ตอนที่ 3240

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,240 : แดนลับทวยเทพ

 

 

‘กงซุนจิ้ง…ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนข้าถึงรู้สึกคุ้นชื่อนี้นัก ที่แท้ข้าเคยฆ่าคนชื่อนี้มาก่อนนี่เอง…’

 

ก่อนหน้านี้ตอนซูหลี่กล่าวแนะนำชื่อกงซุนจิ้งออกมา ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าชื่ออีกฝ่ายมันคุ้นๆหูพิกล แต่นึกอยู่สักพักยังนึกไม่ออก

 

เมื่อเหินร่างมาพร้อมกับฮ่วนเอ๋อและซูหลี่จนเข้าใกล้มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ต้วนหลิงเทียนพลันนึกขึ้นได้

 

ก่อนหน้านี้ตอนเขายังอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยว เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาเข้าไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางช่วงปลายเดือนนั้น เขาได้พบเจอศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงนามว่า กงซุนจิ้ง และอีกฝ่ายก็คิดลงมือสังหารเขาก่อน สุดท้ายเขาจึงฆ่ามันทิ้ง…

(ตอน 3,133)

 

หลังเห็นพวกต้วนหลิงเทียนเหินร่างไปได้ครึ่งทาง กงซุนจิ้งศิษย์สายซวนหยวนของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็ตัดสินใจเหินร่างมาสมทบกับพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 เร็วไว

 

พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ ไม่เพียงจะพลังฝีมือเหนือกว่า อายุยังน้อยกว่ามันเป็นรอบ เรียกว่ามีอนาคตไกลกว่ามันทั้งสิ้น

 

หากไม่มั่นใจว่าปลอดภัย มีหรือตัวตนเช่นนี้จะเสี่ยงไปตายอย่างโง่งม?

 

ดังนั้นกงซุนจิ้งจึงติดตามมาด้วยความมั่นใจ

 

“พวกนั้นมันคิดจะทำอะไรกัน?”

 

เมื่อเห็นพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 กำลังเหินร่างมุ่งหน้าเข้าหามังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ตัว อัจฉริยะหลายคนที่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าว จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย

 

“พวกมันคิดเข้าแดนลับทวยเทพก่อนเวลางั้นเหรอ?”

 

“พวกมันไม่กลัวตายหรือไร?”

 

 

เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายไม่ว่าจะคนของขุมกำลังระดับ 1 ก็ดี อัจฉริยะรากหญ้าก็ดี พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 4 เหินร่างเข้าไปหามังกรชั่วร้าย หัวใจพวกมันก็เริ่มระส่ำเต้นไปไม่เป็นจังหวะ

 

ในความเห็นพวกมัน เมื่อพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 เข้าใกล้มังกรชั่วร้ายมากพอ ไม่พ้นต้องถูกมังกรชั่วร้ายคู่นั้นเข่นฆ่าจนไม่เหลือซากแน่!

 

“รนหาที่ตาย!!”

 

กลุ่มศิษย์นิกายปีศาจพันกรนำโดยอวิ๋นเอี้ย มองจ้องพวกต้วนหลิงเทียนที่กำลังเข้าใกล้มังกรชั่วร้ายด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ หมายชมดูฉากการตายของทั้ง 4!

 

“ซูหลี่ นั่นเจ้าคิดจะทำอะไร!?”

 

ทว่าด้านอวี่เทียนสิงกับคนของนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมาก และอวี่เทียนสิงอดไม่ได้ที่จะโพล่งเตือนซูหลี่ออกมา

 

ถึงแม้ว่าหากซูหลี่กับต้วนหลิงเทียนตายไป ตัวมันจะหวนกลับไปเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะอีกครั้ง…

 

แต่ชัยชนะที่ได้มาเพราะคนอื่นไม่อยู่นั้น มันช่างน่าสมเพชเหลือเกิน…

 

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยมีซูหลี่กับต้วนหลิงเทียนอยู่ จะส่งผลเลิศล้ำต่อนิกายกระบี่หมื่นหายนะในภายภาคหน้าสุดที่จะจินตนาการได้ออก ตัวมันที่อุทิศชีวิตให้นิกายกระบี่หมื่นหายนะ ย่อมไม่อาจทนมองต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่ตกตายได้!

