ตอนที่ 1722: สถานการณ์เปลี่ยน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1722: สถานการณ์เปลี่ยน

โม่หยานดูเหมือนจะได้เห็นแสงไฟสลัว ๆ เมื่อนางได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน นางมีความหวังในทันที

“นั่นจริงหรือ ? เจ้าเต็มใจที่จะพาข้าไปด้วยจริง ๆ หรือไม่ ? ” โม่หยานมองดูเจี้ยนเฉินอย่างตื่นเต้น

เจี้ยนเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าพาเจ้าไปด้วยได้ แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าสถานที่ที่เราจะไปในตอนนี้เป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถทิ้งเจ้าไว้ข้างนอกได้ เจ้าต้องฟังข้าและอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ของข้าอย่างเชื่อฟัง ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจึงจะสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของเจ้าได้”

เจี้ยนเฉินไม่สนใจเกี่ยวกับคนอื่น ๆ ในตระกูลโม่ แต่เขาต้องพาโม่หยานไปสุสานของราชาเทพต้วนมู่พร้อมกับเขา นางอาจจะถูกลงโทษ ถ้านางยังคงอยู่ข้างนอกด้วยความแข็งแกร่งระดับเซียนของนาง อีกทั้งนางยังเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูล ดังนั้นหากตระกูลผู้มีอำนาจในแคว้นตงอันทราบเกี่ยวกับสุสานของราชาเทพต้วนมู่ นางจะไม่สามารถหลบหนีได้

โดยไม่ล่าช้านัก ทุกคนในตระกูลได้ปลอมตัวและแยกย้ายกันไป แม้ว่าทุกคนจะสงสัย แต่พวกเขารู้ว่าตระกูลโม่กำลังเผชิญกับปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพราะบรรพชนต้องการให้พวกเขาแยกย้ายสลายตัวไปราวกับหมอกและซ่อนตัว

สองชั่วยามต่อมา ตระกูลโม่ก็ว่างเปล่า ผู้คนทั้งหมดได้ออกไปและมีเพียงผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนและผู้นำตระกูลเท่านั้นที่เหลืออยู่ พวกเขาบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

“น้องเจี้ยนเฉิน ไปเถิด” โม่หลิงพูดกับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินเหลือบมองผ่านโม่หยาน เขาโบกมือ ทันใดนั้นโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นทันที มันลอยอยู่บนท้องฟ้าในฐานะโถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่

การปรากฏตัวของโถงศักดิ์สิทธิ์ดึงดูดความสนใจของทุกคนตรงนั้นทันที ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลโม่หรือตระกูลอันโด พวกเขาทั้งหมดจ้องมองโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสนใจอย่างมาก พวกเขาต่างก็สงสัยว่าทำไมเจี้ยนเฉินจึงมีโถงศักดิ์สิทธิ์ที่เปราะบางแม้จะมีพละกำลังมหาศาล

นี่เป็นเพราะผู้อาวุโสทุกคนสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไม่ได้แข็งแรงเลย แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตดั้งเดิมก็สามารถทุบเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ได้ ในขณะที่คลื่นกระแทกจากการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธขอบเขตเทพสามารถทำให้มันเป็นชิ้น ๆ ได้ มันเปราะบางมาก

“โม่หยาน โปรดอยู่ในห้องโถงศักดิ์สิทธิ์สักพัก” เจี้ยนเฉินพูดกับโม่หยาน ในขณะเดียวกัน ประตูของโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ

“เจี้ยนเฉิน เจ้าต้องปล่อยให้ข้าออกไปเมื่อเจ้าไปถึงที่ปลอดภัย ไม่อย่างนั้นข้าต้องหายใจไม่ออกตายอยู่ที่นี่แน่นอน” โม่หยานกล่าวก่อนที่จะกล่าวคำอำลาต่อผู้นำและซีหยู นางเดินเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มอย่างไม่เต็มใจ

ผู้นำอ้าปาก เขาอยากจะบอกว่าเขามีสมบัติมิติที่ดีกว่าที่สามารถต้านทานการโจมตีจากขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้หลายครั้งโดยไม่ถูกทำลาย มันแข็งแกร่งกว่าโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มหลายเท่า แต่เมื่อเขากำลังจ้าอ้าปาก เขาก็ต้องกลืนพวกมันกลับลงไป นี่เป็นเพราะเมื่อพวกเขาเข้าไปในสุสานของราชาเทพต้วนมู่ มันไม่สำคัญว่าจะเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มหรือโถงศักดิ์สิทธิ์ของเขา ทั้งหมดจะเปราะบางเหมือนกระดาษเมื่อเกิดการโจมตีใด ๆ เมื่อพวกเขาเข้าไปในสุสาน มันจะเหมือนกันรวมถึงโถงศักดิ์สิทธิ์ที่โม่หยานอยู่ ส่วนที่สำคัญคือคนที่ครอบครองโถงศักดิ์สิทธิ์มีพลังในการปกป้องมันหรือไม่

