บทที่ 2237 เพลงบรรเลงในวันแต่งงาน + ตอนที่ 2238 ชีวิตยากลำบากตรากตรำ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2237 เพลงบรรเลงในวันแต่งงาน

เหมยเหมยยักไหล่ “ให้ก็ให้ไปเถอะ งานมงคลคนเยอะหน่อยจะได้คึกคัก”

พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเหมยเหมยไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรก็พรูลมหายใจโล่งอกไปที ท่าทางเหมือนรอดพ้นความตายทำเอาเหมยเหมยตวัดตาเขม่นใส่เธอแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “ฉันใจแคบขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว เธอเป็นคนใจกว้างจะตายแล้วจะใจแคบได้อย่างไรกัน ฉันแค่กังวลว่าพวกเขาจะขวางหูขวางตาเธอ ทำเธอเสียอารมณ์แค่นั้นเอง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบอธิบาย

เธอรู้ดีถึงความเกลียดชังที่เหมยเหมยมีต่อสองคนนี้เลยลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ให้ไป

เพราะอิงจวี้กังบอกว่างานแต่งงานปฏิเสธแขกไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็นมงคล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลัวเป็นจริงเลยไม่กล้าขัดอะไร

เหมยเหมยหลุดขำ “ฉันไม่ชอบสองคนนี้ก็จริง ถึงตอนนั้นไม่สนใจพวกเขาก็พอ มีอะไรให้ไม่พอใจกัน”

“ใช่ ๆ ไม่สนใจพวกเขาก็พอ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดคล้อยตาม บอกตามตรงเธอเองก็ไม่ชอบสองคนนี้เช่นกันต่อให้คนหนึ่งเป็นอาจารย์ของเธอส่วนอีกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอแต่ก็น่ารังเกียจอยู่ดี

คนใจกว้างอย่างคุณนายเจียงดูสบายตากว่าเยอะ!

ตอนนี้คุณนายเจียงกลายเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญประจำบริษัทของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปแล้ว ธุรกิจขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเธอเป็นหญิงที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ได้ข่าวว่าตอนนี้มีผู้ชายเก่งกาจตามจีบคุณนายเจียงอยู่ไม่น้อย คุณนายเจียงไม่ตกลงปลงใจกับใครสักคนแต่กลับโปรยเสน่ห์ให้ความหวังผู้ชายเหล่านี้ มีชีวิตสุขสบายใจกว่าอดีตมากโข

สามวันถัดมาลุงเหลากับป้าฟางต่างก็ไปร่วมงานแต่งงานเป็นเพื่อนเหมยเหมยที่โรงแรมขนาดไม่ใหญ่ก็จริงแต่ดูออกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับอิงจวี้กังได้ตกแต่งสถานที่อย่างใส่ใจ มีลูกโป่งสีชมพูลอยอยู่ทั่วงานรวมถึงดอกกุหลาบสีแดงราวกับอยู่ในนิทานวัยเด็ก แค่เห็นก็อยากแต่งงานด้วยอีกคนแล้ว

ค่าจัดงานแต่งงานมีเหมยเหมยเป็นฝ่ายสนับสนุนคนเดียว ส่วนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกแรงเธอออกเงิน ถือเป็นของขวัญวันแต่งงานสำหรับเพื่อนสนิท

“ขอบคุณ…ดีจริง ๆที่มีพวกเธอ…”

ฉีฉีเก๋อสวมชุดแต่งงานสีขาวสะอาดพร้อมแต่งหน้าอย่างประณีต เธอเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดด้วยน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าอยู่

“โอ๊ย…เธออย่าร้องไห้เชียว กว่าจะแต่งหน้าสไตล์เจ้าสาวให้เธอได้ไม่ง่ายเลยนะ ร้องไห้เครื่องสำอางเลอะแล้วดูสิว่าเธอจะถ่ายรูปอย่างไร!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่นอย่างไม่พอใจและทำหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร

ปกติเธอถนัดสื่ออารมณ์ความรู้สึกด้วยวิธีง่าย ๆและป่าเถื่อน พอฉีฉีเก๋อมาแนวอบอุ่นซาบซึ้งใจก็ทำเธอไม่คุ้นชินอย่างมาก รู้สึกเก้ ๆกัง ๆไปหมด เดิมคิดจะพูดปลอบสักหน่อยแต่คำที่ออกจากปากกลับกลายเป็นคำบ่นไปเสียได้

ดีที่เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อรู้นิสัยใจคอเธอดีเพราะเธอเป็นคนปากร้ายใจอ่อน ปากสบถคำดุด่าออกมาแต่คนที่ใจอ่อนที่สุดกลับเป็นเธอ