 

แต่มันก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างเช่นกัน

 

กงซุนจิ้ง สิบในสิบสมควรถูกซูหลี่เรียกไป

 

เพราะก่อนหน้านั้นกงซุนจิ้งยังเหินร่างรวมกลุ่มกับพวกมัน กระทั่งคุยกันอยู่หลัดๆ

 

อย่างไรก็ตามได้ยินคำตะโกนเตือนของอวี่เทียนสิง ซูหลี่เพียงหันมามองด้วยสายตาเฉยเมย จากนั้นก็หันกลับไปเหินร่างติดตามต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเข้าใกล้มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 มากขึ้นทุกขณะ

 

พอเห็นทั้ง 4 คนเข้าใกล้มังกรชั่วร้ายมากเข้า เหล่าอัจฉริยะที่ชมดูอยู่ล้วนคิดว่าทั้ง 4 ชะตาขาดแน่นอน

 

อย่างไรก็ตามฉากเรื่องราวต่อมาก็มีอันทำให้พวกมันต้องอ้าปากค้างกันเป็นแถบ!

 

เนื่องเพราะแม้พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 จะเข้าใกล้มังกรชั่วร้ายแล้ว แต่มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ตัวทำราวกับมองไม่เห็นทั้ง 4 คนอย่างไรอย่างนั้น! ปล่อยให้ทั้ง 4 เหินร่างลอยข้ามหัวพวกมันจนไปถึงประตูที่แง้มเปิดอยู่ ผลักเปิดประตูเบาๆ ก่อนจะเหินร่างเข้าไปหน้าตาเฉย

 

“ไม่เป็นอะไรจริงๆหรือเนี่ย?!”

 

ขณะที่เหินร่างข้ามหัวมังกรชั่วร้ายทั้งคู่มากงซุนจิ้งนั้นใจหายแว้บไปเลย แต่พอเห็นว่ามาถึงประตูก็แล้ว แต่มังกรชั่วร้ายยังไม่มีทีท่าว่าจะโจมตีอะไร มันก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็เหินร่างเข้าประตูติดตามต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ กับซูหลี่ไปติดๆ

 

เมื่อทั้ง 4 ผลักเปิดประตูเพื่อเข้าไป เช่นนั้นประตูที่แต่เดิมแง้มเปิดเล็กน้อย ก็เปิดกว้างอ่าซ่า ราวกับกำลังเอ่ยคำ ‘มาสิๆ’ เชิญชวนให้ผู้คนตามเข้าไป

 

ด้านหลังประตูนั้น ทั้งหมดเห็นเพียงแสงสีเทาอันไร้ขอบเขตไม่อาจเห็นสิ่งใดได้ชัดเจน พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ก็จมหายไปในแสงสีเทาดังกล่าวอย่างไร้ร่องรอย

 

“นี่มันอะไรกันแน่!?”

 

“มังกรชั่วร้าย 2 ตัวนั่น…หรืออาการตาฝ้าฟางมองไม่ชัดของมันพึ่งกำเริบ?”

 

“ทั้ง 4 คนทำได้อย่างไรกันแน่ พวกมันเข้าไปได้อย่างไร? ไฉนราวกับมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ตัวนั่นมองไม่เห็นพวกมัน?”

 

 

เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั้งหลายที่เห็นพวกต้วนหลิงเทียนหายเข้าไปในประตู่สู่แดนลับทวยเทพหน้าตาเฉย อดไม่ได้ที่จะตะลึงพรึงเพริด ลูกตาแทบถลนออกเบ้าปากอ้าค้างกันเป็นแถบ!

 

กระทั่งอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 ยังอดไม่ได้ที่จะเสียอาการ

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

หน้าของไป๋หลี่หงเฟยเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ หากมันไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง มันไม่มีทางเชื่อได้เลยว่าจะมีอัจฉริยะคนไหนสามารถฝ่ามังกรชั่วร้ายทั้ง 2 นั่นเข้าไปได้หน้าตาเฉยแบบนี้!

 

“มังกรชั่วร้าย…หรือตอนนี้มันไม่คิดโจมตีผู้ใดแล้ว?”

