ทันทีที่ประตูปิดลง เทพธิดาที่ทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนหลงใหล กลับตาสีแดง และถามเย่เฉินเสียงสะอื้นว่า:”พี่เย่เฉิน พี่จำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ?”
เย่เฉินส่ายหัวเล็กน้อย และพูดอย่างจริงจังว่า:”ขอโทษด้วยนะ ฉันออกจากเย่นจิงตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว เลยจำผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ในเย่นจิงได้ไม่มากนัก”
ดวงตาของกู้ชิวอี๋เต็มไปด้วยน้ำตาทันที เธอพูดเบาว่า:”พี่เย่เฉิน ฉันคือหนานหนานไง พี่จำฉันไม่ได้เหรอ? กู้หนานหนานไง!”
“หนานหนาน?”เย่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามว่า:”หนานไหน?”
กู้ชิวอี๋รีบพูดว่า:”ข้างนอกเป็นโค่ว ข้างในเป็นคำว่าหนู่”
ผู้หญิงที่มีชื่อว่าหนานมีหลายคน เช่น หนานในหนานมู่ หนานในหนานเป่ย และอีกหนานหนึ่ง ถ้าบอกว่าชื่อหนานหนาน เย่เฉินนึกไม่ออกจริงๆ
แต่ว่า พอบอกว่าหนานตัวนี้ เย่เฉินก็นึกได้ทันที
ในหัวของเขา นึกถึงรูปร่างหน้าตาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งทันที
กู้หนานหนาน ลูกสาวของตระกูลกู้แห่งเย่นจิง และแม่ของเธอเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะในเมืองจงไห่ ตั้งชื่อเล่นให้กับเธอโดยมีโค่วอยู่ด้านนอก และด้านในเป็นหนู่ เพราะในภาษาถิ่นของมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง และเซี่ยงไฮ้ ชื่อนี้มีความหมายว่าเด็กสาว
และพ่อของกู้หนานหนาน ชื่อกู้เย่นจง เป็นคนที่สามในบรรดาลูกหลานของตระกูลกู้ ที่รู้จักกันในชื่อท่านชายกู้สาม
ตอนนั้น กู้เย่นจงและพ่อของเย่เฉินเป็นเพื่อนร่วมสาบานที่ดีที่สุด และพูดได้ว่ามีมิตรภาพที่เคยผ่านความตามมาด้วยกัน
ในเวลานั้น ตระกูลกู้ ไม่อยู่ในสามอันดับแรกในเย่นจิง และอาจจะอยู่นอกสิบอันดับแรก
ตอนนั้นพ่อของเย่เฉินช่วยกู้เย้นจงเยอะมาก ช่วยเขาโต้กลับในฐานะทายาทคนแรกของตระกูลกู้ และช่วยให้เขากลายเป็นผู้นำตระกูลกู้ แล้วยังสนับสนุนตระกูลกู้ ทำให้ตระกูลกู้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตอนนั้น กู้เย้นจงรู้สึกขอบคุณพ่อของเย่เฉินอย่างมาก นอกจากนี้ ทั้งสองยังสนิทสนมกันอย่างกับพี่น้องแม่เดียวกัน และลูกของทั้งสองครอบครัวก็เป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงพอดี แล้วกู้ชิวอี๋ ก็คือกู้หนานหนาน อายุน้อยกว่าเย่เฉินนิดหน่อย
ดังนั้น กู้ชิวอี๋จึงเสนอว่า จะให้ลูกทั้งสองคนเป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็ก
ในตระกูลใหญ่ คู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กเป็นเรื่องธรรมดามากในทุกวันนี้ แต่ส่วนใหญ่คู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กไม่ได้โรแมนติกและไร้เดียงสาเหมือนที่อธิบายไว้ในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์
คู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กในตระกูลใหญ่ อันที่จริงก็คือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ชัดๆเลย อย่างตระกูลเย่กับตระกูลกู้ ความรักที่อยู่ในสถานการณ์คู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กนั้น มันมีน้อยมากๆ
ตอนนั้น พ่อของเย่เฉินก็ไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก แค่คิดว่าเธอชอบสาวน้อยน่ารักอย่างกู้หนานหนาน ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนที่ดี จึงตอบตกลงทันที
แต่ว่าเนื่องจากตอนนั้นทั้งคู่ยังเด็กอยู่ เรื่องนี้จึงหยุดอยู่ที่การตอบตกลงปากเปล่าของผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
เย่เฉินยังคงจำได้ว่า เมื่อเรื่องนี้ได้ตัดสินใจในตอนนั้น เขาอายุเพียงสี่หรือห้าขวบ อันที่จริง เขาค่อนข้างต่อต้านเรื่องนี้
เพราะว่า เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสองฝ่ายมีการจัดงานปาร์ตี้ ตอนที่ตนพบกับกู้หนานหนาน กู้หนานหนานจะตามต้อยๆอยู่ข้างหลังตลอดเวลา ไม่สามารถสลัดออกได้ ซึ่งน่ารำคาญมาก
และในความทรงจำของเขา เด็กหญิงคนนี้ชอบร้องไห้มาก ทุกครั้งที่ตนอยากสะบัดเธออก เธอจะร้องไห้อย่างรุนแรง สร้างความรำคาญให้กับเย่เฉินที่อายุน้อยและขี้เล่นมาก
แล้วก็
เมื่อไหร่ก็ตามที่กู้หนานหนานร้องไห้ แม่ของเย่เฉินมักจะบอกเขาอย่างจริงจังว่า:”เฉินเฉิน ต่อไปหนานหนานจะเป็นภรรยาของนายแล้ว นายห้ามแกล้งเธอ เข้าใจไหม?”
เย่เฉินรู้สึกไม่สบายใจทันทีที่ได้ยินคำนี้ เขาในตอนนั้น จะเล่นปืนของเล่นทุกชนิดทุกวัน จะเคยคิดเรื่องแต่งงานได้ยังไง? และพอคิดว่าจะต้องแต่งงานกับคนที่ตามหลังต้อยๆที่ชอบร้องไห้ เขาก็ต่อต้านมากขึ้น
แต่นั่นเป็นช่วงในวัยเด็ก หลังจากที่เขาออกจากเย่นจิง และมาถึงจินหลิง เขาก็คิดหาวิธีเอาตัวรอดทุกวัน ไม่เคยคิดเกี่ยวกับกู้หนานหนานที่ทำให้เขาน่ารำคาญเลยสักนิด
แต่ว่า ไม่เคยคิดฝันเลยว่า เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ชอบร้องไห้ในตอนนั้น จะกลายเป็นดาราที่มีเสน่ห์และสวยงาม ถ้าเธอไม่พูดชื่อเล่นของเธอ เขาคงไม่สามารถเชื่อมโยงคนสองคนนี้เข้าด้วยกันได้!