ตอนที่ 1710 : ความกดดัน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1710 : ความกดดัน

“ ศัตรูมาแล้ว ! ทุกคนฟังคำสั่งของข้าและเตรียมสู้ ! ใช้ค่ายกลป้องกัน ! “

ในเวลาเดียวกันเสียงของโม่หลิงก็ดังก้องไปทั่วตระกูล เสียงที่สูงส่งของเขานั้นแฝงไปด้วยจิตแห่งการต่อสู้

“นั่นคือเสียงของบรรพชน บรรพชนออกมาแล้ว…”

“มีคนโจมตีตระกูลโม่ของเรารึ ? เราถึงกับต้องใช้ค่ายกลป้องกัน ใครกันที่โจมตีตระกูลของเรา ? ใช่นิกายจุลกระบี่หรือไม่ …”

“มันคือตระกูลลู่ มันต้องเป็นตระกูลลู่แน่ เนื่องจากตระกูลลู่ลงมือ พวกนั้นคงต้องร่วมมือกับตระกูลอันโด…”

“เร็วเข้า เร็ว ! ทุกคนเตรียมตัวสู้ กลุ่มแรก ประจำค่ายกล ! กลุ่มสอง ประจำค่ายกล ! กลุ่มสาม ประจำค่ายกล ! กลุ่มสี่…”

….

ในเสี้ยวพริบตาทั้งตระกูลโม่ก็เข้าสู่ความวุ่นวาย ยามและคนในตระกูลต่างก็เคลื่อนไหว พวกเขาต่างก็ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อเตรียมตัวสู้ให้ได้เร็วที่สุด ค่ายกลป้องกันของตระกูลถูกใช้งานเช่นกัน โล่พลังขนาดใหญ่ได้ก่อตัวห่อหุ้มทั้งตระกูลเอาไว้

สมาชิกขอบเขตดั้งเดิมหลายคนซึ่งเป็นพวกระดับสูงได้ไปยังส่วนควบคุมของค่ายกลพร้อมกับเหรียญผลึกจำนวนมาก พวกเขาต่างก็เทเหรียญผลึกใส่ฐานของค่ายกลเพื่อที่จะประคองการทำงานของมัน

มีคน 7 คนลอยอยู่เหนือตระกูลโม่ พวกเขาต่างก็มองออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาคือหัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสทั้งหก

“ตระกูลลู่เริ่มลงมือแล้วรึ ? เรารอวันนี้มานาน ตระกูลลู่ เราจะแสดงพลังของตระกูลโม่ของเรา” ผู้นำตระกูลที่ยืนอยู่ใจกลางกลุ่มได้ฮึดฮัดออกมา ตระกูลโม่นั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องได้ชัยชนะในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะบดขยี้พวกเขา

ผู้อาวุโสข้างกายต่างก็พากันกังวล พวกเขาต่างก็แปลกใจเมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำตระกูล พวกเขาเป็นสมาชิกสำคัญของตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเป็นอย่างดี ตระกูลโม่นั้นไม่กลัวที่จะรับมือกับตระกูลลู่เพียงลำพัง แต่พวกเขาต้องลำบากหากตระกูลลู่และตระกูลอันโดร่วมมือกันโจมตีพวกเขา ตระกูลของพวกเขาอาจจะถูกทำลาย พวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้นำตระกูลนั้นเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน

“ท่านพ่อ เราจะผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ได้หรือไม่ ? ” ซีหยูถามขึ้นรมาและมองไปยังห้องโถงที่เจ็ดด้วยสายตาสั่นไหว

แม้ว่าผู้นำตระกูลจะดูเครียดแต่เขาไม่ได้ดูกังวลเลยแม้แต่น้อย เขาได้พูดขึ้นมาว่า “มันไม่ง่ายที่ตระกูลลู่กับตระกูลอันโดจะทำลายตระกูลโม่ของเรา มันไม่ง่าย….”

“ผู้นำตระกูล เรามีไพ่ลับรึไงกัน ? ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่าไพ่ลับที่ตระกูลมีนั้นคืออะไรไม่ว่าเขาจะครุ่นคิดแค่ไหนก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้ถึงตัวตนของเฉินเจี้ยน แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเฉินเจี้ยนจะสามารถสู้กับขั้นเทพและพลิกสถานการณ์กลับมาได้

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็พากันครุ่นคิด พวกเขาต่างก็พากันกังวล

ผู้นำตระกูลยิ้มตอบกลับ

“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น ? ” โม่หยานบินขึ้นมา ใบหน้าของนางซีดขาวเพราะความกลัว นางกังวลอย่างมาก

ผู้นำตระกูลเผยท่าทีเอ็นดูทันทีที่เห็นนาง ตอนที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง ก็ได้มีชายหัวล้านโผล่มาตรงหน้าเขา เขาได้แผ่พลังกดดันที่เพียงพอทำให้ผู้อาวุโสกลัวได้

“คารวะบรรพชน ! ”

ผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสรวมถึงทุกคนในตระกูลโม่ต่างก็โค้งคำนับให้กับชายผู้นี้ แม้แต่โม่หยานเองก็เช่นกัน

