต่เกราะอมตะระดับจักรพรรดินั้นเกรง่วาคงไม่มีใครมี! เช่นนั้นมันทำให้ผู้คนอยากได้มากแค่ไหนก็คงไม่ต้องพูดถึง!!
พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะได้ครอบครองชุดเกราะอมตะระดับจักรพรรดิ ยังจะมีผู้ใดไม่อิจฉา?
ขณะเดียวกัน เมื่อต้วนหลิงเทียนออกมาสมทบกับฮ่วนเอ๋อที่ตีนเขาแรงโน้มถ่วง เขาก็พบมีดวงแสงผุดจากความว่างเปล่าและลอยลงมาหยุดตรหน้าเขาอีกครั้ง เป็นเกราะอมตะระดับจักรพรรดิตัวหนึ่ง!
“เกราะอมตะระดับจักรพรรดิจริงๆด้วย”
หลังตรวจสอบดูแล้วว่าของรางวัลที่ได้มันเป็นเกราะอมตะระดับจักรพรรดิจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดไมได้ที่จะหัวเราะชอบใจ จากนั้นก็ยื่นส่งไปให้ฮ่วนเอ๋อ
ทว่าคราวนี้ฮ่วนเอ๋อไม่รับ “พี่หลิงเทียน เกราะอมตะระดับจักรพรรดิท่านเองก็ยังไม่มีใช้เลย ท่านเก็บไว้ใช้เองเถอะ”
ครั้งสุดท้ายที่ไฉนฮ่วนเอ๋อถึงรับกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิที่ต้วนหลิงเทียนส่งให้อย่างไม่เกรงใจ เพราะนางรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอยู่ในมือ
อย่างไรก็ตาม เกราะอมตะระดับจักรพรรดิตัวนี้นางไม่อาจรับเอาไว้ได้
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจฝืนใจฮ่วนเอ๋อได้ เขาจึงเก็บเกราะอมตะระดับจักรพรรดิเอาไว้ใช้เอง และคิดว่าครั้งต่อไปหากได้เกราะอมตะระดับจักรพรรดิมาค่อยมอบให้นางแทน
“พี่ใหญ่หลิงเทียน แล้วพวกเราจะไปไหนต่อกันดี?”
ฮ่วนเอ๋อเอ่ยถามต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังยินดีมีสุขกับของรางวัล ก็หันไปมองผู้คนที่ตีนเขาแรงโน้มถ่วงรอบๆ พลางเอ่ยถามออกมาเสียงดัง “สหายทั้งหลาย…ไม่ทราบว่ามีที่ใดอีกบ้างที่พวกเราสามารถไปทำลายสถิติได้?”
หลังทำลายสถิติในแดนลับอัจฉริยะไป 2 อย่างติดๆ จนได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิมาถึง 2 ชิ้น ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนได้ลิ้มมธุรสหวานล้ำ จึงอยากได้อีกสักหลายๆคำ
ตอนนี้เขาก็เลยสนใจว่ามีที่ไหนที่สามารถทำลายสถิติได้อีกบ้าง
เพราะหากทำลายสถิติได้เพิ่ม ก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิเพิ่มรึไง?