 

อัจฉริยะรากหญ้าคนหนึ่งครุ่นคิดอย่างลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ตัดสินใจเคลื่อนร่างเข้าไปใกล้มังกรชั่วร้ายอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตามพอมันเข้าสู่อาณาเขตระวังภัยของมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 มันก็ถูกมังกรชั่วร้ายพ่นลมหายใจเข่นฆ่าทันที!

 

จังหวะนี้อัจฉริยะทั้งหลายพลันตระหนักได้ถึงความจริงอันน่าเหลือเชื่อประการหนึ่ง ไม่ใช่มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ไม่โจมตีผู้คน เพียงแค่พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 มีกลวิธีบางประการที่ทำให้มังกรชั่วร้ายไม่โจมตี!

 

หลังจากนั้นอัจฉริยะทั้งหลาย ก็ได้ใช้กลวิธีมากมายเพื่อทดสอบมังกรชั่วร้าย ไม่ว่าจะยันต์อมตะเร้นกาย อุปกรณ์อมตะสนับสนุนอย่างผ้าคลุมล่องหน แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนไร้ประโยชน์ ทุกสิ่งอย่างถูกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 มองออกอย่างง่ายดาย

 

กระทั่งยันต์อมตะล่องหนที่เฟิ่งชีชีนำออกมา ถึงจะมีพลังอำนาจหลอกได้กระทั่งจักรพรรดิอมตะทั่วๆไป แต่ก็ถูกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 มองออกทันที!

 

ซ้ำร้ายเฟิ่งชีชียังจ่ายราคาด้วยการบาดเจ็บเล็กน้อย

 

“ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่…พวกมันเข้าไปได้อย่างไรกันแน่?”

 

“ไฉนไม่พาพวกเราเข้าไปด้วยเล่า!?”

 

 

อัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะอดไม่ได้จะโอดครวญออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

“พวกมันสมควรพาคนเข้าไปได้ไม่มาก…”

 

อวี่เทียนสิงเอ่ยออกเสียงเบา “ซูหลี่ผู้นั้นแม้ข้าจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับมันมาก แต่มันมิใช่คนจิตใจคับแคบที่จะไม่แยแสพวกเราแน่นอน เพราะหากมันเป็นคนจิตใจคับแคบ ท่านลุงข้าคงไม่ตีค่ามันสูงถึงขนาดนั้น”

 

“พวกเจ้าลองคิดดูเถอะ…หากมันไม่คิดจะพาผู้ใดเข้าไปด้วยจริงๆ มันจักเรียกกงซุนจิ้งไปคนเดียวทำอะไร? เพียงเพราะมันรู้จักกับกงซุนจิ้งมากกว่าใครแค่นั้นหรือ?”

 

กล่าวถึงจุดนี้อวี่เทียนสิงก็กล่าวชี้นำให้ทุกคนได้คิด

 

“แต่ไฉน…มันถึงเรียกกงซุนจิ้งไปแทนที่จะเป็นศิษย์พี่เทียนสิงเล่า…หรือมันเห็นว่าศิษย์พี่เทียนสิงด้อยกว่ากงซุนจิ้ง?”

 

เหอจ้าน ศิษย์นิกายกระบี่หมื่นหายนะสายจ้านลู่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก

 

“มันย่อมมีความคิดของมัน”

 

อวี่เทียนสิงกล่าว

 

 

ส่วนอีกด้าน

 

หลังจากที่พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 เดินผ่านประตูเข้ามา ทุกคนเหินร่างต่อมาเล็กน้อยก็พบว่าอยู่ในม่านหมอกแห่งหนึ่ง

 

สุดท้ายด้วยมีแสงสลัวๆอยู่เบื้องหน้า ทั้งหมดจึงเหินร่างมาถึงโลกอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง

 

เพียงแค่โลกอันกว้างใหญ่นี้อยู่ในสภาพยับเยิน ประหนึ่งฟ้าถล่ม แผ่นดินพลิกคว่ำคะมำหงาย เห็นเศษซากแผ่นดินมหึมาเป็นแผ่นๆลอยล่องอยู่ทั่วไปหมด ในสายตาไม่มีสิ่งใดสมประกอบเลย

 

“ที่นี่คือ…ซากปรักหักพังของระนาบเทพที่ล่มสลายงั้นรึ?”