ทุกคนพร้อมเต็มที่พวกเขาไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป ขณะที่พวกเขากำลังจะออกเดินทาง ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนที่เคร่งขรึมและไม่นานหลังจากนั้น ใบหน้าของโม่หลิงและอันโดฟู่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน ไม่แปลกใจเลยมันคือที่ตั้งของภูเขาเมฆดำ

สองพลังแห่งการมีอยู่อันทรงพลังปรากฏขึ้นทันทีในที่ที่พวกเขาจ้องมอง พุ่งทางตระกูลโม่ด้วยความเร็วสูง พลังแห่งการมีอยู่มหาศาลทำให้เมฆและลมปั่นป่วน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นขั้นเทพ

“บรรพชนตระกูลหนานหยุนและตระกูลฮูจากเมืองหลัก ! ” โม่หลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม เขารู้จักตัวตนของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะปรากฏตัวผ่านพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาเสียอีก มีขั้นเทพจำนวนมากในแคว้นตงอันและทุก ๆ คนมีชีวิตอยู่มานานหลายปี แม้ว่าขั้นเทพจะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน แต่พวกเขาก็รู้จักกัน

“ผู้คนจากเมืองหลักมาที่ตระกูลโม่ ตระกูลลู่แพร่ข่าวเกี่ยวกับหยกของราชาเทพต้วนมู่จริงหรือไม่ ข่าวได้แพร่ไปทั่วแคว้นตงอันแล้วหรือยัง ? ” เจี้ยนเฉินคิด แสงเย็นแวบวาบในดวงตาของเขา

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ขั้นเทพทั้งสองก็มาถึงเหนือตระกูลโม่ พวกเขาอยู่ห่างจากกลุ่มของเจี้ยนเฉิน 100 เมตร

อย่างที่คาดไว้ ทั้งสองคนเป็นเทพสองในสามที่ถูกส่งไปดูแลภูเขาเมฆดำ พวกเขาออกจากเหมือนในเวลาเดียวกัน หนึ่งในนั้นมุ่งหน้าไปยังตระกูลอันโด ในขณะที่อีกสองคนตรงไปที่ตระกูลโม่

“โม่หลิง อันโดฟู่ พวกเจ้าวางแผนจะไปที่ไหน ? อืม ? เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลโม่ของพวกเจ้า ? ทำไมทุกคนถึงหายไป ? เกิดอะไรขึ้น ? ” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวคนหนึ่งทำตัวเหมือนว่าเขาประหลาดใจเมื่อเขามองไปรอบ ๆ ด้วยความไม่แน่ใจ

เขาเป็นขั้นเทพจากตระกูลหนานหยุน แม้ว่าเขาจะดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบปีจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่เขามีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว

ขั้นเทพจากตระกูลฮูอยู่ข้างเขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ในที่สุดการจ้องมองของเขาก็มุ่งเน้นไปที่โม่หลิงและอันโดฟู่และแววตาของเขาก็สั่นไหว

“นั่นเป็นเรื่องภายในของตระกูลโม่ ไม่มีความจำเป็นที่ตระกูลอื่นจะเข้ามาแทรกแซง ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปเข้าร่วม ดังนั้นข้าจึงไม่มีเวลาพูดคุยมาก ข้าขอลาก่อน” โม่หลิงยกมือขึ้นแล้วพูดอย่างสงบ

“ หยุด ! ” เมื่อโม่หลิงพูดจบ ขั้นเทพจากตระกูลฮูก็ตะโกนเสียงดัง ภายในชั่วพริบตาเขาก็มาถึงกลุ่มของเจี้ยนเฉิน จับพวกเขาไว้พร้อมกับขั้นเทพจากตระกูลหนานหยุน

“ฮูเหลียน เจ้าพยายามทำอะไร ? ” ใบหน้าของโม่หลิงซีดลง เขาจ้องมองขั้นเทพจากตระกูลฮูอย่างรวดเร็ว

ขั้นเทพยิ้มอย่างไม่แยแส “โม่หลิง ข้าแค่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่เจ้าต้องไปเข้าร่วม มันสำคัญมากที่ขนาดที่เจ้าต้องให้คนในตระกูลโม่แยกย้ายกันออกไป กรุณาอธิบายให้ข้าคลายความอยากรู้ด้วย”

“นั่นเป็นเรื่องของตระกูลโม่ของข้า แม้ว่าตระกูลฮูของเจ้าจะเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังกว่าในแคว้นดงอัน เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลของข้า” โม่หลิงกล่าวอย่างเฉยเมย

ขั้นเทพจากตระกูลฮูยืนกอดอก เขายิ้มอย่างมั่นใจและพูดว่า “โม่หลิง ถ้าเจ้าไม่ทำตามที่ข้าต้องการและสนองความอยากรู้อยากเห็นของข้า ข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้”

เคล้ง !

ขณะที่ขั้นเทพจากตระกูลฮูพูดจบ เสียงก้องกังวานของกระบี่ก็ดังขึ้นในท้องฟ้า อุณหภูมิในสภาพแวดล้อมลดลงและหิมะก็โปรยลงมาเต็มท้องฟ้า

กระบี่สีเงินขาวส่องประกายสดใส มันพุ่งเข้าหาบรรพชนของตระกูลฮูด้วยความเร็วสูง