ตอนที่ 1718 : เรื่องเร่งด่วน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1718 : เรื่องเร่งด่วน

ดาทูร่าสบถออกมา แม้ว่านางจะจบชีวิตของลู่เทียนด้วยตัวเองแต่ความเกลียดที่มีต่อลู่เทียนนั้นยังคงอยู่ในใจ เพราะเขาทำให้นางตกอยู่ในสภาพนี้

ตอนนั้นนางไม่ได้ยั้งมืออีกต่อไป นางใช้พลังทั้งหมดที่มีเข้าโจมตีค่ายกลที่ขวางทางนางอยู่ นางใช้ทักษะลับและทักษะต่อสู้อย่างต่อเนื่องจนทำให้อากาศรอบ ๆ นั้นเต็มไปด้วยพิษ

จู่ ๆ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางได้ร้องออกมาว่า “ไม่นะ ชายคนนั้นตามอันโดฟูทันแล้ว ชะ ช่างเร็วจนน่ากลัว ! แม้แต่วิญญาณของข้าก็รับรู้ได้แต่ภาพพร่ามัว” ดาทูร่าตะลึงอย่างมาก นางยังคงขยายวิญญาณออกไป ดังนั้นนางจึงเห็นเจี้ยนเฉินตามอันโดฟูทัน

“ไม่แปลกใจเลยว่าชายที่ชื่อเจี้ยนเฉินถึงไม่ได้ไล่ตามข้า ข้าคิดว่าเขาคงจะปล่อยข้าไป แต่จากสถานการณ์แล้ว เขาไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อยที่ข้าหนี ด้วยความเร็วที่น่ากลัวของเขา อีกอย่างแล้วค่ายกลของลู่เทียนก็ได้ผนึกที่นี่เอาไว้ ข้าไม่อาจจะหนีได้แม้ว่าจะต้องการก็ตาม” ดาทูร่าคิด นางกัดฟันแน่นและแสดงสายตาเด็ดเดี่ยวออกมา นางถึงกับโยนคทาไม้ทิ้งและใช้มือทั้งสองข้างสร้างผนึกแล้วตะโกนขึ้น “ระเบิด ! ”

หลังจากที่พูดจบคทาไม้ก็ได้ระเบิดออก ค่ายกลด้านหน้าได้แตกออกพร้อมกับคลื่นพลังงานที่กระจายออกมา ตาของดาทูร่าเป็นประกายขึ้นมา นางใช้ทักษะลับและเผาแก่นชีวิตตัวเองเพื่อกลายเป็นภาพพร่ามัวและหนีไปผ่านรอยแตก นางไม่กล้าที่จะหยุดแม้แต่น้อยและหนีต่อให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

“ขั้นเทพที่ลู่เทียนเรียกมาได้หนีไปแล้ว อันโดฟู นางรู้เรื่องหยกหรือไม่ ? ” โม่หลิงถามและมองไปยังทางที่ดาทูร่าหนีไป

อันโดฟูยอมแพ้ไปแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นนักโทษไปแล้ว เขาได้ตอบกลับ “นางไม่รู้เรื่องหยก อันที่จริงแล้วนางได้สร้างความแค้นต่อลู่เทียนเมื่อหลายปีก่อน ลู่เทียนได้ให้นางมาที่นี่เพราะเขาต้องการใช้ตระกูลโม่จัดการกับนาง”

เจี้ยนเฉินมองไปยังทางที่ดาทูร่าหนีไปและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาได้บอกกับโม่หลิง “พี่โม่หลิง กลับกันเถอะ แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าลู่เทียนได้เตรียมการไว้หรือไม่แต่ข้าเชื่อว่าเขาคงเตรียมจะเผยแพร่ข้อมูลเรื่องหยกของ ราชาเทพต้วนมู่”

“ได้” โม่หลิงป้องมือให้กับเจี้ยนเฉิน หลังจากที่ได้เห็นพลังอันน่ากลัวของเจี้ยนเฉิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะปฏิบัติต่อ เจี้ยนเฉินอย่างสุภาพราวกับเจี้ยนเฉินเป็นอาจารย์ของเขา

เจี้ยนเฉินและโม่หลิงบินไปยังตระกูลโม่โดยมีอันโดฟูตามไปติด ๆ

ตอนที่เจี้ยนเฉินและโม่หลิงกลับมายังตระกูลโม่ ตระกูลโม่ก็สงบลงแล้ว แม้ว่าโล่พลังจะยังคงทำงานแต่คนจากสองตระกูลที่โจมตีตระกูลโม่ก่อนหน้านี้ได้จากไปนานแล้ว ชัดแล้วว่าพวกนั้นหนีไปตอนที่เห็นขั้นเทพของตนพ่ายแพ้

เมื่อผู้นำตระกูลโม่เห็นโม่หลิงและเจี้ยนเฉินกลับมา เขาก็ยินดีขึ้นมาทันที เขารีบบินออกไปจากม่านพลังและพูดขึ้นว่า “บรรพชน ในที่สุดท่านก็กลับมา สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ? ” เขามองไปยังอันโดฟูแล้วพูดขึ้นมาด้วยสายตาแปลก ๆ

จากมุมมองเขาแล้ว เขาบอกได้หลายอย่างจากสีหน้าของอันโดฟูซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา

“ซิงเฟิง กระจายคำสั่งให้ทุกคนในตระกูลโม่ให้ล่าคนของตระกูลลู่ที่เหลือ ลู่เทียนได้ผนึกเขตนี้ในระยะล้านกิโลเมตรเอาไว้ คนของตระกูลลู่ไม่อาจจะหนีไปได้” โม่หลิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ได้ บรรพชน ! ” ผู้นำตระกูลยินดีขึ้นมา เขาได้ออกไปสั่งการทันที

หลังจากนั้นโม่หลิงก็ได้บอกกับอันโดฟูว่า “อันโดฟู ทิ้งคนของเจ้าไว้กับข้า มันไม่จำเป็นที่ต้องสั่งการใด ๆ ”

โม่หลิงต้องจัดการเก็บกวาดหลังการต่อสู้จบลง เจี้ยนเฉินได้บินไปตรงหน้าเฉินเจี้ยน หลังจากที่ตรวจสอบบาดแผลอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ได้แบกเฉินเจี้ยนไปยังห้องโถงที่เจ็ดทันที

ระหว่างทางทุกคนในตระกูลไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโส, สมาชิกระดับสูงหรือยามต่างก็พากันโค้งให้กับเจี้ยนเฉินและ เฉินเจี้ยนอย่างสุภาพ

ผู้อาวุโสมองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาซับซ้อน ความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินได้แสดงออกมานี้ทำให้พวกเขาต้องตะลึง

ซีหยูนั้นคับข้องใจ นางเคยค้านกับการที่โม่หยานได้ช่วยทั้งสองคนมาในอดีต หลังจากที่เจี้ยนเฉินตื่นขึ้นมาในตระกูลโม่ นางก็ได้บอกให้พวกเขาออกจากตระกูลโม่ไป หากไม่ใช่เพราะโม่หยานที่อ้อนวอนให้พวกนี้อยู่ต่อ พวกนี้คงออกจากตระกูลโม่ไปนานแล้ว

ครั้งที่แล้วตอนที่นางขึ้นถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงปลาย นางไม่ได้สนใจกับการที่เจี้ยนเฉินมายินดีกับนาง เพราะนางเชื่อว่าเขาเป็นแค่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม เพราะแบบนั้นมันจึงชัดแล้วว่าไม่จำเป็นที่นางจะต้องสนใจเขา แต่ตอนนี้เมื่อนางพบว่าเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งจนแม้แต่ลู่เทียนที่เป็นบรรพชนขององค์กรใหญ่และยังเป็นขั้นเทพช่วงต้นก็ยังไม่อาจจะรับมือได้ไหว ซีหยู่ก็ต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้

ภาพของเจี้ยนเฉินในอดีตในชุดขาวและผมที่ปลิวไปตามลมพร้อมกับกระบี่หิมะบินในมือได้ฝังลึกในใจของนาง “เพราะเจ้าแข็งแกร่ง เหตุใดเจ้าถึงทำตัวราวกับไม่ใช่คนพิเศษ ? เจ้าไม่ได้มีความยิ่งใหญ่ของจอมยุทธเลย แม้แต่ตอนที่ยามขอบเขตดั้งเดิมดูถูกเจ้า เจ้าก็ไม่ได้โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เจ้าไม่คิดใส่ใจเลยจริง ๆ หรือ ? ” ซีหยูมองไปที่ห้องโถงที่เจ็ดด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน

“แม้แต่ตอนที่ขั้นเทพช่วงต้นอยู่ต่อหน้าเจ้า พวกนั้นได้แต่ตายเมื่อเจ้าต้องการให้พวกนั้นตายและไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายนัก ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามี แม้แต่การกำจัดตระกูลโม่ก็เป็นเรื่องง่ายดาย มันเป็นไปไม่ได้ที่บรรพชนจะเป็นคู่มือของเจ้าได้ เจ้านั้นยอดเยี่ยม มีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะมีความคิดคล้ายกันกับคนที่เหมือนกับมดปลวกแบบเรา ? เจ้าไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย”

เฉินเจี้ยนได้กินยาที่โม่หลิงนำมาให้และนั่งอยู่บนเตียงหยกเพื่อฟื้นฟูตัวเองในห้องโถงที่เจ็ด

หลังจากที่รู้รายละเอียดต่าง ๆ เฉินเจี้ยนก็เครียดขึ้นมา เขาได้พูดขึ้นมาว่า “จิ้งจอกเฒ่าลู่เทียน เขาเจ้าเล่ห์ เขาเชิญขั้นเทพอีกคนมาเพื่อกันปราณกระบี่ลึกซึ้งของเจ้า มันเป็นไปได้ยังไงที่คนแบบเขาจะไม่เตรียมตัวมา ? เขาต้องเตรียมการไว้เหมือนตระกูลโม่และตระกูลอันโด คนของตระกูลโม่คงกระจายข่าวเรื่องหยกของราชาเทพต้วนมู่ ทันทีที่ลู่เทียนตาย”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดเช่นกัน ข้าจะไปยังตระกูลลู่ เรายังมีเวลาที่จะไปยึดสมบัติของพวกนั้น เมื่อเราได้สมบัติของตระกูลลู่และตระกูลอันโดมา เราจะใช้หยกทั้งสามชิ้นเปิดสุสานของราชาเทพต้วนมู่” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น