และตอนนี้บริเวณตีนเขาแรงโน้มถ่วงก็ไม่ได้มีคนอยู่แค่ 2 คนอีกต่อไป เรียกว่ามีผู้คนมาเพิ่มเป็นสิบๆแล้ว
“สหายหลิงเทียน สถานที่ๆสามารถทำลายสถิติได้ยังมีอีกมากมาย…แต่ว่าสถิติที่เหลือนั้น มันไม่อาจจะทำลายได้ด้วยอาศัยพลังฝีมือเชิงบู๊ย่างเดียว”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวออกมากล่าวตอบต้วนหลิงเทียน
“มิผิดสหายหลิงเทียน”
อีกคนกล่าวเสริม “กระทั่งอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายยกระบี่หมื่นหายนะในปีนั้น ก็เลือกที่จะทำลายสถิติยอดเขาแรงโน้มถ่วงกับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลแค่ 2 ที่เท่านั้น”
“สำหรับด่านทดสอบอื่นๆ แม้จะลองไปดูแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำลายสถิติของคนรุ่นก่อนได้”
“แต่สถิติในด่านทดสอบอื่นๆไม่ใช่ว่ายากจะทำลาย แต่มันต้องอาศัยความสามารถเฉพาะในศาสตร์อื่นๆ ว่าแต่สหายต้วนท่านหลอมอุปกรณ์อมตะเก่งไหมเล่า? พอดีไม่ไกลจากที่นี่ก็มีสถานที่ทดสอบเรียกว่าบ่อหลอมอมตะ ไว้สำหรับแข่งหลอมอุปกรณ์อมตะโดยเฉพาะ”
…
เสียงผู้คนเริ่มผลัดกันตอบดังขึ้นระงม ต้วนหลิงเทียนได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อน เพราะเขาทราบแล้วว่าสถานที่ทดสอบอย่างอื่น หลายแห่งต้องอาศัยความสามารถเฉพาะทางเป็นสำคัญ
“แล้วสถานที่ทดสอบที่ไม่ต้องพึ่งศาสตร์แขนงอื่นเล่า มีอีกหรือไม่ แล้วมีผู้ใดบอกทางไปได้รึเปล่า?”
หลังจากฟังสิ่งที่ผู้คนกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจล้มเลิกเรื่องไปสถานที่ทดสอบเฉพาะทาง แล้วเอ่ยถามหาสถานที่ทดสอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสตร์แขนงอื่นแทน
“พี่ชายต้วน…สถานที่ทดสอบที่ไม่ต้องพึ่งฝีมือย่อย แต่อาศัยความสามารถส่วนตัวยังพอมีอีกแห่ง เรียกว่า วงกตสรรพสิ่ง…ที่นั่นท่านสามารถลองทำลายสถิติได้เช่นกัน”
ชายหนุ่มคนหนึ่ง หลังฉุกคิดอะไรได้ก็กล่าวเสนอออกมา
“วงกตสรรพสิ่ง!”
ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยเสนอออกมา หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจดังเฮือก “ด่านทดสอบในแดนลับอัจฉริยะที่เรียกว่า ‘วงกตสรรพสิ่ง’ นั่น ขอแค่สามารถรอดออกมาในเวลาที่กำหนดได้ ก็สามารถติดอันดับแล้ว…แค่นี้ก็เห็นได้ชัดว่ามันยากเย็นเพียงใด…”
“ข้าเองก็ไปลองวงกตสรรพสิ่งมาเมื่อปีก่อน แต่ไม่ว่าข้าจะหาทางอย่างไรก็ไม่อาจหาทางออกได้พบเจอ…สุดท้ายข้าก็ได้แต่รอให้หมดเวลาและให้อาคมของวงกตสรรพสิ่งส่งตัวข้าออกมาเอง”
“สถิติของวงกตสรรพสิ่ง หากข้าจำไม่ผิดดูเหมือนมันจะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ราวๆ 100,000 ปีก่อนใช่ไหม? และผู้ที่สร้างสถิติที่ไร้ผู้ใดทำลายได้นับแสนปี ก็เห็นว่าเป็นอัจฉริยะของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์”
“มิผิด เผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์นั้นเก่งกาจในเรื่องการใช้ภาพมายาและวิชาลวงตายิ่ง และอัจฉริยะของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ผู้นั้น ก็เสมือนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งจินตภาพ”