โม่หลิงไปยืนอยู่ตรงหน้าโม่หยาน เขายิ้มออกมาและประคองโม่หยานให้ลุกขึ้นยืน เขาพูดขึ้นมาด้วยความเอ็นดู “ไม่ต้องกลัว หยานเอ๋อ ตระกูลลู่กับตระกูลอันโดนั้นไม่อาจจะทำอะไรเราได้แม้ว่าจะร่วมมือกันก็ตาม ฟังข้า ไปอยู่ด้านล่างซะ”

“เจ้าค่ะ ท่านปู่ทวด ! ” โม่หยานตอบกลับแต่นางก็ยังสงสัยในใจ นางคิด “ทำไมปู่ทวดถึงได้ดูเหมือนเป็นคนละคน ? เขาต่างจากแต่ก่อน”

ตอนนั้นก็ได้มีพลังมหาศาลแผ่ออกมาจากไกล ๆ คนจากตระกูลลู่และตระกูลอันโดได้พุ่งเข้ามา ตรงหน้าสุดนั้นคือลู่เทียน, อันโดฟู และดาทูร่า ซึ่งเป็นขั้นเทพทั้งสามคน พวกนั้นได้แผ่พลังของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ซึ่งทำให้เมฆต้องกระจายตัวออกไป

“ขั้นเทพ 3 คน ! “ – ผู้อาวุโสต่างก็พากันร้องออกมาด้วยความเครียด

“ ฮาฮา โม่หลิง นี่มันก็พันปีแล้วตั้งแต่ที่เราพบกันครั้งที่แล้ว ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้เมื่อเราได้พบกันอีก เราไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้ได้ โลกเปลี่ยนแปลงไปจริง ๆ ใช่หรือไม่ ? ” เสียงของลู่เทียนดังขึ้นมาจากไกล ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

โม่หลิงมองไปที่ดาทูร่าพร้อมกับสีหน้าที่เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา มันจริงที่เขาแปลกใจที่ตระกูลลู่และตระกูลอันโดนั้นได้เชิญขั้นเทพอีกคนมา ตระกูลลู่บอกข้อมูลเรื่องหยกของราชาเทพต้วนมู่ออกไปหรือ ?

“ลู่เทียน เราพบกันอีกแล้ว ! ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เฉินเจี้ยนโผล่มาจากท้องฟ้าพร้อมกับกระบี่หมอกเมฆแล้วมายืนอยู่ข้างโม่หลิง ผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็ไปยืนอยู่ด้านหลังเฉินเจี้ยน

แต่ผู้อาวุโสนั้นไม่ได้มีอารมณ์จะสนใจเรื่องเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งสามคนนี้ ทุกคนต่างก็พากันกังวล ตระกูลโม่จะหยุดขั้นเทพ 3 คนได้ยังไง ?

“ขั้นเทพช่วงกลาง ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็ว” ลู่เทียนมองไปที่เฉินเจี้ยนและไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ระหว่างการต่อสู้กับเจี้ยนเฉินก่อนหน้านี้ เฉินเจี้ยนดึงความสนใจเขาได้หลายครั้งด้วยการโจมตีในจุดสูงสุดของขั้นแลกเปลี่ยน เหตุผลหลักเบื้องหลังเรื่องนี้คือความเข้าใจต่อกฎของเฉินเจี้ยนซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่า ลู่เทียน มันเป็นเพราะการบ่มเพาะที่ต่ำเกินไป ไม่งั้นแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้ขั้นแลกเปลี่ยนจะรอดจากการโจมตีของขั้นเทพได้

“เฉินเจี้ยนกับบรรพชนรู้จักกันรึ ? ” ผู้อาวุโสของตระกูลโม่ต่างก็แปลกใจ

“ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าด้วยความแข็งแกร่งขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงกลาง เจ้าควรเรียกสหายของเจ้าออกมา” ลู่เทียนพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ เขามองไปรอบ ๆ เพื่อหาเจี้ยนเฉินและคอยระวังตัว

ในตระกูลโม่ คนที่ทำให้ลู่เทียนกลัวได้จริง ๆ นั้นไม่ใช่โม่หลิง แต่เป็นเจี้ยนเฉิน

แต่เขาไม่อาจจะพบเจี้ยนเฉิน ไม่ว่าเขาจะมองหายังไงก็ตาม ตระกูลโม่มีค่ายกลปกปิดเอาไว้ เขาไม่อาจจะส่งวิญญาณของตัวเองเข้าไป ยังไงซะนี่ก็คือค่ายกลที่กันการโจมตีจากขั้นเทพได้

“น้องเฉินเจี้ยน ทำไมน้องเจี้ยนเฉินถึงยังเก็บตัวอยู่ ? ” โม่หลิงแอบถามเฉินเจี้ยน เขาเริ่มกังวลขึ้นมาในใจ เจี้ยนเฉินและเฉินเจี้ยนนั้นคือคนสำคัญในการรับมือกับตระกูลลู่และตระกูลอันโด สถานการณ์จะเปลี่ยนไปหากขาดคนใดคนหนึ่งไปโดยเฉพาะกับการที่อีกฝ่ายมีขั้นเทพถึง 3 คน

“เจี้ยนเฉินกำลังอยู่ในช่วงสำคัญกับการทะลวงผ่าน เราต้องยื้อเวลาเอาไว้ก่อน เมื่อเจี้ยนเฉินออกมา เราจะสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย” เฉินเจี้ยนตอบกลับ