ฉางชิงซงสวมชุดสูทสีขาวที่เช่ามาขับให้ดูดีมีสง่า กล่าวคำขอบคุณกับพวกเหมยเหมย “ขอบคุณนะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้พูดไว้หน้าเขาเท่าไร แต่กลับถลึงตาตวาดใส่ “ไม่ต้องขอบคุณ หลังจากนี้ดีกับฉีฉีเก๋อให้มากหน่อยก็พอ ถึงตอนนั้นอย่าเอาแต่เข้าข้างแม่นิสัยประหลาด ๆของนายล่ะ…”

เหมยเหมยฟาดหลังเธออย่างแรงทีหนึ่งจนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลืนคำพูดที่เหลือลงท้องไปแล้วหุบปากเงียบแต่โดยดี

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ความหวังเพียงอย่างเดียวของเราก็คือในอนาคตฉีฉีเก๋อจะต้องมีชีวิตที่มีความสุข ไม่ถูกเรื่องเล็กเรื่องน้อยในบ้านกวนใจ ยังหัวเราะอย่างมีความสุขได้เหมือนเมื่อก่อน” เหมยเหมยพูดอ้อมค้อม

ฉางชิงซงเป็นคนฉลาด พอฟังก็เข้าใจความหมายที่เหมยเหมยจะสื่อทันที อันที่จริงก็สื่อความหมายเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่พูดอ้อมค้อมไปหน่อยเท่านั้นแหละ

“พวกเธอไว้ใจได้ แม่ฉันไม่มาอยู่กับฉันและฉีฉีเก๋อหรอก” ฉางชิงซงรับปาก

อีกอย่างต่อให้เขาอยากรับคุณแม่มาอยู่ด้วยกันตอนนี้เงื่อนไขก็ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร บริษัทภาพยนตร์แบ่งห้องเดี่ยวขนาดสิบกว่าตารางเมตรให้เขาเท่านั้น แม้แต่ห้องน้ำและห้องอาบน้ำยังใช้ของส่วนรวม แค่เขากับฉีฉีเก๋อสองคนก็เบียดเสียดมากพอแล้ว ถ้าแม่ของเขามาอยู่ด้วยแล้วจะนอนที่ไหน?

ยัดก็ยัดไม่ลงหรอก!

…………………………

ตอนที่ 2238 ชีวิตยากลำบากตรากตรำ

“จะว่าไปพวกเธอจะใช้ชีวิตอยู่หอพักนั่นตลอดไปก็ใช่เรื่อง รอคลอดลูกแล้วครอบครัวสามคนนอนพลิกตัวหน่อยยังยากเลย นายจะปล่อยให้ลูกเมียนายนอนเบียดอยู่แต่ในห้องแคบ ๆตลอดชีวิตไม่ได้หรอกมั้ง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนพูดจาตรง ๆไม่อ้อมค้อม

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉางชิงซงชะงัก ความขมขื่นถาโถมเข้ามาในหัวใจจนความปลื้มปิติในวันแต่งงานจางหายไปเช่นเดียวกัน!

ความจริงที่ขมขื่นมันน่าเศร้าใจจริง ๆ!

ตอนนี้ในกระเป๋าเขาเหลือเงินไม่ถึงสองร้อยหยวน อย่าว่าแต่ซื้อบ้านเลยอาจไม่พอแม้แต่ค่าอาหารเดือนนี้ด้วยซ้ำ!

เขาอดหลาย ๆมื้อหน่อยไม่เป็นไรแต่ฉีฉีเก๋อกับลูกในท้องจะอดข้าวไม่ได้ แม้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะพูดจาไม่น่าฟังแต่กลับเป็นความจริง เพราะจะปล่อยลูกเมียลำบากไปกับเขาไม่ได้!

“ตอนนี้คงต้องให้ฉีฉีเก๋อทนอยู่ไปก่อน หลังจากนี้ฉันจะรับงานเยอะ ๆ เก็บหอมรอมริบไว้ซื้อบ้าน” ฉางชิงซงแสดงท่าทีหนักแน่น

ต้องซื้อบ้านแน่นอน เขาคิดไว้แล้วว่าจะไม่ปฏิเสธรับงานวาดเชิงพาณิชย์ที่อดีตไม่เข้าตาพวกนั้นอีก งานไหนได้เงินก็รับงานนั้น ไม่มีเงินคงไม่มีอะไรต้องคุยกัน