“ข้าจำได้ว่าในรอบ 100,000 ปีที่ผ่านมา มีอัจฉริยะเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำเวลาได้ใกล้เคียงกับสถิติของอัจฉริยะเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์นั่นได้ และเป็นอัจฉริยะของเผ่าจิ้งจอกมายาที่เก่งในศาสตร์ลวงตาเช่นกัน…และหากจำไม่ผิดอัจฉริยะผู้นั้นยังเป็นทายาทสายตรงของเผ่าจิ้งจอกมายาอีกด้วย เรียกว่า ตู้เสวียน”
“ใช่ๆ ข้าก็จำได้เหมือนกัน…ตูเสวียนผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นสตรี”
…
หลายคนเริ่มพูถึงเรื่องนี้กันอย่างออกรส อย่างไรก็ตามลูกตาต้วนหลิงเทียนดเล็กลงเร็วไว ยังหันไปมองฮ่วนเอ๋อข้างๆโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองมา สองตากลมใสของฮ่วนเอ๋อก็เริ่มพร่ามัวราวมีหมอกสลัวขึ้นมาแล้ว “ท่านแม่…”
มารดาของฮ่วนเอ๋อมีชื่อว่า ตู้เสวียน
ต้วนหลิงเทียนเองก็ได้รับทราบเรื่องนี้จากตู้เฟย ในตอนที่เขาเข้าไปแดนลับแห่งหนึ่งในพื้นที่ชายแดนตอนอยู่แดนสวรรค์ใต้ พอได้ยินคนเอ่ยชื่อตู้เสวียนขึ้นมาเขาก็นึกถึงมารดาของฮ่วนเอ๋อทันที
“ฮ่วนเอ๋อ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องได้เจอท่านแม่ของเจ้าแน่…ไม่ต้องห่วง พี่หลิงเทียนจะช่วยเอง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวปลอบ “นอกจากนั้นผู้นำตระกูลตู้ของเผ่าจิ้งจอกมายาเองก็อยู่ที่อวี้หวงเทียนเช่นกัน ไว้รอให้ฮ่วนนเอ๋อทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเมื่อไหร่ พี่หลิงเทียนจะไปหาผู้นำตระกูลตู้กับฮ่วนเอ๋อ เพื่อดูว่าท่านแม่ของฮ่วนเอ๋อใช่อยู่ที่นั่นไหมดีหรือไม่?”
“อื้อ”
หลังได้รับการปลอบจากต้วนหลิงเทียน ไม่นนานฮ่วนเอ๋อก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงอ่อน “พี่หลิงเทียยนฮ่วนเอ๋ออยากลองไปวงกตสรรพสิ่งที่ว่าดู”
“ได้สิ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ขณะเดียวกันสีหน้าเขาก็เผความสนุกสนานเล็กน้อย ‘ดูท่าสถิติของวงกตสรรพสิ่งอะไรนั่น ได้โดนฮ่วนเอ๋อถล่มเละแน่…’
ถึงแม้ว่าเขาจะพึ่งเคยได้ยินเรื่องวงกตสรรพสิ่งเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม ฟังจากบทสนทนาและเสียงโอดครวญถึงความยากของมันจากผู้คนโดยรอบ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันสมควรเป็นการทดสอบเกี่ยวกับกันหาทางออกจากเขาวงกตที่เต็มไปด้วยภาพมายาอะไรสักอย่าง…
ฮ่วนเอ๋อในฐานะที่เป็นถึงจิ้งจอกน้ำแข็วพันมายาที่จะอุบัติขึ้นในรอบหลายล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายา พอดีมีภูมิคุ้มกันต่อภาพมายาทั้งมวล!
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน….วงกตสรรสิ่งนั่น แทบไม่มีราคาอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่วนเอ๋อ!
“สหายท่านนี้ มิทราบวงกตสรรพสิ่งที่ท่านว่ามันไปทางไหนหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามชายหนุ่มที่เอ่ยถึงวงกตสรรพสิ่งออกมาเป็นคนแรก
ชายหนุ่มพอได้รับการถามไถ่อย่างสุภาพของต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ตบอกไม่กี่ครั้งแล้วอาสานำไปทันที
เมื่อต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเหินร่างตามชายหนุ่มที่เหาะนำไป หลายคนที่อยู่ตีนเขาแรงโน้มถ่วงก็หันหน้ามองกันอย่างคึกคักคราหนึ่ง ก่อนที่จะเหินร่างไล่ตามไปชมดูความสนุกสนานด้วยกันทั้งหมด