 

เมื่อเข้ามาสู่โลกนี้ สิ่งแรกที่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ก็คือไอพลังวิญญาณฟ้าดินอันบริสุทธิ์เข้มข้นที่ปกคลุมไปทั่วร่าง กลิ่นอายพลังวิญญารฟ้าดินที่นี่แม้จะไม่หนาแน่นเหมือนในระนาบเทวโลก แต่เหมือนมันจะมีคุณภาพสูงกว่าพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทวโลกลิบลับ

 

“พี่หลิงเทียน ดูเหมือนพลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่จะต่างออกไป…”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ฮ่วนเอ๋อเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดแปลกไปในสภาพแวดล้อมเช่นกัน

 

ด้านซูหลี่กับกงซุนจิ้งก็ตกใจไม่น้อย

 

ทั้ง 4 เดินพลังปรับตัวเข้ากับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบอยู่ราวๆ 1 เค่อ ค่อยดึงสติกลับมาได้

 

“ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ ในเมื่อพวกเราเข้ามาได้แล้ว…เช่นนั้นพวกเราแยกย้ายกันไปแสวงโชคดีหรือไม่?”

 

กงซุนจิ้งกล่าวทักต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่ด้วยรอยยิ้ม ทำท่าราวกับจะขออนุญาตแยกตัวจากไป

 

ในซากระนาบเทพนั้นไร้สิ่งใดอันตราย เรื่องนี้กงซุนจิ้งย่อมรู้ดี เพราะในวินาทีที่ระนาบเทพถูกทำลายและล่มสลายลง ค่ายกลรวมถึงสรรพชีวิตทั้งมวลที่อยู่ภายในก็จะถูกทำลายไปพร้อมๆกัน

 

“อืม”

 

ในขณะที่ซูหลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวตอบเสียงเบา จากนั้นกงซุนจิ้งก็เหินร่างจากไปเร็วไว

 

“กงซุนจิ้งผู้นี้คงกลัวไม่ได้อะไรหากอยู่กับพวกเรา…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มอ่อน

 

“หากมันคิดเช่นนี้ ก็นับว่ามันจิตใจคับแคบเกินไป…”

 

ซูหลี่ส่ายหัว

 

“ไปกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยชวนฮ่วนเอ๋อกับซูหลี่ จากนั้นก็สุ่มเหินร่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ท่องไปในซากระนาบเทพอันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับไร้จุดหมาย

 

แน่นอนว่ามันมันเป็นการสุ่ม ราวกับไร้จุดหมายสำหรับซูหลี่และฮ่วนเอ๋อเท่านั้น

 

สำหรับต้วนหลิงเทียนไม่ใช่!

 

“ตรงไปอีกครึ่งลี้”

 

ในความคิดต้วนหลิงเทียน เสียงจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หวงเอ้อ ดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นหวงเอ้อกำลังนำพาต้วนหลิงเทียนไปยังอุปกรณ์เทพที่อยู่ใกล้ที่สุด!

 

ในที่สุด ต้วนหลิงเทียนก็มาหยุดลอยเหนือซากปรักหักพัง ที่แลดูเสมือนเศษซากพระราชวังหลังหนึ่ง

 

เป็นธรรมดาที่ไฉนเขาคิดว่ามันเป็นพระราชวังนั้น เพราะมันมีสิ่งปลูกสร้างมากมายที่โอ่อาแลดูหรูหรา ไม่ต่างอะไรกับสิ่งปลูกสร้างภายในวังเลย

 

“หืม?”

 

การที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็หยุดลง ทำให้ซูหลี่แปลกใจอยู่บ้าง

 

“ซูหลี่…เจ้าลองเข้าไปดูในนั้นสิ”

 

ต้วนหลิงเทียนชี้ไปยังจุดหนึ่งท่ามกลางซากปรักหักพัง ค่อยกล่าวบอกซูหลี่ต่อ “เจ้ามุดเข้าไปในซากตำหนักหลังใหญ่นั่นราวๆ 30 หมี่…น่าจะเจอกระบี่เล่มหนึ่ง”

 

“กระบี่?!”

 

ถึงแม้จะไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนรู้ได้อย่างไรว่าตำแหน่งดังกล่าวมีกระบี่อยู่ แต่สองตาซูหลี่ก็ส่องแสงจ้าขึ้นมาเร็วไว

 

เพราะกระบี่ที่อยู่ในซากระนาบเทพ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นกระบี่สามัญธรรมดา!