ฉีฉีเก๋อก็กล่าวเสริม “ฉันก็จะหางานเหมือนกัน เราช่วยกันทำมาหากิน จะต้องผ่านช่วงลำบากนี้ไปด้วยกันได้แน่ ๆ”

“ตอนนี้เธอท้องอยู่จะทำงานบ้าอะไรอีก บำรุงร่างกายอยู่บ้านดี ๆ เรื่องทำงานหาเงินปล่อยให้ผู้ชายทำไป!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบหลังศีรษะเธออย่างขุ่นเคืองเฉกเช่นปกติ พอง้างมือถึงกลางอากาศถึงนึกขึ้นได้ว่าบัดนี้ฉีฉีเก๋อกำลังตั้งครรภ์อยู่เลยดึงมือกลับก่อนจะฟาดหน้าตัวเองเพราะยั้งไว้ไม่ทัน

เสียงดังกังวานเรียกให้หลายคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตามองฉีฉีเก๋อแวบหนึ่งแล้วยกมือนวดแก้มเบา ๆ รอบนี้ตบไม่เบานักต้องทิ้งรอยไว้แหง ๆเลย

เหมยเหมยอดขำไม่ได้พลางเอ่ยต่อคู่สามีภรรยาฉีฉีเก๋อเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแสดงความยินดีกับพวกเธอด้วย หวังว่าพวกเธอจะครองรักกันไปนาน ๆ ชีวิตมีแต่ความสุขนะ!”

ฉางชิงซงกับฉีฉีเก๋อปลีกตัวไปรับแขกคนอื่น ๆที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเมืองหลวง มีทั้งเพื่อนของฉางชิงซงและเพื่อนของฉีฉีเก๋อ ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีบรรยากาศจึงคึกคักอย่างมาก

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็หาโต๊ะนั่งรับประทานอาหาร เธอไม่ได้แตะต้องตะเกียบแต่แค่นั่งดูคนอื่น ๆทานอย่างเดียว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญเธอไม่กล้าทานอะไรนอกบ้าน เรื่องเหนือความคาดหมายมักเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นระวังตัวไว้ก่อนจะดีกว่า

ช่วงทานข้าวก็ดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานที่ทุกคนต่างเรียกร้องให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทำการแสดงให้ดู เสียงดังเซ็งแซ่ ตอนนี้ทุกคนกำลังมีความสุขจึงมีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า หลบหลีกโลกแห่งความจริงสุดเอือมระอาหวังเพียงจะได้สนุกชั่วคราว

เหมยเหมยไม่ได้อยู่นาน เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว เธอล้วงซองแดงจากกระเป๋ายื่นให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เดี๋ยวฝากเธอให้ฉีฉีเก๋อหน่อยนะ ฉันกลับก่อนล่ะ”

“ได้ เธอระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยากไปส่งเธอแต่ถูกเหมยเหมยกดไหล่ลง มีป้าฟางคอยอยู่เป็นเพื่อนไม่มีอันตายแน่นอน

เพิ่งก้าวออกจากประตูโรงแรมก็มีคนเรียกเหมยเหมยไว้ ซึ่งเป็นเจียงจื้อหรู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีเทาแต่ไม่ใช่ชุดใหม่ แม้รองเท้าหนังจะถูกขัดอย่างเงางามแต่ก็ไม่ได้ดูใหม่มากนัก ดูท่าทางสถานะทางการเงินของเขาจะไม่สู้ดีเท่าไร

“มีอะไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถาม

เจียงจื้อหรู่ยิ้มแก้เกออย่างเกรงใจแล้วถูมือไปมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจ ผ่านไปพักใหญ่ถึงเอ่ยปาก “คืองี้ฉันอยากฝากขายรูปวาดของจื่อเซวียนไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของศาสตราจารย์เหยียนได้ไหม?”

เหมยเหมยเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ “อาจารย์มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็นของตัวเองไม่ใช่เหรอคะ?”

เจียงจื้อหรู่ยิ้มอย่างขมขื่น “ขายไปแล้ว”

เหมยเหมยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหนือคาดเท่าไรในเมื่อเจียงจื้อหรู่ไม่ใช่คนที่เหมาะกับการค้าขายอยู่แล้ว ต่อให้เขามีแม่ไก่ที่ฟักไข่ได้ก็คงกลายเป็นไก่หินอยู่ดี พิพิธภัณฑ์นั่นพอมีชื่อเสียงอยู่ในวงการอยู่บ้าง ถ้าหากบริหารจัดการดี ๆ เจียงจื้อหรู่คงไม่มีชีวิตยากลำบากขนาดนี้

……………………..