และเพราะกำลังคิดเรื่องอื่นในหัวอยู่ ดังนั้นอิโตะ นานาโกะเลยโดนคู่ต่อสู้ของเธอบีบจนถอยร่นไม่หยุด

เธอในตอนนี้ไม่มีความอยากเอาชนะการแข่งขันนี้มากเท่าก่อนนี้แล้ว

เพราะเธอรู้สึกได้แล้วว่า วิทยายุทธ์ที่ตนฝึกฝนมานานหลายปี เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือที่แท้จริง แทบจะสู้ฝ่ามือเบาๆของอีกฝ่ายไม่เลยด้วยซ้ำ

มันเป็นการทำลายความมั่นใจของเธอมากจริงๆ

ที่จริงแล้วไม่ว่าใครเจอเรื่องแบบนี้ ก็ต้องได้รับผลกระทบกันทั้งนั้น

ที่โดนทำลาย ไม่เพียงแต่ความมั่นใจของตนเท่านั้น ยังมีความเชื่อตลอดมาของตนอีกด้วย

มันเป็นเวลาที่นานมาก อิโตะ นานาโกะรู้สึกว่าระดับสูงสุดของวิทยายุทธ์ที่ตนอยู่ห่างนั้นอย่างมากก็แค่ยี่สิบปี

พอยี่สิบปีผ่านไป ตนต้องสามารถเติบโตเป็นยอดฝีมือเต๋าบู๊ระดับท็อปของโลกแน่ หรืออาจจะกลายเป็นอาจารย์เต๋าบู๊เหมือนกับยามาโมโตะ คาซึกิซึ่งเป็นอาจารย์ของเธอ

แต่ว่า เมื่อกี้เย่เฉินกลับทำให้เธอพบว่า อาจารย์เต๋าบู๊ในดวงใจของเธอ ที่แท้เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือที่แท้จริงก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งเลย

ที่แท้หลายปีมานี้ตนเป็นเหมือนกบในกะลา

ตอนนี้เธอพึ่งจะค้นพบว่า โลกเต๋าบู๊ที่แท้จริงมันอยู่เหนือกว่าความรู้ความเข้าใจของตนมากนัก

เมื่อก่อนเธอคิดว่า โลกมันก็แค่โลกเท่านั้นเอง ระยะทางที่ไกลที่สุด ก็แค่จากซีกโลกนี้ไปอีกซีกโลกหนึ่งเท่านั้น

แต่วันนี้เธอถึงได้รู้ว่า ที่แท้แล้วนอกโลกใบนี้ยังมีระบบสุริยะ ระบบแกแล็คซี่รวมถึงทั่วทั้งจักรวาลอยู่อีก

วินาทีนี้ เธออดคิดถึงคำถามหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ว่า ตนยังต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ถึงจะสามารถเป็นยอดฝีมือระดับท็อปที่แท้จริงอย่างเย่เฉินได้

พอคิดถึงฝ่ามือนั้นที่เย่เฉินปล่อยออกมา ถึงจะทำให้อาจารย์ผู้มีพระคุณของตนกลายเป็นคนพิการ แต่ฝ่ามือนั้นกลับส่งผลกระทบต่อตนในด้านระดับเต๋าบู๊ ประหนึ่งแสงเดือนเจิดจ้าสาดใส่อย่างจัง!

พอคิดแบบนี้แล้ว เธอยิ่งโฟกัสไม่ได้เลย

และคู่ต่อสู้ของเธอก็อาศัยจังหวะนี้โจมตีเข้าใส่เธอไม่หยุดเลย

รอบแรก อิโตะ นานาโกะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชมด้านล่างเวทีพากันนิ่งอึ้ง

ใครต่างไม่คิดไม่ฝันว่า นักแข่งตัวเก่งเบอร์หนึ่งของการแข่งขันนี้อย่างอิโตะ นานาโกะจะมาพ่ายแพ้ให้กับนักแข่งที่ไร้อันดับในการแข่งรอบแรกของรอบสี่คนสุดท้ายแบบนี้

ตอนกรรมการประกาศผลการแข่งขันรอบแรกเสร็จ คู่ต่อสู้ฝั่งตรงข้ามโห่ร้องอย่างดีใจ

เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่า การแข่งที่เธอคิดว่าแพ้แน่แล้วกลับจะได้ชัยชนะแรกมาอย่างเหนือความคาดหมายแบบนี้

ดูท่าสภาพในวันนี้ของอิโตะ นานาโกะจะมีปัญหานิดหน่อย แต่ว่ามันเป็นโอกาสที่ดีมากของตนจริงๆ!

ตอนอิโตะ นานาโกะเดินมาที่เขตพักผ่อนข้างเวที สมองเธอยังอยู่ในสภาพมึนงงอยู่เลย

การแพ้ชนะการแข่งขันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะความเชื่อของเธอพังทลายไปแล้ว

เวลานี้ ทานากะซังผู้ช่วยของเธอกำลังพูดกับเธอด้วยสีหน้าร้อนใจว่า “คุณหนูใหญ่ คุณจะมาท้อแท้แบบนี้ไม่ได้นะ! ตอนนี้กำลังเข้าสู่รอบการตัดคนแล้ว ถ้าคุณแข่งแพ้ งั้นการแข่งก็จบลงแค่นี้แล้วนะ!”

อิโตะ นานาโกะยิ้มเศร้า พึมพำว่า “ทานากะซัง คุณก็เห็นฝีมือน่ากลัวของคุณเย่คนนั้นแล้วนี่ เอาฉันไปเทียบกับเขาน่ะ เหมือนกับเอาหิ่งห้อยไปเทียบกับแสงจันทร์ คุณรู้ไหมว่าประเทศจีนมีคำพูดโบราณคำหนึ่งว่า หิ่งห้อยหรือจะหาญกล้าเทียบเทียมแสงจันทร์ได้”

ระหว่างพูด เธอถอนหายใจยาวออกมาหนึ่งทีพลางว่า “ฝีมือของเขาเหมือนจันทร์กระจ่างสว่างกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่วนฉันก็แค่หิ่งห้อยตัวน้อยในดงหญ้าเท่านั้นเอง…”

สีหน้าทานากะซังบ่งบอกความเข้าใจเหมือนกัน

——-