 

ถึงแม้จะไม่ใช่กระบี่เทพ แต่อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิ!

 

ฟุ่บ!

 

ถึงแม้จะไม่ได้เจอต้วนหลิงเทียนมาหลายปีแล้ว แต่ซูหลี่ก็ยังเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไม่คิดคลางแคลงสงสัย เพราะมันรู้สึกว่าไม่แปลกอะไรหากต้วนหลิงเทียนจะทำเรื่องมหัศจรรย์

 

เหมือนดั่งเช่นก่อนที่จะเข้ามาที่นี่ มันคิดว่าคงไม่มีทางเข้ามาได้เร็วกว่าใคร แต่สุดท้ายสตรีข้างกายต้วนหลิงเทียนพูดไม่กี่คำ ก็เข้ามาได้แล้ว…

 

ซูมมม!!

 

ครึ่ก! ปงง!!

 

 

ร่างซูหลี่ห่อหุ้มไปด้วยแสงพลังกระบี่หนึ่ง ก่อนคนจะพุ่งทะลวงเจาะเข้าไปในซากปรักหักพังทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนบอกทันที

 

นับว่าเป็นการลงมือรวบรัดหมดจดนัก

 

ไม่นานนักซูหลี่ก็เหินร่างกลับมา และในมือมีกระบี่ประหลาดๆเล่มหนึ่งถือไว้ ใบกระบี่ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำสนิทแลดูชั่วร้าย ส่วนอีกครึ่งกับเป็นสีแดงฉานปานโลหิตให้ความรู้สึกกระหายเลือด!

 

“เป็นอุปกรณ์เทพระดับกลาง น่าเสียดายที่จิตวิญญาณกระบี่ถูกทำลายไปแล้ว…ด้วยพลังฝึกปรือของชายผู้นั้น อานุภาพที่ตัวกระบี่จะปลดปล่อยออกมาได้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิ”

 

เสียงหวงเอ้อพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอ่างประจวบเหมาะ “อย่างไรก็ตามแม้ตอนนี้อานุภาพหนุนเสริมพลังที่ใช้ได้จะพอๆกับกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิ แต่ถ้านำไปฟันปะทะกันตรงๆ…กระบี่อมตะระดับจักรพรรดิได้ถูกฟันหักแน่!”

 

“รอให้ชายผู้นั้นบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะก่อน ถึงแม้กระบี่เล่มนี้จักไร้จิตวิญญาณ แต่ก็สามารถใช้พลังอานุภาพของตัวกระบี่ได้ถึงอุปกรณ์เทพระดับต้น”

 

หวงเอ้อกล่าวสืบต่อ

 

ต้วนหลิงเทียนก็เอาคำพูดของหวงเอ้อมาบอกให้ซูหลี่ฟังอีกทอด

 

“อุปกรณ์เทพระดับกลาง!!”

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะพูด ซูหลี่ก็ชมมองกระบี่ด้วยความหลงไหลอยู่นานแล้ว แลดูถูกชะตากับกระบี่เล่มนี้อย่างไรไม่ทราบ

 

ตอนนี้พอมาได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ซูหลี่จึงเลือกที่จะยื่นส่งกระบี่มาให้ต้วนหลิงเทียนทันที “ต้วนหลิงเทียน กระบี่เล่มนี้เจ้าเอาไปเถอะ”

 

“เจ้าเก็บไว้เถอะหน่า ยังมาเกรงใจอะไรข้าอีกเล่า”

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่รับเอาไว้ เพียงส่ายหัวแล้วยิ้ม “เจ้าไม่ต้องห่วง…หลังจากนี้ ไม่ใช่แค่เจ้า ข้ากับฮ่วนเอ๋อไม่มีทางขาดแคลนอุปกรณ์เทพแน่”

 

ฟังคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน รวมกับการมุ่งหน้าตรงดิ่งมาของต้วนหลิงเทียนั้งแต่แรก ซูหลี่พลันตระหนักเรื่องราวอะไรได้ มันสูดลมหายใจเข้าลึกๆฟอดหนึ่ง เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ “ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้ได้อย่างไรกันแน่ว่าที่นี่มีกระบี่เทพเล่มนี้?”